เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายยุทธพงษ์ จรัสเสถียร อดีตผู้สมัครส.ส. จังหวัดมหาสารคาม พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการทุจริตการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาโดยได้สาธิตการเปลี่ยนบัตรสถานที่นับคะแนนที่อาจเกิดขึ้นได้ หลังจากการแยกบัตรและนับรวมกันเป็นถุง และสถานที่นับคะแนนก็ชุลมุน กระดานการนับคะแนนก็อยู่ในจุดที่มองเห็นไม่ชัด ปิดบังสายตา นอกจากนี้ยังมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นในสถานที่ต่างๆ ซึ่งผู้ที่จะต้องรับผิดชอบมีอยู่ 2 คน คือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกองสลาก เพราะเป็นผู้ที่รับผิดชอบโดยตรง
นอกจากนี้นายยุทธพงษ์ ยังเรียกร้องต่อกกต. หากเกิดกรณีบัตรเลือกตั้งไม่ตรงกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ และไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าบัตรเลือกตั้งหายไปไหน ขอให้กกต. กลางสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ทุกเขตที่มีปัญหาเรื่องบัตรเลือกตั้งทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย และขอเรียกร้องให้ผู้สมัครส.ส. ทุกพรรคการเมือง ตรวจสอบคะแนนรวมของผู้สมัครทุกท่านว่าตรงกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์หรือไม่ โดยตนได้จัดตั้งศูนย์โกงเลือกตั้ง ส.ส.2548 ขึ้นโดยไม่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเปิดโอกาสให้กับผู้ที่มีข้อมูลส่งเรื่องมาได้ที่ “ศูนย์โกงเลือกตั้ง ส.ส.48” 67 ถ.เศรษฐศิริ แขวงวสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพ 10400
ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ทางพรรคประชาธิปัตย์กำลังรวบรวมข้อมูลทั้งหมดของผู้สมัครของพรรค ที่พบเห็นการกระทำหลายอย่าง หลายประการ เข้าข่ายการ ทุจริตการเลือกตั้ง และการโกงการเลือกตั้ง และหลังจากที่พรรคได้ดำเนินการรวบรวมแล้วก็จะได้นำมาแจ้งต่อสื่อมวลชนและสังคมได้รับทราบต่อไป
นายองอาจ ยังกล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่ใช่เรื่องของขี้แพ้ชวนตี ไม่ใช่เรื่องการไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง แต่เป็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์และผู้สมัครส.ส.อีกหลายพรรคการเมืองที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการเลือกตั้งครั้งนี้ต้องการความเป็นธรรม ต้องการความสุจริต ความโปร่งใส เพราะการที่เรามีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ให้มีกกต. ก็เพื่อไม่ให้มีการใช้อำนาจรัฐ ไม่ให้มีการทุจริตในการเลือกตั้ง แต่ปรากฏว่า ขณะนี้ผู้สมัครส.ส. พบเห็นการทุจริตและการโกงการเลือกตั้งในหลายรูปแบบ เราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องช่วยกันทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรมมากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เพราะประเทศไทยยังต้องมีการเลือกตั้งอีกหลายครั้ง หลายระดับ ถ้าเรายังปล่อยให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น โดยไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ กระบวนการประชาธิปไตยที่ผ่านการเลือกตั้งก็จะเป็นขบวนการประชาธิปไตยที่มัวหมอง และไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
ส่วนกรณีที่ประธานวุฒิสภา ออกมาระบุว่า เสียงของฝ่ายค้านนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ตนคิดว่าสิ่งที่ประธานวุฒิสภาพูดนั้นเป็นคำพูดที่พยายามสร้างความเข้าใจผิดและความไขว้เขวให้เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนที่ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ไม่ว่าท่านจะเจตนาหรือไม่ก็ตาม เป็นคำพูดที่พยายามชี้ให้เห็นว่า ฝ่ายค้านไม่ว่าจะมีเสียงเท่าไรก็เป็นเรื่องไม่สำคัญ ทั้งที่ระบอบประชาธิปไตยนั้นเสียงที่จะทำการตรวจสอบรัฐบาลคือ เสียงของฝ่ายค้าน และเป็นเสียงที่สำคัญ เพราะหัวใจสำคัญของระบอบประชาธิปไตย คือ การตรวจสอบ ตราบใดก็ตามที่การตรวจสอบไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ เท่ากับว่า เรากำลังละเลยหัวใจสำคัญของระบอบประชาธิปไตย
นอกจากนี้คำพูดดังกล่าวยังเป็นคำกล่าวที่ไม่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง แต่น่าจะเป็นคำกล่าวที่มีเบื้องหลัง เคลือบแฝงเพื่อประโยชน์กับรัฐบาลมากกว่า ตนจึงอยากจะเรียกร้องให้ประธานวุฒิสภา และวุฒิสมาชิก พึงระลึกถึงบทบาทภาะหน้าที่ของท่านว่าท่านไม่ใช่ประธานวุฒิสภาภายใต้การบังคับบัญชาของรัฐบาล แต่ท่านเป็นประมุขของฝ่ายวุฒิสภา ซึ่งมีหน้าที่ที่จะต้องดำรงความเป็นกลางในทางการเมือง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 13 ก.พ. 2548--จบ--
-ดท-
นอกจากนี้นายยุทธพงษ์ ยังเรียกร้องต่อกกต. หากเกิดกรณีบัตรเลือกตั้งไม่ตรงกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ และไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าบัตรเลือกตั้งหายไปไหน ขอให้กกต. กลางสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ทุกเขตที่มีปัญหาเรื่องบัตรเลือกตั้งทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย และขอเรียกร้องให้ผู้สมัครส.ส. ทุกพรรคการเมือง ตรวจสอบคะแนนรวมของผู้สมัครทุกท่านว่าตรงกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์หรือไม่ โดยตนได้จัดตั้งศูนย์โกงเลือกตั้ง ส.ส.2548 ขึ้นโดยไม่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเปิดโอกาสให้กับผู้ที่มีข้อมูลส่งเรื่องมาได้ที่ “ศูนย์โกงเลือกตั้ง ส.ส.48” 67 ถ.เศรษฐศิริ แขวงวสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพ 10400
ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ทางพรรคประชาธิปัตย์กำลังรวบรวมข้อมูลทั้งหมดของผู้สมัครของพรรค ที่พบเห็นการกระทำหลายอย่าง หลายประการ เข้าข่ายการ ทุจริตการเลือกตั้ง และการโกงการเลือกตั้ง และหลังจากที่พรรคได้ดำเนินการรวบรวมแล้วก็จะได้นำมาแจ้งต่อสื่อมวลชนและสังคมได้รับทราบต่อไป
นายองอาจ ยังกล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่ใช่เรื่องของขี้แพ้ชวนตี ไม่ใช่เรื่องการไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง แต่เป็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์และผู้สมัครส.ส.อีกหลายพรรคการเมืองที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการเลือกตั้งครั้งนี้ต้องการความเป็นธรรม ต้องการความสุจริต ความโปร่งใส เพราะการที่เรามีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ให้มีกกต. ก็เพื่อไม่ให้มีการใช้อำนาจรัฐ ไม่ให้มีการทุจริตในการเลือกตั้ง แต่ปรากฏว่า ขณะนี้ผู้สมัครส.ส. พบเห็นการทุจริตและการโกงการเลือกตั้งในหลายรูปแบบ เราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องช่วยกันทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรมมากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เพราะประเทศไทยยังต้องมีการเลือกตั้งอีกหลายครั้ง หลายระดับ ถ้าเรายังปล่อยให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น โดยไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ กระบวนการประชาธิปไตยที่ผ่านการเลือกตั้งก็จะเป็นขบวนการประชาธิปไตยที่มัวหมอง และไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
ส่วนกรณีที่ประธานวุฒิสภา ออกมาระบุว่า เสียงของฝ่ายค้านนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ตนคิดว่าสิ่งที่ประธานวุฒิสภาพูดนั้นเป็นคำพูดที่พยายามสร้างความเข้าใจผิดและความไขว้เขวให้เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนที่ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ไม่ว่าท่านจะเจตนาหรือไม่ก็ตาม เป็นคำพูดที่พยายามชี้ให้เห็นว่า ฝ่ายค้านไม่ว่าจะมีเสียงเท่าไรก็เป็นเรื่องไม่สำคัญ ทั้งที่ระบอบประชาธิปไตยนั้นเสียงที่จะทำการตรวจสอบรัฐบาลคือ เสียงของฝ่ายค้าน และเป็นเสียงที่สำคัญ เพราะหัวใจสำคัญของระบอบประชาธิปไตย คือ การตรวจสอบ ตราบใดก็ตามที่การตรวจสอบไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ เท่ากับว่า เรากำลังละเลยหัวใจสำคัญของระบอบประชาธิปไตย
นอกจากนี้คำพูดดังกล่าวยังเป็นคำกล่าวที่ไม่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง แต่น่าจะเป็นคำกล่าวที่มีเบื้องหลัง เคลือบแฝงเพื่อประโยชน์กับรัฐบาลมากกว่า ตนจึงอยากจะเรียกร้องให้ประธานวุฒิสภา และวุฒิสมาชิก พึงระลึกถึงบทบาทภาะหน้าที่ของท่านว่าท่านไม่ใช่ประธานวุฒิสภาภายใต้การบังคับบัญชาของรัฐบาล แต่ท่านเป็นประมุขของฝ่ายวุฒิสภา ซึ่งมีหน้าที่ที่จะต้องดำรงความเป็นกลางในทางการเมือง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 13 ก.พ. 2548--จบ--
-ดท-