ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. การปรับขึ้นดอกเบี้ยของ ธ.กลาง สรอ. ไม่กระทบตลาดเงินของไทย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ ธปท.
เปิดเผยว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ธ.กลาง สรอ. เมื่อสัปดาห์ก่อนไม่มีผลกระทบต่อตลาดเงินของไทย ตลาดไม่แกว่งตัว
ค่าเงินบาทปรกติ ไม่มีปัญหาการเคลื่อนย้ายเงินทุน ซึ่ง ธปท. จะพิจารณาการขึ้นดอกเบี้ยของ ธ.พาณิชย์ไทยหรือไม่อีกครั้งในการประชุม
คณะกรรมการนโยบายการเงินที่จะมีขึ้นในวันที่ 21 ก.ค.นี้ ก่อนหน้านี้นายธนาคารหลายรายแสดงความเห็นเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยว่าจะยัง
ไม่ปรับขึ้นในปีนี้ เนื่องจากสภาพคล่องในระบบยังมีสูงมาก ขณะเดียวกันเศรษฐกิจของประเทศกำลังฟื้นตัว อัตราดอกเบี้ยต่ำจะช่วยเอื้อให้
ธุรกิจขยายตัว สามารถผลักดันให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างมีเสถียรภาพต่อไป ด้านลูกหนี้ก็สามารถปรับโครงสร้างหนี้ ขยายกิจการ มีรายได้
ชำระคืนเจ้าหนี้ได้ ทำให้การคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไปเป็นสิ่งที่ดีกับหลายฝ่าย (โลกวันนี้)
2. ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 2 เดือนติดต่อกันในเดือน เม.ย.-พ.ค.47 นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรม
การบริหาร ธ.กรุงเทพ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากถือเป็นเรื่องสำคัญที่กระทบต่อหน่วยเล็ก ๆ และหน่วย
ผลิตในระบบเศรษฐกิจ หากการใช้กำลังการผลิตขยายตัวต่อเนื่องในอัตราที่สูงถึงร้อยละ 75 ต่อเนื่อง 4-5 เดือน ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี
และทำให้เห็นแนวโน้มว่าภาคอุตสาหกรรมมีความต้องการสินเชื่อเพื่อนำไปขยายกำลังการผลิต ภาคสินเชื่อของระบบธนาคารก็จะขยับตาม
แต่มีข้อสังเกตว่าในเดือน เม.ย.-พ.ค.47 อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง ทำให้ยังไม่สามารถจับสัญญาณได้ว่าสินเชื่อจะขยายตัวเพิ่มขึ้น
หรือไม่ แม้ว่าการขยายตัวของสินเชื่อจะสูงกว่าเงินฝากแล้ว เพราะต้องรอประเมินตัวเลขอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ตอนนี้เริ่มผันผวน
โดยการปล่อยสินเชื่อของระบบ ธ.พาณิชย์เริ่มปรับตัวดีขึ้น เดือน เม.ย.ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.7 มียอดสินเชื่อใหม่เพิ่มขึ้น 5.5 หมื่น
ล้านบาท ในขณะที่เงินฝากเพิ่มขึ้น 6 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 ส่วนเดือน พ.ค.สินเชื่อเพิ่มขึ้น 3.51 หมื่นล้านบาท ขณะที่
เงินฝากเพิ่มขึ้น 2 หมื่นล้านบาท (โพสต์ทูเดย์)
3. มาตรการภาษีกระทบยอดการขายสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีเอ) ของ ธ.พาณิชย์ นายกิตติ พัฒนพงศ์พิบูล
ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย เปิดเผยว่า การขายสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีเอ) ของ ธ.พาณิชย์ชะลอตัวลงบ้างเมื่อเทียบ
กับช่วงปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักเกิดจากมาตรการยกเว้นภาษีการโอนและภาษีหัก ณ ที่จ่าย ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ปัญหา
เอ็นพีเอยังคงอยู่ในระบบ ธ.พาณิชย์อีกระยะหนึ่ง เพราะเป็นปัญหาเชื่อมโยงจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่ ธ.พาณิชย์เร่ง
ปรับโครงสร้างหนี้ มีการโอนหลักทรัพย์ค้ำประกันจากศาล ทำให้เป็นเอ็นพีเอเข้าสู่ระบบ ธ.พาณิชย์ และมองว่าตัวเลขเอ็นพีเอลดลงน้อย
เมื่อเทียบกับที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังการขายเอ็นพีเอคงจะมีอัตราการเพิ่มมากกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากความต้องการที่อยู่
อาศัยของประชาชนยังมีอยู่ รวมทั้งต้องการที่จะเลือกทำเลที่เหมาะสมใกล้ที่ทำงาน นอกจากนี้ ประชาชนมองว่าอัตราดอกเบี้ยเริ่มมีแนวโน้ม
สูงขึ้นจึงต้องตัดสินใจซื้อบ้านเพื่อไม่ให้เกิดภาษีดอกเบี้ยสูงในอนาคต ส่วนประเด็นที่จะมีหน่วยงานกลางอย่างบรรษัทบริหารสินทรัพย์ (บบส.
) จะเข้ามาซื้อเอ็นพีเอจากระบบ ธ.พาณิชย์นั้น ถือว่าเป็นมาตรการหนึ่งที่จะช่วยลดเอ็นพีเอจากระบบ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น ธ.พาณิชย์ของรัฐ
ที่ต้องการจะขายเอ็นพีเอออกไป เนื่องจาก ธ.พาณิชย์ของรัฐมีเงื่อนไขหรือกรอบของการบริหารทรัพย์สินยุ่งยาก จึงมองว่าวิธีการขายออก
ไปเป็นประโยชน์กับธนาคารมากกว่า ในส่วนของธนาคารเอกชนส่วนใหญ่จะไม่สนใจขายเอ็นพีเอ (ผู้จัดการรายวัน)
4. ชมรมธุรกิจบัตรเครดิตทำหนังสือถึง ธปท. ขอผ่อนผันเกณฑ์การอนุมัติบัตรเครดิต นายสุขดี จงมั่นคง ประธานชมรมธุรกิจ
บัตรเครดิต เปิดเผยว่า ชมรมฯ ได้ทำหนังสือถึง ธปท. เพื่อขอผ่อนผันเกณฑ์การอนุมัติบัตรเครดิตของสถาบันการเงิน โดยเฉพาะในเรื่อง
การกำหนดวงเงินที่จะให้แก่ผู้ถือบัตรแต่ละรายต้องไม่เกิน 5 เท่าของรายได้เฉลี่ยต่อเดือนหรือกระแสเงินสดหมุนเวียนในบัญชีเงินฝาก
โดยกรณีผู้ถือบัตรรายเก่าที่ให้ถือปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.48 เป็นต้นไป ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจเห็นว่าควรยกเลิกหลักเกณฑ์นี้สำหรับผู้ถือบัตรราย
เก่าเนื่องจากผู้ถือบัตรรายเก่าจะมีประวัติการชำระเงินที่ดีไม่ควรเข้มงวดเรื่องวงเงิน ซึ่ง ธปท. ได้ทำหนังสือตอบกลับมาว่าขอเวลา
พิจารณาเรื่องนี้ โดยขอดูข้อมูลบัตรเครดิตไตรมาสสองก่อนว่ามีทิศทางอย่างไร ทั้งนี้ ธปท. ได้ออกหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขใน
การประกอบธุรกิจบัตรเครดิตซึ่งมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.47 เพื่อควบคุมไม่ให้การขยายตัวของบัตรเครดิตมีมากเกินไป ซึ่งจะ
ส่งผลต่อการใช้จ่ายของประชาชนในประเทศ ซึ่งหลักเกณฑ์ที่ประกาศใช้ดังกล่าวทำให้การขยายตัวของธุรกิจบัตรเครดิตทั้งปีของสถาบันการ
เงินลดลง (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เดือน มิ.ย.47 ภาคบริการของอังกฤษเติบโตต่ำสุดในรอบปี รายงานจากลอนดอนเมื่อ 5 ก.ค.47 รอยเตอร์ เปิดเผย
ว่า The Chartered Institute of Purchasing and Supply / Reuters index ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดการเติบโตของภาคบริการ
อังกฤษในเดือน มิ.ย.47 ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.46 ที่ระดับ 56.8 จากระดับ 57.4 ในเดือนก่อน และต่ำกว่าการคาด
การณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นที่ระดับ 57.8 ขณะที่ The Prices Charged index ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดราคาค่าบริการที่ผู้
ประกอบการคิดจากลูกค้า ในเดือนเดียวกันกลับเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.43 ที่ระดับ 55.0 จากระดับ 54.6 ในเดือนก่อน
แม้ว่าดัชนีชี้วัดราคาวัตถุดิบจะลดลงที่ระดับ 60.9 จากระดับ 61.5 แต่ยังเป็นระดับที่สะท้อนถึงต้นทุนที่สูง ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์มองว่า
ผู้ประกอบการเลือกที่จะเพิ่มราคาในการสร้างผลกำไรเพื่อชดเชยความต้องการที่ลดลงจากการชะลอตัวของภาคบริการมากกว่าที่จะเพิ่ม
ปริมาณการผลิต ทั้งนี้ การลดลงของดัชนีชี้วัดภาคบริการของอังกฤษ เป็นไปในทิศทางเดียวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ
เขตเศรษฐกิจยุโรป ซึ่งอาจจะช่วยเสริมความเชื่อมั่นให้ ธ.กลางอังกฤษคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 4.5 ในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม
การสูงขึ้นของระดับราคาสินค้าก็คงต้องผลักดันให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นอย่างแน่นอน แต่คงไม่ใช่ในขณะนี้ อย่างเร็วที่สุดคงเป็นช่วงเดือน
ส.ค.47 (รอยเตอร์)
2. รัฐบาลญี่ปุ่นจะปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีงบประมาณ 47-48 นี้เป็นร้อยละ 1.8 รายงานจาก
โตเกียว เมื่อ 5 ก.ค.47 รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีงบประมาณ 47-48 ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือน
เม.ย.47 นี้ เป็นร้อยละ 1.8 หลังจากที่ขยายตัวร้อยละ 1.8 และ 1.5 ในไตรมาสสุดท้ายปี 46 และไตรมาสแรกปีนี้ตามลำดับ และ
GDP ของปีงบประมาณก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ภาคเอกชนคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวระหว่างร้อยละ 3 ถึง 4
ในปีงบประมาณนี้ จากการขยายตัวในเกณฑ์ดีของเศรษฐกิจในไตรมาสแรกปีนี้ โดยรัฐบาลตั้งเป้าที่จะขจัดภาวะเงินฝืดให้หมดสิ้นไปในปี
งบประมาณหน้า ในขณะที่ ธ.กลางญี่ปุ่นยังคงอัดฉีดสภาพคล่องเข้าไปในตลาดเงินเพื่อคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำใกล้ร้อยละ 0 ต่อไปจน
กว่าดัชนีราคาผู้บริโภคหลักซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานของทั้งประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมีเสถียรภาพสูงกว่าร้อยละ 0 ต่อปี และคาดว่า
ดัชนีราคาผู้บริโภคหลักของทั้งประเทศในปีงบประมาณนี้จะอยู่ร้อยละ |0.2 (รอยเตอร์)
3. ประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนในไตรมาสที่ 2 ปี 47 จะขยายตัวร้อยละ 11.3 เทียบต่อปี รายงานจากเซี่ยงไฮ้
เมื่อ 6 ก.ค.47 The Country s Powerful Economic Planner คาดว่า ในไตรมาสที่ 2 ปี 47 จีนจะเติบโตทางเศรษฐกิจร้อยละ
11.3 เทียบต่อปี เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 9.8 ในไตรมาสก่อน ขณะที่ The National Development and Reform Commission s
macro-economic research institute รายงานเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) สำหรับครึ่งแรกของปี 47 ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ
10.5 เมื่อเทียบกับครึ่งหลังของปี 46 นอกจากนี้ The Country s Powerful Economic Planner ยังคาดว่ารัฐบาลจีนจะยังไม่ปรับ
เพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะอันสั้นนี้ เนื่องจากทางการจีนพยายามลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจในประเทศลง ดังเห็นได้จากคำ
แถลงของผู้ว่าการธ.กลางจีนที่กล่าวที่สโลวีเนียเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้รัฐบาลจีนกำลังพยายามดำเนินมาตรการให้เศรษฐกิจจีนลด
ความร้อนแรงลง ทั้งนี้ เมื่อไตรมาสแรกปี 47 เศรษฐกิจจีนมีการขยายตัวถึงร้อยละ 9.8 เนื่องจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
และการขยายตัวของสินเชื่อที่กระตุ้นให้เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างมาก (รอยเตอร์)
4. ดัชนีราคาผู้ผลิตของเกาหลีใต้ในเดือน มิ.ย.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 เมื่อเทียบกับปีก่อนสูงสุดในรอบเกือบ 6 ปี รายงาน
จากโซล เมื่อ 5 ก.ค.47 ดัชนีราคาผู้ผลิตของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 ในเดือน มิ.ย.47 เมื่อเทียบกับปีก่อน สูงสุดนับตั้งแต่เดือน
พ.ย.41 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.0 เมื่อเทียบต่อปี โดยเริ่มเพิ่มสูงขึ้นมาตั้งแต่กลางปี 46 อันเป็นผลจากราคาวัตถุดิบและราคาน้ำมันในตลาด
โลกเพิ่มสูงขึ้น และส่งผลกระทบให้ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้นด้วย แต่ ธ.กลางเกาหลีใต้ยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำสุด
เป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 3.75 ต่อปี เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการบริโภคในประเทศที่ยังอยู่ในภาวะซบเซาได้ โดยคาดว่าทั้งดัชนีผู้ผลิต
และดัชนีราคาผู้บริโภคจะเพิ่มสูงขึ้นตลอดไตรมาสที่ 3 ปีนี้ จากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงผันผวน โดยเมื่อวันที่ 5 ก.ค.47 ราคา
น้ำมันดิบ Brent crude ที่ตลาดลอนดอนปิดสูงขึ้น 73 เซ็นต์ที่ 36.65 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล ผลจากการโจมตีท่อส่งน้ำมันของอิรัก
และความกังวลเกี่ยวกับฐานะการเงินของ Yukos บริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดของรัสเซีย (รอยเตอร์)
5. ดัชนีธุรกิจภาคบริการของเกาหลีใต้เมื่อเดือน พ.ค.47 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน รายงานจากโซล เมื่อ
6 ก.ค.47 สำนักงานสถิติเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ดัชนีธุรกิจภาคบริการของเกาหลีใต้ในเดือน พ.ค.47 ลดลงร้อยละ 0.4 เทียบจาก
ช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน โดยเมื่อเดือน มี.ค.และ เม.ย.ที่ผ่านมา ดัชนีดังกล่าวเพิ่มขึ้นร้อยละ
2.5 และ 0.1 ตามลำดับ ทั้งนี้ บัญชีอุตสาหกรรมภาคบริการมีสัดส่วนถึงครึ่งหนึ่งในระบบเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ ขณะที่อุตสาหกรรมการ
ผลิตมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 35 ในระบบเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลคาดว่าผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ของเกาหลีใต้ในปี 47 จะ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 จากร้อยละ 3.1 ในปีก่อน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของภาคการส่งออก ขณะที่ความต้องการในประเทศ
ยังคงชะลอตัวอย่างมากในปีนี้ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 6/7/47 5/7/47 30/1/47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.719 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.5166/40.8032 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.09375-1.2800 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 655.87/11.28 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,550/7,650 7,550/7,650 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 35.1 33.73 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 18.79*/14.59 18.79*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 18 มิ.ย.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. การปรับขึ้นดอกเบี้ยของ ธ.กลาง สรอ. ไม่กระทบตลาดเงินของไทย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ ธปท.
เปิดเผยว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ธ.กลาง สรอ. เมื่อสัปดาห์ก่อนไม่มีผลกระทบต่อตลาดเงินของไทย ตลาดไม่แกว่งตัว
ค่าเงินบาทปรกติ ไม่มีปัญหาการเคลื่อนย้ายเงินทุน ซึ่ง ธปท. จะพิจารณาการขึ้นดอกเบี้ยของ ธ.พาณิชย์ไทยหรือไม่อีกครั้งในการประชุม
คณะกรรมการนโยบายการเงินที่จะมีขึ้นในวันที่ 21 ก.ค.นี้ ก่อนหน้านี้นายธนาคารหลายรายแสดงความเห็นเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยว่าจะยัง
ไม่ปรับขึ้นในปีนี้ เนื่องจากสภาพคล่องในระบบยังมีสูงมาก ขณะเดียวกันเศรษฐกิจของประเทศกำลังฟื้นตัว อัตราดอกเบี้ยต่ำจะช่วยเอื้อให้
ธุรกิจขยายตัว สามารถผลักดันให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างมีเสถียรภาพต่อไป ด้านลูกหนี้ก็สามารถปรับโครงสร้างหนี้ ขยายกิจการ มีรายได้
ชำระคืนเจ้าหนี้ได้ ทำให้การคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไปเป็นสิ่งที่ดีกับหลายฝ่าย (โลกวันนี้)
2. ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 2 เดือนติดต่อกันในเดือน เม.ย.-พ.ค.47 นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรม
การบริหาร ธ.กรุงเทพ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากถือเป็นเรื่องสำคัญที่กระทบต่อหน่วยเล็ก ๆ และหน่วย
ผลิตในระบบเศรษฐกิจ หากการใช้กำลังการผลิตขยายตัวต่อเนื่องในอัตราที่สูงถึงร้อยละ 75 ต่อเนื่อง 4-5 เดือน ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี
และทำให้เห็นแนวโน้มว่าภาคอุตสาหกรรมมีความต้องการสินเชื่อเพื่อนำไปขยายกำลังการผลิต ภาคสินเชื่อของระบบธนาคารก็จะขยับตาม
แต่มีข้อสังเกตว่าในเดือน เม.ย.-พ.ค.47 อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง ทำให้ยังไม่สามารถจับสัญญาณได้ว่าสินเชื่อจะขยายตัวเพิ่มขึ้น
หรือไม่ แม้ว่าการขยายตัวของสินเชื่อจะสูงกว่าเงินฝากแล้ว เพราะต้องรอประเมินตัวเลขอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ตอนนี้เริ่มผันผวน
โดยการปล่อยสินเชื่อของระบบ ธ.พาณิชย์เริ่มปรับตัวดีขึ้น เดือน เม.ย.ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.7 มียอดสินเชื่อใหม่เพิ่มขึ้น 5.5 หมื่น
ล้านบาท ในขณะที่เงินฝากเพิ่มขึ้น 6 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 ส่วนเดือน พ.ค.สินเชื่อเพิ่มขึ้น 3.51 หมื่นล้านบาท ขณะที่
เงินฝากเพิ่มขึ้น 2 หมื่นล้านบาท (โพสต์ทูเดย์)
3. มาตรการภาษีกระทบยอดการขายสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีเอ) ของ ธ.พาณิชย์ นายกิตติ พัฒนพงศ์พิบูล
ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย เปิดเผยว่า การขายสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีเอ) ของ ธ.พาณิชย์ชะลอตัวลงบ้างเมื่อเทียบ
กับช่วงปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักเกิดจากมาตรการยกเว้นภาษีการโอนและภาษีหัก ณ ที่จ่าย ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ปัญหา
เอ็นพีเอยังคงอยู่ในระบบ ธ.พาณิชย์อีกระยะหนึ่ง เพราะเป็นปัญหาเชื่อมโยงจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่ ธ.พาณิชย์เร่ง
ปรับโครงสร้างหนี้ มีการโอนหลักทรัพย์ค้ำประกันจากศาล ทำให้เป็นเอ็นพีเอเข้าสู่ระบบ ธ.พาณิชย์ และมองว่าตัวเลขเอ็นพีเอลดลงน้อย
เมื่อเทียบกับที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังการขายเอ็นพีเอคงจะมีอัตราการเพิ่มมากกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากความต้องการที่อยู่
อาศัยของประชาชนยังมีอยู่ รวมทั้งต้องการที่จะเลือกทำเลที่เหมาะสมใกล้ที่ทำงาน นอกจากนี้ ประชาชนมองว่าอัตราดอกเบี้ยเริ่มมีแนวโน้ม
สูงขึ้นจึงต้องตัดสินใจซื้อบ้านเพื่อไม่ให้เกิดภาษีดอกเบี้ยสูงในอนาคต ส่วนประเด็นที่จะมีหน่วยงานกลางอย่างบรรษัทบริหารสินทรัพย์ (บบส.
) จะเข้ามาซื้อเอ็นพีเอจากระบบ ธ.พาณิชย์นั้น ถือว่าเป็นมาตรการหนึ่งที่จะช่วยลดเอ็นพีเอจากระบบ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น ธ.พาณิชย์ของรัฐ
ที่ต้องการจะขายเอ็นพีเอออกไป เนื่องจาก ธ.พาณิชย์ของรัฐมีเงื่อนไขหรือกรอบของการบริหารทรัพย์สินยุ่งยาก จึงมองว่าวิธีการขายออก
ไปเป็นประโยชน์กับธนาคารมากกว่า ในส่วนของธนาคารเอกชนส่วนใหญ่จะไม่สนใจขายเอ็นพีเอ (ผู้จัดการรายวัน)
4. ชมรมธุรกิจบัตรเครดิตทำหนังสือถึง ธปท. ขอผ่อนผันเกณฑ์การอนุมัติบัตรเครดิต นายสุขดี จงมั่นคง ประธานชมรมธุรกิจ
บัตรเครดิต เปิดเผยว่า ชมรมฯ ได้ทำหนังสือถึง ธปท. เพื่อขอผ่อนผันเกณฑ์การอนุมัติบัตรเครดิตของสถาบันการเงิน โดยเฉพาะในเรื่อง
การกำหนดวงเงินที่จะให้แก่ผู้ถือบัตรแต่ละรายต้องไม่เกิน 5 เท่าของรายได้เฉลี่ยต่อเดือนหรือกระแสเงินสดหมุนเวียนในบัญชีเงินฝาก
โดยกรณีผู้ถือบัตรรายเก่าที่ให้ถือปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.48 เป็นต้นไป ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจเห็นว่าควรยกเลิกหลักเกณฑ์นี้สำหรับผู้ถือบัตรราย
เก่าเนื่องจากผู้ถือบัตรรายเก่าจะมีประวัติการชำระเงินที่ดีไม่ควรเข้มงวดเรื่องวงเงิน ซึ่ง ธปท. ได้ทำหนังสือตอบกลับมาว่าขอเวลา
พิจารณาเรื่องนี้ โดยขอดูข้อมูลบัตรเครดิตไตรมาสสองก่อนว่ามีทิศทางอย่างไร ทั้งนี้ ธปท. ได้ออกหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขใน
การประกอบธุรกิจบัตรเครดิตซึ่งมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.47 เพื่อควบคุมไม่ให้การขยายตัวของบัตรเครดิตมีมากเกินไป ซึ่งจะ
ส่งผลต่อการใช้จ่ายของประชาชนในประเทศ ซึ่งหลักเกณฑ์ที่ประกาศใช้ดังกล่าวทำให้การขยายตัวของธุรกิจบัตรเครดิตทั้งปีของสถาบันการ
เงินลดลง (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เดือน มิ.ย.47 ภาคบริการของอังกฤษเติบโตต่ำสุดในรอบปี รายงานจากลอนดอนเมื่อ 5 ก.ค.47 รอยเตอร์ เปิดเผย
ว่า The Chartered Institute of Purchasing and Supply / Reuters index ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดการเติบโตของภาคบริการ
อังกฤษในเดือน มิ.ย.47 ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.46 ที่ระดับ 56.8 จากระดับ 57.4 ในเดือนก่อน และต่ำกว่าการคาด
การณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นที่ระดับ 57.8 ขณะที่ The Prices Charged index ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดราคาค่าบริการที่ผู้
ประกอบการคิดจากลูกค้า ในเดือนเดียวกันกลับเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.43 ที่ระดับ 55.0 จากระดับ 54.6 ในเดือนก่อน
แม้ว่าดัชนีชี้วัดราคาวัตถุดิบจะลดลงที่ระดับ 60.9 จากระดับ 61.5 แต่ยังเป็นระดับที่สะท้อนถึงต้นทุนที่สูง ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์มองว่า
ผู้ประกอบการเลือกที่จะเพิ่มราคาในการสร้างผลกำไรเพื่อชดเชยความต้องการที่ลดลงจากการชะลอตัวของภาคบริการมากกว่าที่จะเพิ่ม
ปริมาณการผลิต ทั้งนี้ การลดลงของดัชนีชี้วัดภาคบริการของอังกฤษ เป็นไปในทิศทางเดียวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ
เขตเศรษฐกิจยุโรป ซึ่งอาจจะช่วยเสริมความเชื่อมั่นให้ ธ.กลางอังกฤษคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 4.5 ในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม
การสูงขึ้นของระดับราคาสินค้าก็คงต้องผลักดันให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นอย่างแน่นอน แต่คงไม่ใช่ในขณะนี้ อย่างเร็วที่สุดคงเป็นช่วงเดือน
ส.ค.47 (รอยเตอร์)
2. รัฐบาลญี่ปุ่นจะปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีงบประมาณ 47-48 นี้เป็นร้อยละ 1.8 รายงานจาก
โตเกียว เมื่อ 5 ก.ค.47 รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีงบประมาณ 47-48 ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือน
เม.ย.47 นี้ เป็นร้อยละ 1.8 หลังจากที่ขยายตัวร้อยละ 1.8 และ 1.5 ในไตรมาสสุดท้ายปี 46 และไตรมาสแรกปีนี้ตามลำดับ และ
GDP ของปีงบประมาณก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ภาคเอกชนคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวระหว่างร้อยละ 3 ถึง 4
ในปีงบประมาณนี้ จากการขยายตัวในเกณฑ์ดีของเศรษฐกิจในไตรมาสแรกปีนี้ โดยรัฐบาลตั้งเป้าที่จะขจัดภาวะเงินฝืดให้หมดสิ้นไปในปี
งบประมาณหน้า ในขณะที่ ธ.กลางญี่ปุ่นยังคงอัดฉีดสภาพคล่องเข้าไปในตลาดเงินเพื่อคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำใกล้ร้อยละ 0 ต่อไปจน
กว่าดัชนีราคาผู้บริโภคหลักซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานของทั้งประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมีเสถียรภาพสูงกว่าร้อยละ 0 ต่อปี และคาดว่า
ดัชนีราคาผู้บริโภคหลักของทั้งประเทศในปีงบประมาณนี้จะอยู่ร้อยละ |0.2 (รอยเตอร์)
3. ประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนในไตรมาสที่ 2 ปี 47 จะขยายตัวร้อยละ 11.3 เทียบต่อปี รายงานจากเซี่ยงไฮ้
เมื่อ 6 ก.ค.47 The Country s Powerful Economic Planner คาดว่า ในไตรมาสที่ 2 ปี 47 จีนจะเติบโตทางเศรษฐกิจร้อยละ
11.3 เทียบต่อปี เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 9.8 ในไตรมาสก่อน ขณะที่ The National Development and Reform Commission s
macro-economic research institute รายงานเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) สำหรับครึ่งแรกของปี 47 ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ
10.5 เมื่อเทียบกับครึ่งหลังของปี 46 นอกจากนี้ The Country s Powerful Economic Planner ยังคาดว่ารัฐบาลจีนจะยังไม่ปรับ
เพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะอันสั้นนี้ เนื่องจากทางการจีนพยายามลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจในประเทศลง ดังเห็นได้จากคำ
แถลงของผู้ว่าการธ.กลางจีนที่กล่าวที่สโลวีเนียเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้รัฐบาลจีนกำลังพยายามดำเนินมาตรการให้เศรษฐกิจจีนลด
ความร้อนแรงลง ทั้งนี้ เมื่อไตรมาสแรกปี 47 เศรษฐกิจจีนมีการขยายตัวถึงร้อยละ 9.8 เนื่องจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
และการขยายตัวของสินเชื่อที่กระตุ้นให้เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างมาก (รอยเตอร์)
4. ดัชนีราคาผู้ผลิตของเกาหลีใต้ในเดือน มิ.ย.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 เมื่อเทียบกับปีก่อนสูงสุดในรอบเกือบ 6 ปี รายงาน
จากโซล เมื่อ 5 ก.ค.47 ดัชนีราคาผู้ผลิตของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 ในเดือน มิ.ย.47 เมื่อเทียบกับปีก่อน สูงสุดนับตั้งแต่เดือน
พ.ย.41 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.0 เมื่อเทียบต่อปี โดยเริ่มเพิ่มสูงขึ้นมาตั้งแต่กลางปี 46 อันเป็นผลจากราคาวัตถุดิบและราคาน้ำมันในตลาด
โลกเพิ่มสูงขึ้น และส่งผลกระทบให้ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้นด้วย แต่ ธ.กลางเกาหลีใต้ยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำสุด
เป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 3.75 ต่อปี เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการบริโภคในประเทศที่ยังอยู่ในภาวะซบเซาได้ โดยคาดว่าทั้งดัชนีผู้ผลิต
และดัชนีราคาผู้บริโภคจะเพิ่มสูงขึ้นตลอดไตรมาสที่ 3 ปีนี้ จากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงผันผวน โดยเมื่อวันที่ 5 ก.ค.47 ราคา
น้ำมันดิบ Brent crude ที่ตลาดลอนดอนปิดสูงขึ้น 73 เซ็นต์ที่ 36.65 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล ผลจากการโจมตีท่อส่งน้ำมันของอิรัก
และความกังวลเกี่ยวกับฐานะการเงินของ Yukos บริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดของรัสเซีย (รอยเตอร์)
5. ดัชนีธุรกิจภาคบริการของเกาหลีใต้เมื่อเดือน พ.ค.47 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน รายงานจากโซล เมื่อ
6 ก.ค.47 สำนักงานสถิติเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ดัชนีธุรกิจภาคบริการของเกาหลีใต้ในเดือน พ.ค.47 ลดลงร้อยละ 0.4 เทียบจาก
ช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน โดยเมื่อเดือน มี.ค.และ เม.ย.ที่ผ่านมา ดัชนีดังกล่าวเพิ่มขึ้นร้อยละ
2.5 และ 0.1 ตามลำดับ ทั้งนี้ บัญชีอุตสาหกรรมภาคบริการมีสัดส่วนถึงครึ่งหนึ่งในระบบเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ ขณะที่อุตสาหกรรมการ
ผลิตมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 35 ในระบบเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลคาดว่าผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ของเกาหลีใต้ในปี 47 จะ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 จากร้อยละ 3.1 ในปีก่อน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของภาคการส่งออก ขณะที่ความต้องการในประเทศ
ยังคงชะลอตัวอย่างมากในปีนี้ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 6/7/47 5/7/47 30/1/47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.719 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.5166/40.8032 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.09375-1.2800 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 655.87/11.28 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,550/7,650 7,550/7,650 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 35.1 33.73 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 18.79*/14.59 18.79*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 18 มิ.ย.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-