นายตรีพล เจาะจิตต์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ประธานทำงานด้านการเกษตร พรรคประชาธิปัตย์ ได้ชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า ข้อตกลงการค้าเสรี หรือเอฟทีเอนั้น หลังจากที่รัฐบาลได้ไปทำสัญญาข้อตกลงกับประเทศจีน และประเทศออสเตรเลียแล้ว ปรากฏว่า ได้เกิดข้อสังเกตกับประชาชน เกษตรกร และนักวิชาการมากมาย จนกระทั่งเกิดเป็นข่าวเกือบทุกวัน ในฐานะของตัวแทนประชาชนทั้ง 64 ล้านคน จึงได้รวบรวมข้อสงสัย 10 ประการ สอบถามจากรัฐบาลดังนี้
1. ทำไมก่อนทำเอฟทีเอ จึงไม่ทำการวิจัยศึกษาสินค้าเกษตรแต่ละชนิด ว่ามีผลกระทบอย่างไรบ้าง ทำไมจึงไม่นำเรื่องเอฟทีเอ เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา มีวาระซ่อนเร้นอะไรหรือไม่
2. ทำไมก่อนทำเอฟทีเอ จึงไม่เตรียมการปรับปรุงและพัฒนาสินค้าเกษตรที่จะมีผลกระทบเอาไว้ล่วงหน้าทั้งๆ ที่รัฐบาลมีเวลาถึง 3 ปี สามารถที่จะพัฒนาเกษตรกรได้ทันแต่รัฐบาลไม่ทำ
3. ทำไมเอฟทีเอกับจีนจึงไม่รอบคอบ ทำให้เสียเปรียบหลายประการเช่น คนไทยไม่สามารจัดตั้งบริษัทในประเทศจีนได้ ต้องมีชาวจีนเป็นส่วนร่วมจึงจะตั้งได้ การเก็บค่าผ่านด่านเมื่อสินค้าไทยเข้ามาสู่มณฑลต่างๆ การเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกับสินค้าเกษตรไทย 13 % มาตรฐานการตรวจสอบคุณภาพสินค้า ประเทศจีนเข้มงวดแต่ประเทศเราไม่เข้มงวด เป็นต้น ปัญหาเหล่านี้รัฐบาลจะแก้อย่างไร และเมื่อไหร่
4. นายกรัฐมนตรี มั่นใจอย่างไรว่า เกษตกรผู้มีอาชีพต่อไปนี้จะไม่ได้รับผลกระทบต่อการทำเอฟทีเอของรัฐบาล ซึ่งได้แก่เกษตรกรผู้ปลูกผัก ผลไม้เมืองหนาวของไทย เกษตรกรผู้ปลูกหัวหอม หัวกระเทียม เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ และโคนม
5. ขณะนี้เกษตรกรที่มีอาชีพดังกล่าว ไม่กล้าที่จะขยายกิจการและปรับปรุงพันธุ์ให้ดีขึ้น เพราะรู้แล้วว่าจะมีสินค้าชนิดเดียวกันแต่ราคาถูกกว่า จากต่างประเทศ จะเข้ามาแบ่งตลาด โอกาสอาชีพเกษตรดังกล่าว จะหมดไปจากประเทศไทยมีมาก รัฐบาลจะหาทางช่วยเหลือและแก้ไขอย่างไร
6. รัฐบาลจะค้ำประกันอย่างไร โดยวิธีใด จึงจะทำให้เกษตรกรสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีผลกระทบจากการค้าเสรีที่รัฐบาลไปทำข้อตกลงเอาไว้
7. ถ้ารัฐบาลแก้ไขไม่ได้เกษตรกรก็จะหมดอาชีพ กลายเป็นคนว่างงาน หรือมิฉะนั้นก็จะไปรับจ้างขายแรงงานในโรงงานอุตสาหกรรม อาชีพ เกษตรกร จะกลายเป็นอาชีพกรรมการทันที รัฐบาลคิดถึงเรื่องนี้หรือไม่
8. รัฐบาลต้องการให้ประเทศไทยผลิตสินค้าเกษตรเพื่อเป็น “ครัวของโลก” หรือต้องการให้เกษตรกรตกงาน และเป็นกรรมกรรับจ้าง ขายแรงงาน เป็น “ครัวแรงงานของโลก”
9. กองทุน 10,000 ล้านบาท ที่เตรียมจะช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ จากการทำสัญญาการค้าเสรีของรัฐบาลมีวิธีการอย่างไรบ้าง จะเริ่มดำเนินการเมื่อไหร่
10. อยากจะทราบว่า พี่น้องเกษตรกรประมาณ 40 กว่าล้านคนจะได้รับผลประโยชน์หรือผลเสีย จากการค้าเสรีที่รัฐบาลไปทำสัญญากับต่างประเทศอย่างไรบ้าง อาชีพเกษตรประเภทใดที่ได้ประโยชน์ อาชีพเกษตรประเภทใดที่เสียผลประโยชน์
รัฐบาลนี้ทำลายอาชีพ... เนื้อ นม ไข่
ส.ส.ตรีพล เจาะจิตต์ กล่าวต่ออีกว่า รัฐบาลนี้ดูเสมือนหนึ่งไม่เอาใจใส่สินค้าเกษตร เพราะดูแล้วมักจะก่อให้เกิดผลเสียต่ออาชีพเกษตร เช่น การบกพร่องปิดบังโรคไข้หวัดนกทำให้ อาชีพการเลี้ยงไก่เนื้อ ไก่ไข่ กระทบอย่างรุนแรง การไปตกลงการค้าเสรีกับประเทศออสเตรเลีย มีโอกาสทำให้อาชีพการเลี้ยงโคเนื้อ กระบือ และโคนม ประสบปัญหาอย่างมากจึงเห็นได้ว่า รัฐบาลดำเนินงานการบริหาร อาชีพทางด้านเกษตรกรผิดพลาด ผู้บริหารของกระทรวงเกษตรก็ไม่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหา และพัฒนาอาชีพเกษตรกรดีขึ้นได้ การเกษตรในประเทศไทยจึงย่ำอยู่กับที่ และบางอาชีพอาจล่มสลายได้
ตรีพล...เสนอ...เปิดสภาฯให้นายกฯชี้แจงเอฟทีเอ
ส.ส.ตรีพล กล่าวสรุปว่า ข้อสงสัย ข้อคลางแคลงใจจะหมดไป ถ้าหากว่านายกฯ จะสามารชี้แจงให้ ส.ส.และสว. ได้รับทราบข้อเท็จจริง โดยการเปิดสภาสมัยวิสามัญ เพื่อชี้แจงเรื่องนี้โดยเฉพาะ เพราะถือว่าเรื่องนี้เป็นวาระสำคัญของประเทศชาติได้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 11 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-
1. ทำไมก่อนทำเอฟทีเอ จึงไม่ทำการวิจัยศึกษาสินค้าเกษตรแต่ละชนิด ว่ามีผลกระทบอย่างไรบ้าง ทำไมจึงไม่นำเรื่องเอฟทีเอ เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา มีวาระซ่อนเร้นอะไรหรือไม่
2. ทำไมก่อนทำเอฟทีเอ จึงไม่เตรียมการปรับปรุงและพัฒนาสินค้าเกษตรที่จะมีผลกระทบเอาไว้ล่วงหน้าทั้งๆ ที่รัฐบาลมีเวลาถึง 3 ปี สามารถที่จะพัฒนาเกษตรกรได้ทันแต่รัฐบาลไม่ทำ
3. ทำไมเอฟทีเอกับจีนจึงไม่รอบคอบ ทำให้เสียเปรียบหลายประการเช่น คนไทยไม่สามารจัดตั้งบริษัทในประเทศจีนได้ ต้องมีชาวจีนเป็นส่วนร่วมจึงจะตั้งได้ การเก็บค่าผ่านด่านเมื่อสินค้าไทยเข้ามาสู่มณฑลต่างๆ การเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกับสินค้าเกษตรไทย 13 % มาตรฐานการตรวจสอบคุณภาพสินค้า ประเทศจีนเข้มงวดแต่ประเทศเราไม่เข้มงวด เป็นต้น ปัญหาเหล่านี้รัฐบาลจะแก้อย่างไร และเมื่อไหร่
4. นายกรัฐมนตรี มั่นใจอย่างไรว่า เกษตกรผู้มีอาชีพต่อไปนี้จะไม่ได้รับผลกระทบต่อการทำเอฟทีเอของรัฐบาล ซึ่งได้แก่เกษตรกรผู้ปลูกผัก ผลไม้เมืองหนาวของไทย เกษตรกรผู้ปลูกหัวหอม หัวกระเทียม เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ และโคนม
5. ขณะนี้เกษตรกรที่มีอาชีพดังกล่าว ไม่กล้าที่จะขยายกิจการและปรับปรุงพันธุ์ให้ดีขึ้น เพราะรู้แล้วว่าจะมีสินค้าชนิดเดียวกันแต่ราคาถูกกว่า จากต่างประเทศ จะเข้ามาแบ่งตลาด โอกาสอาชีพเกษตรดังกล่าว จะหมดไปจากประเทศไทยมีมาก รัฐบาลจะหาทางช่วยเหลือและแก้ไขอย่างไร
6. รัฐบาลจะค้ำประกันอย่างไร โดยวิธีใด จึงจะทำให้เกษตรกรสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีผลกระทบจากการค้าเสรีที่รัฐบาลไปทำข้อตกลงเอาไว้
7. ถ้ารัฐบาลแก้ไขไม่ได้เกษตรกรก็จะหมดอาชีพ กลายเป็นคนว่างงาน หรือมิฉะนั้นก็จะไปรับจ้างขายแรงงานในโรงงานอุตสาหกรรม อาชีพ เกษตรกร จะกลายเป็นอาชีพกรรมการทันที รัฐบาลคิดถึงเรื่องนี้หรือไม่
8. รัฐบาลต้องการให้ประเทศไทยผลิตสินค้าเกษตรเพื่อเป็น “ครัวของโลก” หรือต้องการให้เกษตรกรตกงาน และเป็นกรรมกรรับจ้าง ขายแรงงาน เป็น “ครัวแรงงานของโลก”
9. กองทุน 10,000 ล้านบาท ที่เตรียมจะช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ จากการทำสัญญาการค้าเสรีของรัฐบาลมีวิธีการอย่างไรบ้าง จะเริ่มดำเนินการเมื่อไหร่
10. อยากจะทราบว่า พี่น้องเกษตรกรประมาณ 40 กว่าล้านคนจะได้รับผลประโยชน์หรือผลเสีย จากการค้าเสรีที่รัฐบาลไปทำสัญญากับต่างประเทศอย่างไรบ้าง อาชีพเกษตรประเภทใดที่ได้ประโยชน์ อาชีพเกษตรประเภทใดที่เสียผลประโยชน์
รัฐบาลนี้ทำลายอาชีพ... เนื้อ นม ไข่
ส.ส.ตรีพล เจาะจิตต์ กล่าวต่ออีกว่า รัฐบาลนี้ดูเสมือนหนึ่งไม่เอาใจใส่สินค้าเกษตร เพราะดูแล้วมักจะก่อให้เกิดผลเสียต่ออาชีพเกษตร เช่น การบกพร่องปิดบังโรคไข้หวัดนกทำให้ อาชีพการเลี้ยงไก่เนื้อ ไก่ไข่ กระทบอย่างรุนแรง การไปตกลงการค้าเสรีกับประเทศออสเตรเลีย มีโอกาสทำให้อาชีพการเลี้ยงโคเนื้อ กระบือ และโคนม ประสบปัญหาอย่างมากจึงเห็นได้ว่า รัฐบาลดำเนินงานการบริหาร อาชีพทางด้านเกษตรกรผิดพลาด ผู้บริหารของกระทรวงเกษตรก็ไม่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหา และพัฒนาอาชีพเกษตรกรดีขึ้นได้ การเกษตรในประเทศไทยจึงย่ำอยู่กับที่ และบางอาชีพอาจล่มสลายได้
ตรีพล...เสนอ...เปิดสภาฯให้นายกฯชี้แจงเอฟทีเอ
ส.ส.ตรีพล กล่าวสรุปว่า ข้อสงสัย ข้อคลางแคลงใจจะหมดไป ถ้าหากว่านายกฯ จะสามารชี้แจงให้ ส.ส.และสว. ได้รับทราบข้อเท็จจริง โดยการเปิดสภาสมัยวิสามัญ เพื่อชี้แจงเรื่องนี้โดยเฉพาะ เพราะถือว่าเรื่องนี้เป็นวาระสำคัญของประเทศชาติได้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 11 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-