‘รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์’ ย้ำ ปชป.ต้องรักษาอุดมการณ์ทางการเมืองที่มีมานาน ยอมรับความสัมพันธ์ส่วนตัวของบุคคลต้องมีเป็นธรรมดา แต่ต้องแยกจากการบริหารงานของทั้ง 2 พรรคการเมือง เพื่อความโปร่งใส
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการข่าวยามเช้า ทางคลื่นวิทยุ 101.0 เมกกะเฮิรต์ ถึงข่าวการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่านายอภิสิทธิ์จะเป็นผู้ขึ้นมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคแทนว่า ตนไม่ทราบคำพูดดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะสถานการณ์หรือไม่ แต่ที่ผ่านมาหลังเกิดปัญหาแกนนำพรรคลาออกไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ ตนก็ได้ยืนยันจุดยืนทางการเมืองของตนว่า พรรคประชาธิปัตย์จะต้องคงความเป็นสถาบันการเมืองโดยการทำการเมืองอย่างตรงไปตรงมา และไม่ควรให้ประชาชนเกิดความสับสนหรือสงสัยในท่าทีของพรรค ซึ่งขณะนี้แกนนำที่ออกไปก่อตั้งพรรคใหม่ 2 คนรวมทั้งพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ก็ได้แสดงท่าทีที่ชัดเจน ทำให้สถานการณ์คลี่คลายไปได้ระดับหนึ่ง แต่ข้อสงสัยที่เกิดขึ้นก็อาจจะยังมีอยู่ ดังนั้นถือเป็นหน้าที่ที่พรรคจะต้องทำความชัดเจน ซึ่งนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรค ก็ได้กล่าวในที่ประชุมคณะผู้บริหารเมื่อวานนี้(6 ก.ค.47)แล้วว่าจะนำเรื่องนี้ไปพิจารณา 1 วันว่าจะสร้างความชัดเจนอย่างไรให้เกิดความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกและประชาชนโดยทั่วไป อย่างไรก็ตามคาดว่าความชัดเจนต่างๆ จะเกิดขึ้นในการประชุมส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์วันนี้ (7 ก.ค.47)
เมื่อถามถึงกรณีที่นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคฯ สั่งให้มีการตั้งโต๊ะเพื่อให้สมาชิกพรรคมาลงชื่อนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หัวหน้าพรรคได้ให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่า มีข่าวลือข่าวปล่อยอยู่มากเกี่ยวกับเรื่องหัวหน้าพรรค จึงสั่งให้มีการดำเนินการเพื่อความชัดเจน แต่ทั้งนี้ในส่วนตนไม่ได้มองเรื่องการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรค แต่ตนมองในมุมที่ว่าต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์มีความชัดเจนเพื่อให้ประชาชนและสมาชิกมีความเชื่อมั่นต่อไป
ต่อข้อถามว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดเจนและเรื่องที่เลขาธิการพรรครับไปพิจารณาจะสามารถลงในรายละเอียดได้หรือไม่ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าในพรรคประชาธิปัตย์มีบุคคลจำนวนหนึ่งรวมทั้งผู้บริหารของพรรรคซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพล.ต.สนั่น หรือกับบุคคลที่ออกไปก่อตั้งพรรคใหม่ ดังนั้นจึงทำให้บางคนตั้งคำถามว่าการบริหารงานของทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคการเมืองใหม่จะสามารถแยกออกจากกันได้หรือไม่ เพราะการที่พรรคประชาธิปัตย์จะรักษาความเป็นสถาบันที่เด่นชัดได้จะต้องรักษาหลักการนี้ไว้
‘ที่พูดไม่ได้หมายความว่าพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคการเมืองใหม่จะต้องเป็นฝ่ายตรงข้ามกัน แต่การบริหารงานของทั้ง 2พรรค จะต้องแยกออกจากกันโดยเด็ดขาด เมื่อมีความสัมพันธ์ส่วนตัวอยู่ก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจและผมทราบดีว่าเป็นเรื่องที่น่าหนักใจสำหรับหลายท่าน ข้อเรียกร้องคงไม่มีอะไรมากกว่าว่าวันนี้ต้องรักษาสถาบัน ต้องคำนึงถึงองค์กรมากกว่าความสัมพันธ์ส่วนบุคคล และไม่ได้เป็นเรื่องที่จะไปต่อว่าต่อขานหรือเป็นเรื่องที่ต้องบอกว่าเป็นศัตรูหรืออะไร แต่ผมว่าเพื่อความเป็นธรรมกับประชาชนในการมีระบบการเมืองที่โปร่งใส การบริหารของพรรคต้องแยกจากกันโดยเด็ดขาด’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 7 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการข่าวยามเช้า ทางคลื่นวิทยุ 101.0 เมกกะเฮิรต์ ถึงข่าวการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่านายอภิสิทธิ์จะเป็นผู้ขึ้นมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคแทนว่า ตนไม่ทราบคำพูดดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะสถานการณ์หรือไม่ แต่ที่ผ่านมาหลังเกิดปัญหาแกนนำพรรคลาออกไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ ตนก็ได้ยืนยันจุดยืนทางการเมืองของตนว่า พรรคประชาธิปัตย์จะต้องคงความเป็นสถาบันการเมืองโดยการทำการเมืองอย่างตรงไปตรงมา และไม่ควรให้ประชาชนเกิดความสับสนหรือสงสัยในท่าทีของพรรค ซึ่งขณะนี้แกนนำที่ออกไปก่อตั้งพรรคใหม่ 2 คนรวมทั้งพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ก็ได้แสดงท่าทีที่ชัดเจน ทำให้สถานการณ์คลี่คลายไปได้ระดับหนึ่ง แต่ข้อสงสัยที่เกิดขึ้นก็อาจจะยังมีอยู่ ดังนั้นถือเป็นหน้าที่ที่พรรคจะต้องทำความชัดเจน ซึ่งนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรค ก็ได้กล่าวในที่ประชุมคณะผู้บริหารเมื่อวานนี้(6 ก.ค.47)แล้วว่าจะนำเรื่องนี้ไปพิจารณา 1 วันว่าจะสร้างความชัดเจนอย่างไรให้เกิดความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกและประชาชนโดยทั่วไป อย่างไรก็ตามคาดว่าความชัดเจนต่างๆ จะเกิดขึ้นในการประชุมส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์วันนี้ (7 ก.ค.47)
เมื่อถามถึงกรณีที่นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคฯ สั่งให้มีการตั้งโต๊ะเพื่อให้สมาชิกพรรคมาลงชื่อนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หัวหน้าพรรคได้ให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่า มีข่าวลือข่าวปล่อยอยู่มากเกี่ยวกับเรื่องหัวหน้าพรรค จึงสั่งให้มีการดำเนินการเพื่อความชัดเจน แต่ทั้งนี้ในส่วนตนไม่ได้มองเรื่องการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรค แต่ตนมองในมุมที่ว่าต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์มีความชัดเจนเพื่อให้ประชาชนและสมาชิกมีความเชื่อมั่นต่อไป
ต่อข้อถามว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดเจนและเรื่องที่เลขาธิการพรรครับไปพิจารณาจะสามารถลงในรายละเอียดได้หรือไม่ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าในพรรคประชาธิปัตย์มีบุคคลจำนวนหนึ่งรวมทั้งผู้บริหารของพรรรคซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพล.ต.สนั่น หรือกับบุคคลที่ออกไปก่อตั้งพรรคใหม่ ดังนั้นจึงทำให้บางคนตั้งคำถามว่าการบริหารงานของทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคการเมืองใหม่จะสามารถแยกออกจากกันได้หรือไม่ เพราะการที่พรรคประชาธิปัตย์จะรักษาความเป็นสถาบันที่เด่นชัดได้จะต้องรักษาหลักการนี้ไว้
‘ที่พูดไม่ได้หมายความว่าพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคการเมืองใหม่จะต้องเป็นฝ่ายตรงข้ามกัน แต่การบริหารงานของทั้ง 2พรรค จะต้องแยกออกจากกันโดยเด็ดขาด เมื่อมีความสัมพันธ์ส่วนตัวอยู่ก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจและผมทราบดีว่าเป็นเรื่องที่น่าหนักใจสำหรับหลายท่าน ข้อเรียกร้องคงไม่มีอะไรมากกว่าว่าวันนี้ต้องรักษาสถาบัน ต้องคำนึงถึงองค์กรมากกว่าความสัมพันธ์ส่วนบุคคล และไม่ได้เป็นเรื่องที่จะไปต่อว่าต่อขานหรือเป็นเรื่องที่ต้องบอกว่าเป็นศัตรูหรืออะไร แต่ผมว่าเพื่อความเป็นธรรมกับประชาชนในการมีระบบการเมืองที่โปร่งใส การบริหารของพรรคต้องแยกจากกันโดยเด็ดขาด’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 7 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-