สาธิต ปิตุเตชะ’ แถลงกรณี ‘ยงยุทธ ติยะไพรัช’ เลขาฯนายกฯ นำคอมมานโดบุกค้นและยิงกระสุนใส่บ้านพักของประชาชนชี้ ตำรวจท้องที่ต้องแจ้งความทั้งนายยงยุทธและเจ้าหน้าที่ ฐานพยายามฆ่า ตั้งข้อสังเกต ‘ยงยุทธ’ ไม่มีหน้าที่เข้าไปตรวจสอบแต่ทำได้อย่างไร
จากกรณีที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นำกำลังเจ้าหน้าที่จากหน่วยคอมมานโด และตำรวจนอกเครื่องแบบเกือบ 50 นาย บุกเข้าตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่ง ทั้งยังมีการยิงกระสุนเข้าใส่บ้านหลังดังกล่าว เนื่องจากมีข้อมูลจากตู้ปณ.นายกฯทักษิณว่าบ้านดังกล่าวมีการผลิตยาบ้า แต่จากการเข้าตรวจค้นกลับไม่พบว่ามีการลักลอบผลิตยาบ้าแต่อย่างใดนั้น
วันนี้(8 ก.ค.47) เวลา 11.00น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีดังกล่าวว่า จากการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นความผิดข้อหาพยายามฆ่า เพราะมีเจตนาที่เล็งเห็นผลว่าการกระทำครั้งนี้อาจก่อใหเกิดความเสียหายและเสียชีวิตของผู้ที่พักอาศัยอยู่ในบ้านพักหลังดังกล่าว ดังนั้นตนขอตั้งประเด็นถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นข้อบกพร่องของการตั้งตู้รับเรื่องร้องเรียนของนายกฯ ทั้งนายยงยุทธยังได้แทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ และก่อนหน้านี้นายยงยุทธใช้อำนาจทางการเมืองเข้าไปดำเนินการโดยใช้ข้อมูลที่ไม่ได้กลั่นกรองจากเจ้าหน้าที่อย่างครบถ้วน ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาได้รับความเดือดร้อนอย่างกรณีนี้ได้
ส่วนกรณีที่นายยงยุทธอ้างว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้นำมาจากการร้องเรียนตู้ปณ.นายกฯนั้น นายสาธิตกล่าวว่า เรื่องตนขอตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเรื่องโกหก เพราะหากเรื่องดังกล่าวไม่ได้มากจากตู้ปณ.นายกฯแล้ว นายยงยุทธ ซึ่งไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับกรดูแลกระทรวงยุติธรรมหรือกรมตำรวจ จะเข้าไปในสถานที่เกิดเหตุอย่างทันท่วงทีได้อย่างไร ทั้งนี้ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่แจ้งความดำเนินคดีกับนายยงยุทธ ในฐานะที่เป็นผู้ใช้หรือตัวการในข้อหาพยายามฆ่า รวมถึงพนักงานที่ไปปฏิบัติหน้าที่ในบ้านหลังดังกล่าวในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบมาตรา 157 และข้อหาพยายามฆ่า
‘การดำเนินการทั้งหมดผมเห็นว่าถ้าดำเนินการให้เป็นระบบ การกระจายอำนาจไปสู่การบริการประชาชนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะถ้านายกฯจะดึงอาจทุกเรื่องมาอยู่ที่ตัวเองหรือใช้ระบบซีอีโอ การบริการให้ทั่วถึงประชาชนเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ซึ่งคิดว่าสิ่งที่นายกฯควรทำที่สุดคือ ทำอย่างไรจะให้องค์กรมีความเข้มแข็งเพื่อให้ประชาชนใช้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่คิดว่าตัวเองเป็นนายกฯแล้วจะแก้ปัญหาทุกอย่างรับฟังความข้างเดียวจากตู้รับเรื่องร้องทุกข์โดยปราศจากการตรวจสอบอย่างรอบคอบ อย่างนี้ถือเป็นการทำลายระบบและยึดอำนาจไว้ที่ ตนเองฝ่ายเดียว ที่สำคัญคือทำเพื่อหาเสียงให้พรรคทไยรักไทย พรรคประชาธิปัตย์เคยพูดมานานแล้วว่าพรรคไทยรักไทยเมื่อเสียงตก ก็พยายามทำอย่างไรก็ตามที่จะเพิ่มคะแนนเสียงให้กับตัวเอง เรื่องนี้ก็เป็นมาตรการหนึ่งที่รัฐบาลทำเพื่อเพิ่มคะแนนเสียงให้ตัวเอง’ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 8 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-
จากกรณีที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นำกำลังเจ้าหน้าที่จากหน่วยคอมมานโด และตำรวจนอกเครื่องแบบเกือบ 50 นาย บุกเข้าตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่ง ทั้งยังมีการยิงกระสุนเข้าใส่บ้านหลังดังกล่าว เนื่องจากมีข้อมูลจากตู้ปณ.นายกฯทักษิณว่าบ้านดังกล่าวมีการผลิตยาบ้า แต่จากการเข้าตรวจค้นกลับไม่พบว่ามีการลักลอบผลิตยาบ้าแต่อย่างใดนั้น
วันนี้(8 ก.ค.47) เวลา 11.00น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีดังกล่าวว่า จากการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นความผิดข้อหาพยายามฆ่า เพราะมีเจตนาที่เล็งเห็นผลว่าการกระทำครั้งนี้อาจก่อใหเกิดความเสียหายและเสียชีวิตของผู้ที่พักอาศัยอยู่ในบ้านพักหลังดังกล่าว ดังนั้นตนขอตั้งประเด็นถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นข้อบกพร่องของการตั้งตู้รับเรื่องร้องเรียนของนายกฯ ทั้งนายยงยุทธยังได้แทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ และก่อนหน้านี้นายยงยุทธใช้อำนาจทางการเมืองเข้าไปดำเนินการโดยใช้ข้อมูลที่ไม่ได้กลั่นกรองจากเจ้าหน้าที่อย่างครบถ้วน ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาได้รับความเดือดร้อนอย่างกรณีนี้ได้
ส่วนกรณีที่นายยงยุทธอ้างว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้นำมาจากการร้องเรียนตู้ปณ.นายกฯนั้น นายสาธิตกล่าวว่า เรื่องตนขอตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเรื่องโกหก เพราะหากเรื่องดังกล่าวไม่ได้มากจากตู้ปณ.นายกฯแล้ว นายยงยุทธ ซึ่งไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับกรดูแลกระทรวงยุติธรรมหรือกรมตำรวจ จะเข้าไปในสถานที่เกิดเหตุอย่างทันท่วงทีได้อย่างไร ทั้งนี้ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่แจ้งความดำเนินคดีกับนายยงยุทธ ในฐานะที่เป็นผู้ใช้หรือตัวการในข้อหาพยายามฆ่า รวมถึงพนักงานที่ไปปฏิบัติหน้าที่ในบ้านหลังดังกล่าวในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบมาตรา 157 และข้อหาพยายามฆ่า
‘การดำเนินการทั้งหมดผมเห็นว่าถ้าดำเนินการให้เป็นระบบ การกระจายอำนาจไปสู่การบริการประชาชนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะถ้านายกฯจะดึงอาจทุกเรื่องมาอยู่ที่ตัวเองหรือใช้ระบบซีอีโอ การบริการให้ทั่วถึงประชาชนเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ซึ่งคิดว่าสิ่งที่นายกฯควรทำที่สุดคือ ทำอย่างไรจะให้องค์กรมีความเข้มแข็งเพื่อให้ประชาชนใช้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่คิดว่าตัวเองเป็นนายกฯแล้วจะแก้ปัญหาทุกอย่างรับฟังความข้างเดียวจากตู้รับเรื่องร้องทุกข์โดยปราศจากการตรวจสอบอย่างรอบคอบ อย่างนี้ถือเป็นการทำลายระบบและยึดอำนาจไว้ที่ ตนเองฝ่ายเดียว ที่สำคัญคือทำเพื่อหาเสียงให้พรรคทไยรักไทย พรรคประชาธิปัตย์เคยพูดมานานแล้วว่าพรรคไทยรักไทยเมื่อเสียงตก ก็พยายามทำอย่างไรก็ตามที่จะเพิ่มคะแนนเสียงให้กับตัวเอง เรื่องนี้ก็เป็นมาตรการหนึ่งที่รัฐบาลทำเพื่อเพิ่มคะแนนเสียงให้ตัวเอง’ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 8 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-