นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ สรุปผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ของภาครัฐประจำเดือนมิถุนายน 2547 และในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2547 (ตุลาคม 2546 - มิถุนายน 2547) พร้อมทั้งสถานะหนี้สาธารณะล่าสุด ณ สิ้นเดือนเมษายน 2547 ดังนี้
1. การปรับโครงสร้างหนี้ของภาครัฐในเดือนมิถุนายน 2547 :ด้านต่างประเทศ
การประปานครหลวงได้ Refinance เงินกู้จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) ด้วยเงินบาท วงเงิน 11,490 ล้านเยน หรือเทียบเท่า 4,100 ล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 374 ล้านบาทด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF1) ที่ครบกำหนด 40,000 ล้านบาท โดยเบื้องต้นได้ทำการกู้เงินระยะสั้น 40,000 ล้านบาท และได้ออกพันธบัตรและตั๋วปรับโครงสร้างหนี้ทดแทนเงินกู้ระยะสั้น จำนวน 7,000 ล้านบาท และ 15,000 ล้านบาท ตามลำดับ คงเหลือเป็นเงินกู้ระยะสั้น 16,500 ล้านบาท และได้ชำระคืนโดยใช้ส่วนเกินจากการประมูลพันธบัตร 1,500 ล้านบาท สำหรับรัฐวิสาหกิจ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ Roll Over พันธบัตรเป็นจำนวนเงิน 6,000 ล้านบาท
ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2547 :-
ด้านต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระคืนเงินกู้ต่างประเทศก่อนครบกำหนดในวงเงินรวม 4,766 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 4,766 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 1,207 ล้านบาท และได้ Roll Over เงินกู้ ECP (Euro Commercial Paper) 190 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 7,452 ล้านบาท ซึ่งใช้เป็น Bridge Financing ในการ Refinance เงินกู้จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 70 ล้านบาท นอกจากนั้นได้ Refinance เงินกู้ธนาคารพัฒนาเอเชียและธนาคารโลกโดยวิธีการออกตราสารอัตราดอกเบี้ยลอยตัววงเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 39,500 ล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 3,950 ล้านบาท
สำหรับรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศเป็นวงเงินรวม 56,023 ล้านบาท โดย 1) การชำระคืนก่อนกำหนด 17,266 ล้านบาท 2) การ Refinance 28,353 ล้านบาท ซึ่งเป็นการ Refinance เงินกู้ต่างประเทศด้วยเงินบาท 25,478 ล้านบาท และ 3) การRoll Over จำนวนรวม 10,404 ล้านบาท ผลจากการดำเนินการดังกล่าวทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 17,266 ล้านบาท และลดภาระ ดอกเบี้ยได้ 7,595 ล้านบาท
ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF1) วงเงินรวม 90,000 ล้านบาท ด้วยการชำระคืนเงินต้น 5,247 ล้านบาท จากกำไรสุทธิที่ธนาคารแห่งประเทศไทยนำส่งสมทบกองทุนชำระคืนต้นเงินกู้ 3,747 ล้านบาท และเงินส่วนเกินจากการประมูลพันธบัตร 1,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจำนวน 84,753 ล้านบาท ได้ทำการ Roll Over โดยเป็นพันธบัตร 37,000 ล้านบาท ตั๋วปรับโครงสร้างหนี้ 25,000 ล้านบาท และเงินกู้ระยะสั้น 22,753 ล้านบาท และชำระคืนพันธบัตรกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน (FIDF2) ที่ครบกำหนด 22,000 ล้านบาท รวมทั้งการลดยอดหนี้คงค้างอันเกิดจากการตั้งบัญชีเงินทดรองจ่ายอีก 315 ล้านบาท นอกจากนั้น กระทรวงการคลังได้ไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ก่อนครบกำหนดในวงเงิน 25,075 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 25,075 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ย 6,305 ล้านบาท ส่วนรัฐวิสาหกิจได้ทำการกู้เงินในประเทศเพื่อการ Roll Over หนี้เดิมรวม 14,000 ล้านบาท และเพื่อการ Refinance หนี้ต่างประเทศรวม 24,100 ล้านบาท
2. การกู้เงินของภาครัฐ
ในเดือนมิถุนายน 2547 :-
กระทรวงการคลังได้รับเงินงวดสุดท้ายจากการออกพันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF3) วงเงิน 25,000 ล้านบาท เมื่อเดือนพฤษภาคม 2547 ในเดือนนี้ 10,000 ล้านบาท
รัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศด้วยการออกพันธบัตรจำนวน 16,397 ล้านบาท ได้แก่ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย 4,536 ล้านบาท การเคหะแห่งชาติ 674 ล้านบาท และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 2,787 ล้านบาท โดยกู้เพื่อลงทุน 2,485 ล้านบาท เป็นเงินบาทสมทบ 48 ล้านบาท และเพื่อทดแทนเงินกู้ต่างประเทศ 254 ล้านบาท สถาบันบริหารกองทุนน้ำมันได้กู้เงินเพื่อชดเชยราคาน้ำมัน 8,000 ล้านบาท และสำนักงานธนานุเคราะห์ได้กู้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน 400 ล้านบาท
ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2547 :-
กระทรวงการคลังได้กู้เงินในประเทศไปแล้วทั้งสิ้น 98,000 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 43,000 ล้านบาท และการออกพันธบัตร FIDF3 55,000 ล้านบาท สำหรับรัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศ 20,783 ล้านบาท และกู้เงินจากต่างประเทศตามแผนก่อหนี้ 20,746 ล้านบาท
3. การชำระหนี้ของรัฐบาล
ในเดือนมิถุนายน 2547 :-
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณ 7,676 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 409 ล้านบาท และดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 7,267 ล้านบาท
ในช่วง 9 เดือนผ่านมาของปีงบประมาณ 2547 :-
กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้จากงบประมาณรวมทั้งสิ้น 79,357 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 15,070 ล้านบาท และดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 64,287 ล้านบาท
สถานะหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2547
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 เมษายน 2547 มีจำนวน 2,871,018 ล้านบาท หรือร้อยละ 44.35 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 1,658,549 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 822,246 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 390,222 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 20,780 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 44,202 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินลดลง 26,269 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ เพิ่มขึ้น 2,847 ล้านบาท
หนี้สาธารณะจำแนกได้เป็นหนี้ต่างประเทศ 645,173 ล้านบาท หรือร้อยละ 22.47 และหนี้ในประเทศ 2,225,845 ล้านบาท หรือร้อยละ 77.53 และเป็นหนี้ระยะยาว 2,365,429 ล้านบาท หรือร้อยละ 82.39 และหนี้ระยะสั้น 505,589 ล้านบาท หรือร้อยละ 17.61 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง รายละเอียดตามตารางที่แนบ
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 52/2547 30 มิถุนายน 2547--
1. การปรับโครงสร้างหนี้ของภาครัฐในเดือนมิถุนายน 2547 :ด้านต่างประเทศ
การประปานครหลวงได้ Refinance เงินกู้จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) ด้วยเงินบาท วงเงิน 11,490 ล้านเยน หรือเทียบเท่า 4,100 ล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 374 ล้านบาทด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF1) ที่ครบกำหนด 40,000 ล้านบาท โดยเบื้องต้นได้ทำการกู้เงินระยะสั้น 40,000 ล้านบาท และได้ออกพันธบัตรและตั๋วปรับโครงสร้างหนี้ทดแทนเงินกู้ระยะสั้น จำนวน 7,000 ล้านบาท และ 15,000 ล้านบาท ตามลำดับ คงเหลือเป็นเงินกู้ระยะสั้น 16,500 ล้านบาท และได้ชำระคืนโดยใช้ส่วนเกินจากการประมูลพันธบัตร 1,500 ล้านบาท สำหรับรัฐวิสาหกิจ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ Roll Over พันธบัตรเป็นจำนวนเงิน 6,000 ล้านบาท
ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2547 :-
ด้านต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระคืนเงินกู้ต่างประเทศก่อนครบกำหนดในวงเงินรวม 4,766 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 4,766 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 1,207 ล้านบาท และได้ Roll Over เงินกู้ ECP (Euro Commercial Paper) 190 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 7,452 ล้านบาท ซึ่งใช้เป็น Bridge Financing ในการ Refinance เงินกู้จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 70 ล้านบาท นอกจากนั้นได้ Refinance เงินกู้ธนาคารพัฒนาเอเชียและธนาคารโลกโดยวิธีการออกตราสารอัตราดอกเบี้ยลอยตัววงเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 39,500 ล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 3,950 ล้านบาท
สำหรับรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศเป็นวงเงินรวม 56,023 ล้านบาท โดย 1) การชำระคืนก่อนกำหนด 17,266 ล้านบาท 2) การ Refinance 28,353 ล้านบาท ซึ่งเป็นการ Refinance เงินกู้ต่างประเทศด้วยเงินบาท 25,478 ล้านบาท และ 3) การRoll Over จำนวนรวม 10,404 ล้านบาท ผลจากการดำเนินการดังกล่าวทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 17,266 ล้านบาท และลดภาระ ดอกเบี้ยได้ 7,595 ล้านบาท
ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF1) วงเงินรวม 90,000 ล้านบาท ด้วยการชำระคืนเงินต้น 5,247 ล้านบาท จากกำไรสุทธิที่ธนาคารแห่งประเทศไทยนำส่งสมทบกองทุนชำระคืนต้นเงินกู้ 3,747 ล้านบาท และเงินส่วนเกินจากการประมูลพันธบัตร 1,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจำนวน 84,753 ล้านบาท ได้ทำการ Roll Over โดยเป็นพันธบัตร 37,000 ล้านบาท ตั๋วปรับโครงสร้างหนี้ 25,000 ล้านบาท และเงินกู้ระยะสั้น 22,753 ล้านบาท และชำระคืนพันธบัตรกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน (FIDF2) ที่ครบกำหนด 22,000 ล้านบาท รวมทั้งการลดยอดหนี้คงค้างอันเกิดจากการตั้งบัญชีเงินทดรองจ่ายอีก 315 ล้านบาท นอกจากนั้น กระทรวงการคลังได้ไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ก่อนครบกำหนดในวงเงิน 25,075 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 25,075 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ย 6,305 ล้านบาท ส่วนรัฐวิสาหกิจได้ทำการกู้เงินในประเทศเพื่อการ Roll Over หนี้เดิมรวม 14,000 ล้านบาท และเพื่อการ Refinance หนี้ต่างประเทศรวม 24,100 ล้านบาท
2. การกู้เงินของภาครัฐ
ในเดือนมิถุนายน 2547 :-
กระทรวงการคลังได้รับเงินงวดสุดท้ายจากการออกพันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF3) วงเงิน 25,000 ล้านบาท เมื่อเดือนพฤษภาคม 2547 ในเดือนนี้ 10,000 ล้านบาท
รัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศด้วยการออกพันธบัตรจำนวน 16,397 ล้านบาท ได้แก่ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย 4,536 ล้านบาท การเคหะแห่งชาติ 674 ล้านบาท และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 2,787 ล้านบาท โดยกู้เพื่อลงทุน 2,485 ล้านบาท เป็นเงินบาทสมทบ 48 ล้านบาท และเพื่อทดแทนเงินกู้ต่างประเทศ 254 ล้านบาท สถาบันบริหารกองทุนน้ำมันได้กู้เงินเพื่อชดเชยราคาน้ำมัน 8,000 ล้านบาท และสำนักงานธนานุเคราะห์ได้กู้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน 400 ล้านบาท
ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2547 :-
กระทรวงการคลังได้กู้เงินในประเทศไปแล้วทั้งสิ้น 98,000 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 43,000 ล้านบาท และการออกพันธบัตร FIDF3 55,000 ล้านบาท สำหรับรัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศ 20,783 ล้านบาท และกู้เงินจากต่างประเทศตามแผนก่อหนี้ 20,746 ล้านบาท
3. การชำระหนี้ของรัฐบาล
ในเดือนมิถุนายน 2547 :-
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณ 7,676 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 409 ล้านบาท และดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 7,267 ล้านบาท
ในช่วง 9 เดือนผ่านมาของปีงบประมาณ 2547 :-
กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้จากงบประมาณรวมทั้งสิ้น 79,357 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 15,070 ล้านบาท และดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 64,287 ล้านบาท
สถานะหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2547
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 เมษายน 2547 มีจำนวน 2,871,018 ล้านบาท หรือร้อยละ 44.35 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 1,658,549 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 822,246 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 390,222 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 20,780 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 44,202 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินลดลง 26,269 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ เพิ่มขึ้น 2,847 ล้านบาท
หนี้สาธารณะจำแนกได้เป็นหนี้ต่างประเทศ 645,173 ล้านบาท หรือร้อยละ 22.47 และหนี้ในประเทศ 2,225,845 ล้านบาท หรือร้อยละ 77.53 และเป็นหนี้ระยะยาว 2,365,429 ล้านบาท หรือร้อยละ 82.39 และหนี้ระยะสั้น 505,589 ล้านบาท หรือร้อยละ 17.61 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง รายละเอียดตามตารางที่แนบ
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 52/2547 30 มิถุนายน 2547--