ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ‘ชวน หลีกภัย’ เชื่อแม้แกนนำจะลาออกไปตั้งพรรคใหม่ จะไม่ส่งผลต่อปชป.แน่นอน ระบุ การตั้งพรรคการเมืองใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ขอให้โชคดี
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีปัญหาความวุ่นวายในพรรคประชาธิปัตย์ว่า เนื่องจากตนไปสังเกตการณ์การเลือกตั้งประธานาธิบดีของประเทศอินโดนีเซีย เป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ จึงไม่ค่อยรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แต่ทั้งนี้ก็มีการส่งข่าวให้ทราบเป็นระยะ ซึ่งขณะนี้ตนก็ยังไม่ได้พบกับนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรค ส่วนการตั้งพรรคมหาชนนั้น ตนไม่ทราบถึงความเคลื่อนไหวดังกล่าว แต่ยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้สูญเสียคนไปส่วนหนึ่งเพราะฉะนั้นคนที่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องช่วยกัน หัวหน้าพรรคก็ต้องทำงานหนัก แล้วทุกคนที่อยู่กับพรรคต้องช่วยกันเต็มที่ ไม่ว่าใครเป็นหัวหน้าพรรคสมาชิกต้องช่วย นายบัญญัติยังอยู่ก็ต้องช่วยท่าน
‘อนาคตของพรรคใหม่จะเป็นอย่างไรอันนี้ไม่ทราบ ก็ขออวยพรให้ไปดี ให้โชคดี เพราะการทำพรรคการเมืองไม่ใช่เรื่องง่ายนัก การตั้งอาจไม่ยากเท่าไร แต่ว่าการที่จะให้พรรคดำรงอยู่ได้อย่างพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายนัก’ นายชวน กล่าว เมื่อถูกถามว่าจะฝากอะไรไปถึงพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
ผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่พล.ต.สนั่น น้อยใจที่ถูกลูกพรรคไล่จากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ นายชวน กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ ยังไม่มีใครบอกให้ทราบ ส่วนที่มีสมาชิกพรรคบางส่วนข้องใจเกี่ยวกับส.ส.ที่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพล.ต.สนั่นนั้น ตนคิดว่าต้องอยู่กับความสมัครใจ คนที่ฝืนใจคงอยู่ยากหากเขาฝืนใจอยู่กับพรรค เพราะตนคิดว่าคนที่ตัดสินใจอยู่ต่อคงชั่งใจและไตร่ตรองรอบคอบแล้วว่าแนวทางที่เขาเข้าพรรคมาเพื่ออะไรเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นคิดว่าคนที่จะออกไปคงจะน้อย เชื่อว่าส่วนใหญ่ส.ส.ที่เข้ามาอยู่พรรคประชาธิปัตย์มีอุดมการณ์พอสมควร โดยเฉพาะในช่วงที่องค์กรตรวจสอบรัฐบาลมีน้อย และขณะนี้ถือว่ามีพรรคประชาธิปัตย์เป็นหลักเพียงพรรคเดียว ดังนั้นหากพรรคประชาธิปัตย์อ่อนแอหรือเป็นอะไร เพราะฉะนั้นความจำเป็นที่ต้องทำให้พรรคเข้มแข็งเป็นหลักให้ประชาชนพึ่งได้เชื่อมั่นได้จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น และคนที่เหลืออยู่ต้องทำงานหนักมากขึ้น
เมื่อถามว่าความระแวงแคลงใจดังกล่าวจะหมดไปได้หรือไม่ ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องระหว่างตัวบุคคล ในส่วนพรรคคงไม่มีอะไร พรรคก็เป็นของสมาชิกก็ต้องไว้ใจสมาชิกทุกคน แต่ส่วนตัวบุคคลก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของแต่ละคน
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีการแย่งชิงอำนาจกันในพรรคประชาธิปัตย์ระหว่างกลุ่มทศวรรษใหม่กับกลุ่มผลัดใบนั้น นายชวน กล่าวว่า การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคก็จบไปแล้ว และการที่นายบัญญัติได้เป็นหัวหน้าก็ได้รับการสนับสนุนส่วนหนึ่งจากกลุ่มที่ออกไป เพราะฉะนั้นข่าวที่ออกมาจึงเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่เป็น เพราะฝ่ายที่แพ้คือฝ่ายที่ช่วยนายบัญญัติในปัจจุบัน ดังนั้นปัญหานี้ไม่น่าเป็นเรื่องที่ขัดแย้งอะไร เพราะในช่วงที่นายบัญญัติเป็นหัวหน้าพรรคตนคิดว่าฝ่ายที่แข่งขันกับนายบัญญัติเมื่อเขาแพ้ก็ช่วยงานนายบัญญัติเต็มที่ในทุกเรื่อง
‘โดยส่วนตัวผมไม่มีความรู้สึกว่ามีความขัดแย้งอะไรกัน คิดว่าเมื่อส่วนหนึ่งออกไปเราก็สูญเสียจุดนั้นไป เราต้องหาคนใหม่เข้ามา พรรคต้องขยายฐานสมาชิกและเชิญชวนคนที่ตั้งใจทำงานการเมืองในลักษณะอุดมการณ์มากขึ้น ในเรื่องการเป็นผู้แทนฝ่ายค้านแบบประชาธิปัตย์ต้องทำใจได้พอสมควรเมื่อไม่ได้เป็นรัฐบาลอาจผิดหวัง แต่คนอยู่ที่นี่รู้กติแนวทางพรรคพอสมควร เพราะฉะนั้นคนที่มีความรู้สึกวูบวาบไปตามกระแสจะมีไม่มาก’ นายชวน กล่าว
ส่วนในการประชุมส.ส.เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมาได้มีการวิพากษ์วิจารณ์การบริหารของหัวหน้าและเลขาธิการพรรคค่อนข้างรุนแรงนั้น ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่สมาชิกมีสิทธิซักถามมีสิทธิพอใจหรือไม่พอใจ ซึ่งหัวหน้ากับเลขาธิการมีหน้าที่ชี้แจง และเรื่องก็จบ ไม่มีการสะสมปัญหาไว้ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่พูดอะไรกันลับหลัง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าการทำงานของคณะผู้บริหารชุดนี้จะนำพาพรรคเพื่อสู้ศึกกับพรรคคู่แข่งได้หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า คณะผู้บริหารชุดนี้ก็พยายาม แต่จะทำได้มากน้อยแค่ไหนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะเมื่อเกิดเหตุอย่างนี้ขึ้นก็ต้องพยายามหาใหม่เข้ามาเพิ่มให้ดีกว่าเดิม และต้องรณรงค์เพื่อดึงเสียงที่ยังไม่ตัดสินใจให้มากขึ้น ทั้งนี้เชื่อว่าเสียงของพรรคคงไม่ลงไปกว่านี้ และอาจเป็นวิกฤติที่เป็นโอกาสก็ได้ เพราะคนอาจจะมีความเข้าใจเห็นใจพรรคมากขึ้นว่าพรรคยืนหยัดอยู่ แม้คนเปลี่ยนแปลงไปตามระยะเวลาแต่พรรคต้องคงอยู่
ส่วนที่จะมีการดึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณเข้ามาช่วยงานมากขึ้นนั้น ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายสุเทพก็ช่วยงานอยู่แล้ว แต่จะให้ตำแหน่งเพิ่มเติมอะไรตนไม่ทราบแล้วแต่หัวหน้าพรรค เหมือนตนก็ช่วยงานเหมือนสมาชิกคนหนึ่ง หัวหน้ามอบหมายอะไรก็ทำ ซึ่งสมาชิกทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ เพราะพรรคไม่ได้อยู่ได้ด้วยหัวหน้าพรรคคนเดียว แต่ต้องได้กำลังจากสมาชิกช่วย
เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่จะร่วมกับพรรคมหาชนในการเป็นฝ่ายค้านหากในอนาคตพรรคประชาธิปัตย์มีเสียงไม่ถึง 100 เสียง นายชวน กล่าวว่า สังเกตดูว่าจะมีการเจรจาเพื่อรวมกับรัฐบาลมากกว่า การเจรจาที่จะรวมกับฝ่ายค้านจะมีน้อย อย่างไรก็ตามมีตัวอย่างเช่นพรรคชาติพัฒนาเมื่อเป็นฝ่ายค้านก็อยู่ได้เพียงสั้น ๆ เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องมีพรรคหลัก คือพรรคที่ไม่ได้คิดว่าจะต้องร่วมรัฐบาลเสมอไป โดยเมื่อมีเสียงมากก็ตั้งรัฐบาลหากเสียงไม่พอก็พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบ อย่างไรก็ตามหากเป็นพรรคฝ่ายค้านจริงจะมีกี่คนก็ตามก็ต้องทำงานต้องตรวจสอบรัฐบาลอย่างจริงจัง ทั้งนี้จำนวนเสียงความสำคัญอยู่ที่สิทธิ์หรืออำนาจในการดำเนินการตามกระบวนการ เช่น หากมีเสียงไม่ถึง 100 เสียงก็ไม่สามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีได้ หรือไม่ถึง 200 เสียงก็อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯได้ ดังนั้นจำนวนตัวเลขมีความสำคัญตรงที่เกี่ยวข้องกับอำนาจตามรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่าผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.จะเป็นตัวชี้วัดกระแสความนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ตนคงตอบแทนคนกทม.ยาก เพราะคะแนนที่จะลงให้กับพรรคก็มีส่วนหนึ่ง และคะแนนที่สนับสนุนนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครของพรรคก็มีส่วนหนึ่ง ซึ่งนายอภิรักษ์ก็มีสิทธิ์เหมือนกัน โดยพรรคถือว่าได้เลือกคนที่คิดว่าดีที่สุดแล้ว แต่ผลจะเป็นอย่างไรพรรคประชาธิปัตย์ก็ยอมรับ เพียงแต่ให้เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตยและเป็นไปตามกฎหมาย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 8 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีปัญหาความวุ่นวายในพรรคประชาธิปัตย์ว่า เนื่องจากตนไปสังเกตการณ์การเลือกตั้งประธานาธิบดีของประเทศอินโดนีเซีย เป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ จึงไม่ค่อยรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แต่ทั้งนี้ก็มีการส่งข่าวให้ทราบเป็นระยะ ซึ่งขณะนี้ตนก็ยังไม่ได้พบกับนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรค ส่วนการตั้งพรรคมหาชนนั้น ตนไม่ทราบถึงความเคลื่อนไหวดังกล่าว แต่ยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้สูญเสียคนไปส่วนหนึ่งเพราะฉะนั้นคนที่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องช่วยกัน หัวหน้าพรรคก็ต้องทำงานหนัก แล้วทุกคนที่อยู่กับพรรคต้องช่วยกันเต็มที่ ไม่ว่าใครเป็นหัวหน้าพรรคสมาชิกต้องช่วย นายบัญญัติยังอยู่ก็ต้องช่วยท่าน
‘อนาคตของพรรคใหม่จะเป็นอย่างไรอันนี้ไม่ทราบ ก็ขออวยพรให้ไปดี ให้โชคดี เพราะการทำพรรคการเมืองไม่ใช่เรื่องง่ายนัก การตั้งอาจไม่ยากเท่าไร แต่ว่าการที่จะให้พรรคดำรงอยู่ได้อย่างพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายนัก’ นายชวน กล่าว เมื่อถูกถามว่าจะฝากอะไรไปถึงพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
ผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่พล.ต.สนั่น น้อยใจที่ถูกลูกพรรคไล่จากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ นายชวน กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ ยังไม่มีใครบอกให้ทราบ ส่วนที่มีสมาชิกพรรคบางส่วนข้องใจเกี่ยวกับส.ส.ที่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพล.ต.สนั่นนั้น ตนคิดว่าต้องอยู่กับความสมัครใจ คนที่ฝืนใจคงอยู่ยากหากเขาฝืนใจอยู่กับพรรค เพราะตนคิดว่าคนที่ตัดสินใจอยู่ต่อคงชั่งใจและไตร่ตรองรอบคอบแล้วว่าแนวทางที่เขาเข้าพรรคมาเพื่ออะไรเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นคิดว่าคนที่จะออกไปคงจะน้อย เชื่อว่าส่วนใหญ่ส.ส.ที่เข้ามาอยู่พรรคประชาธิปัตย์มีอุดมการณ์พอสมควร โดยเฉพาะในช่วงที่องค์กรตรวจสอบรัฐบาลมีน้อย และขณะนี้ถือว่ามีพรรคประชาธิปัตย์เป็นหลักเพียงพรรคเดียว ดังนั้นหากพรรคประชาธิปัตย์อ่อนแอหรือเป็นอะไร เพราะฉะนั้นความจำเป็นที่ต้องทำให้พรรคเข้มแข็งเป็นหลักให้ประชาชนพึ่งได้เชื่อมั่นได้จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น และคนที่เหลืออยู่ต้องทำงานหนักมากขึ้น
เมื่อถามว่าความระแวงแคลงใจดังกล่าวจะหมดไปได้หรือไม่ ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องระหว่างตัวบุคคล ในส่วนพรรคคงไม่มีอะไร พรรคก็เป็นของสมาชิกก็ต้องไว้ใจสมาชิกทุกคน แต่ส่วนตัวบุคคลก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของแต่ละคน
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีการแย่งชิงอำนาจกันในพรรคประชาธิปัตย์ระหว่างกลุ่มทศวรรษใหม่กับกลุ่มผลัดใบนั้น นายชวน กล่าวว่า การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคก็จบไปแล้ว และการที่นายบัญญัติได้เป็นหัวหน้าก็ได้รับการสนับสนุนส่วนหนึ่งจากกลุ่มที่ออกไป เพราะฉะนั้นข่าวที่ออกมาจึงเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่เป็น เพราะฝ่ายที่แพ้คือฝ่ายที่ช่วยนายบัญญัติในปัจจุบัน ดังนั้นปัญหานี้ไม่น่าเป็นเรื่องที่ขัดแย้งอะไร เพราะในช่วงที่นายบัญญัติเป็นหัวหน้าพรรคตนคิดว่าฝ่ายที่แข่งขันกับนายบัญญัติเมื่อเขาแพ้ก็ช่วยงานนายบัญญัติเต็มที่ในทุกเรื่อง
‘โดยส่วนตัวผมไม่มีความรู้สึกว่ามีความขัดแย้งอะไรกัน คิดว่าเมื่อส่วนหนึ่งออกไปเราก็สูญเสียจุดนั้นไป เราต้องหาคนใหม่เข้ามา พรรคต้องขยายฐานสมาชิกและเชิญชวนคนที่ตั้งใจทำงานการเมืองในลักษณะอุดมการณ์มากขึ้น ในเรื่องการเป็นผู้แทนฝ่ายค้านแบบประชาธิปัตย์ต้องทำใจได้พอสมควรเมื่อไม่ได้เป็นรัฐบาลอาจผิดหวัง แต่คนอยู่ที่นี่รู้กติแนวทางพรรคพอสมควร เพราะฉะนั้นคนที่มีความรู้สึกวูบวาบไปตามกระแสจะมีไม่มาก’ นายชวน กล่าว
ส่วนในการประชุมส.ส.เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมาได้มีการวิพากษ์วิจารณ์การบริหารของหัวหน้าและเลขาธิการพรรคค่อนข้างรุนแรงนั้น ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่สมาชิกมีสิทธิซักถามมีสิทธิพอใจหรือไม่พอใจ ซึ่งหัวหน้ากับเลขาธิการมีหน้าที่ชี้แจง และเรื่องก็จบ ไม่มีการสะสมปัญหาไว้ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่พูดอะไรกันลับหลัง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าการทำงานของคณะผู้บริหารชุดนี้จะนำพาพรรคเพื่อสู้ศึกกับพรรคคู่แข่งได้หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า คณะผู้บริหารชุดนี้ก็พยายาม แต่จะทำได้มากน้อยแค่ไหนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะเมื่อเกิดเหตุอย่างนี้ขึ้นก็ต้องพยายามหาใหม่เข้ามาเพิ่มให้ดีกว่าเดิม และต้องรณรงค์เพื่อดึงเสียงที่ยังไม่ตัดสินใจให้มากขึ้น ทั้งนี้เชื่อว่าเสียงของพรรคคงไม่ลงไปกว่านี้ และอาจเป็นวิกฤติที่เป็นโอกาสก็ได้ เพราะคนอาจจะมีความเข้าใจเห็นใจพรรคมากขึ้นว่าพรรคยืนหยัดอยู่ แม้คนเปลี่ยนแปลงไปตามระยะเวลาแต่พรรคต้องคงอยู่
ส่วนที่จะมีการดึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณเข้ามาช่วยงานมากขึ้นนั้น ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายสุเทพก็ช่วยงานอยู่แล้ว แต่จะให้ตำแหน่งเพิ่มเติมอะไรตนไม่ทราบแล้วแต่หัวหน้าพรรค เหมือนตนก็ช่วยงานเหมือนสมาชิกคนหนึ่ง หัวหน้ามอบหมายอะไรก็ทำ ซึ่งสมาชิกทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ เพราะพรรคไม่ได้อยู่ได้ด้วยหัวหน้าพรรคคนเดียว แต่ต้องได้กำลังจากสมาชิกช่วย
เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่จะร่วมกับพรรคมหาชนในการเป็นฝ่ายค้านหากในอนาคตพรรคประชาธิปัตย์มีเสียงไม่ถึง 100 เสียง นายชวน กล่าวว่า สังเกตดูว่าจะมีการเจรจาเพื่อรวมกับรัฐบาลมากกว่า การเจรจาที่จะรวมกับฝ่ายค้านจะมีน้อย อย่างไรก็ตามมีตัวอย่างเช่นพรรคชาติพัฒนาเมื่อเป็นฝ่ายค้านก็อยู่ได้เพียงสั้น ๆ เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องมีพรรคหลัก คือพรรคที่ไม่ได้คิดว่าจะต้องร่วมรัฐบาลเสมอไป โดยเมื่อมีเสียงมากก็ตั้งรัฐบาลหากเสียงไม่พอก็พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบ อย่างไรก็ตามหากเป็นพรรคฝ่ายค้านจริงจะมีกี่คนก็ตามก็ต้องทำงานต้องตรวจสอบรัฐบาลอย่างจริงจัง ทั้งนี้จำนวนเสียงความสำคัญอยู่ที่สิทธิ์หรืออำนาจในการดำเนินการตามกระบวนการ เช่น หากมีเสียงไม่ถึง 100 เสียงก็ไม่สามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีได้ หรือไม่ถึง 200 เสียงก็อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯได้ ดังนั้นจำนวนตัวเลขมีความสำคัญตรงที่เกี่ยวข้องกับอำนาจตามรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่าผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.จะเป็นตัวชี้วัดกระแสความนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ตนคงตอบแทนคนกทม.ยาก เพราะคะแนนที่จะลงให้กับพรรคก็มีส่วนหนึ่ง และคะแนนที่สนับสนุนนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครของพรรคก็มีส่วนหนึ่ง ซึ่งนายอภิรักษ์ก็มีสิทธิ์เหมือนกัน โดยพรรคถือว่าได้เลือกคนที่คิดว่าดีที่สุดแล้ว แต่ผลจะเป็นอย่างไรพรรคประชาธิปัตย์ก็ยอมรับ เพียงแต่ให้เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตยและเป็นไปตามกฎหมาย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 8 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-