วันนี้(14 ก.ค.47) เวลา 08.15น. นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘เก็บตกจากเนชั่น’ ทางคลื่นวิทยุ 90.5 เมกะเฮิรต์ ถึงการลาออกของส.ส.ในพรรคประชาธิปัตย์ และล่าสุดมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองนายกรัฐมนตรี ทาบทามนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้ไปอยู่พรรคไทยรักไทยว่า ตนเพิ่งได้ยินข่าวนี้เมื่อเช้า และก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยทราบมาก่อน ส่วนการลาออกของส.ส.ในพรรคนั้น ตนคิดว่าเหตุผลการลาออกของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป เช่น ส.ส.บัญชีรายชื่อก็จะมีเหตุผลที่ต่างจากส.ส.เขต ซึ่งกรณีของส.ส.เขตอาจจะมาจากความกังวลเรื่องการเลือกตั้งครั้งต่อไป หรืออาจมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในการแข่งขันช่วงเลือกตั้ง ซึ่งก็ยอมรับว่าในส่วนนี้พรรคฯไม่สามารถช่วยเหลือสมาชิกเหมือนพรรคการเมืองใหญ่ๆได้
นายชวนกล่าววานนี้(13 ก.ค.47)ตนก็ได้พูดคุยกับนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคฯ ถึงจำนวนผู้ที่จะลาออก ที่ขณะนี้ยังไม่มีความแน่นอน ซึ่งตนคิดว่าอาจจะมีอีกบ้างแต่ทั้งนี้ก็ไม่สามรารถบอกได้ว่าจะมีอีกจำนวนเท่าไหร่ เมื่อถามว่ามีการคาดการณ์หรือไม่ว่าที่สุดแล้วประชาธิปัตย์จะมีคนลาออกเท่าไหร่ นายชวนกล่าวว่า ยังไม่มีการคาดการณ์ เพียงแต่ตนได้ถามหัวหน้าพรรคฯเรื่องจำนวนคน ซึ่งนายบัญญัติก็บอกว่าก็มีเท่าที่เป็นข่าว ส่วนที่เหลือก็ยังไม่สามารถตอบได้ ต่อข้อถามว่ามีข่าวออกมาว่าจะมีส.ส.ย้ายเข้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยชื่อได้หรือไม่ นายชวนกล่าวว่า ตนเองก็ยังไม่ทราบ แต่เท่าที่รู้มีเพียงคนเดียวที่เข้ามาคุยกับตนโดยตรงว่าขอเข้ามาอยู่พรรคประชาธิปัตย์ แต่ทั้งนี้ยังไม่ขอเปิดเผยชื่อ เพราะบุคคนั้นยังเป็นส.ส.ของพรรคอื่นอยู่
ต่อข้อถามถึงการลาออกของนายเอกพจน์ ปานแย้ม ส.ส.ปทุมลาออกนั้น ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า กรณีของนายเอกพจน์ไม่น่าจะมีลับลมคมในอะไร แต่หากมีความจริงอะไรก็สามารถบอกได้ เรื่องไหนที่พูดได้ก็จะพูด แต่เรื่องไหนที่พูดไม่ได้ก็จะไม่พูด แต่หลังจากการลาออกตนก็ได้พยายามติดต่อเพื่อสอบถามนายเอกพจน์แล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ‘การสมัครใจลาออกก็เป็นสิทธิของเขาที่เราต้องเคารพ แต่คนที่ออกจะไปก็ขอให้บอกกัน ก็ไม่มีปัญหาอะไร’ เมื่อถามว่านายเอกพจน์บอกสาเหตุการลาออกว่า พรรคไม่มีความชัดเจนในนโยบายของพรรค รวมถึงผู้บริหารพรรคไม่ชัดเจนเรื่องแนวทางการทำงาน นายชวนกล่าวว่า ตนคิดว่าผู้บริหารก็มีความชัดเจนในการทำงานอยู่ในตัว เพราะคณะผู้บริหารก็พยายามทำงานอย่างหนัก ‘ผมคิดว่าความสับสนที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นเดือน ที่มีการตั้งพรรคใหม่และคนของพรรคที่เป็นคณะผู้บริหารแท้ๆของพรรค และเป็นผู้สนับสนุนท่านบัญญัติออกไป ก็อาจจะทำให้สมาชิกส่วนหนึ่งสับสนได้’
เมื่อถามว่าหากกรณีของนายประดิษฐ์เป็นความจริงจะส่งผลกระทบต่อพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายชวนกล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะไม่เคยมีข่าวทำนองนี้มาก่อน จึงไม่แน่ใจว่าเป็นความจริงหรือไม่ ส่วนจะไปขอความชัดเจนกับนายประดิษฐ์หรือไม่นั้น คิดว่าคงไม่ต้อง เพราะถือว่าเป็นสิทธิส่วนตัวของบุคคล ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการวิจารณ์กันว่าพรรคประชาธิปัตย์เหมือนจะไม่มีพันธมิตรและถูกโดดเดี่ยวทางการเมือง เพราะผู้ที่ออกไปตั้งพรรคมหาชนก็วิจารณ์นโยบายพรรคประชาธิปัตย์อย่างรุนแรง นายชวนกล่าวว่า เท่าที่ตามดูก็ไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ส่วนใหญ่เป็นการพูดในหลักการเท่านั้น ส่วนการทำหน้าที่ตนคิดว่าพรรคจะต้องเชื่อมั่นในแนวทางของพรรค อย่าไปหวั่นไหวจนไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ อะไรที่เห็นว่าไม่ถูกต้องก็ต้องตรวจสอบตามหน้าที่ของฝ่ายค้าน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-
นายชวนกล่าววานนี้(13 ก.ค.47)ตนก็ได้พูดคุยกับนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคฯ ถึงจำนวนผู้ที่จะลาออก ที่ขณะนี้ยังไม่มีความแน่นอน ซึ่งตนคิดว่าอาจจะมีอีกบ้างแต่ทั้งนี้ก็ไม่สามรารถบอกได้ว่าจะมีอีกจำนวนเท่าไหร่ เมื่อถามว่ามีการคาดการณ์หรือไม่ว่าที่สุดแล้วประชาธิปัตย์จะมีคนลาออกเท่าไหร่ นายชวนกล่าวว่า ยังไม่มีการคาดการณ์ เพียงแต่ตนได้ถามหัวหน้าพรรคฯเรื่องจำนวนคน ซึ่งนายบัญญัติก็บอกว่าก็มีเท่าที่เป็นข่าว ส่วนที่เหลือก็ยังไม่สามารถตอบได้ ต่อข้อถามว่ามีข่าวออกมาว่าจะมีส.ส.ย้ายเข้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยชื่อได้หรือไม่ นายชวนกล่าวว่า ตนเองก็ยังไม่ทราบ แต่เท่าที่รู้มีเพียงคนเดียวที่เข้ามาคุยกับตนโดยตรงว่าขอเข้ามาอยู่พรรคประชาธิปัตย์ แต่ทั้งนี้ยังไม่ขอเปิดเผยชื่อ เพราะบุคคนั้นยังเป็นส.ส.ของพรรคอื่นอยู่
ต่อข้อถามถึงการลาออกของนายเอกพจน์ ปานแย้ม ส.ส.ปทุมลาออกนั้น ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า กรณีของนายเอกพจน์ไม่น่าจะมีลับลมคมในอะไร แต่หากมีความจริงอะไรก็สามารถบอกได้ เรื่องไหนที่พูดได้ก็จะพูด แต่เรื่องไหนที่พูดไม่ได้ก็จะไม่พูด แต่หลังจากการลาออกตนก็ได้พยายามติดต่อเพื่อสอบถามนายเอกพจน์แล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ‘การสมัครใจลาออกก็เป็นสิทธิของเขาที่เราต้องเคารพ แต่คนที่ออกจะไปก็ขอให้บอกกัน ก็ไม่มีปัญหาอะไร’ เมื่อถามว่านายเอกพจน์บอกสาเหตุการลาออกว่า พรรคไม่มีความชัดเจนในนโยบายของพรรค รวมถึงผู้บริหารพรรคไม่ชัดเจนเรื่องแนวทางการทำงาน นายชวนกล่าวว่า ตนคิดว่าผู้บริหารก็มีความชัดเจนในการทำงานอยู่ในตัว เพราะคณะผู้บริหารก็พยายามทำงานอย่างหนัก ‘ผมคิดว่าความสับสนที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นเดือน ที่มีการตั้งพรรคใหม่และคนของพรรคที่เป็นคณะผู้บริหารแท้ๆของพรรค และเป็นผู้สนับสนุนท่านบัญญัติออกไป ก็อาจจะทำให้สมาชิกส่วนหนึ่งสับสนได้’
เมื่อถามว่าหากกรณีของนายประดิษฐ์เป็นความจริงจะส่งผลกระทบต่อพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายชวนกล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะไม่เคยมีข่าวทำนองนี้มาก่อน จึงไม่แน่ใจว่าเป็นความจริงหรือไม่ ส่วนจะไปขอความชัดเจนกับนายประดิษฐ์หรือไม่นั้น คิดว่าคงไม่ต้อง เพราะถือว่าเป็นสิทธิส่วนตัวของบุคคล ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการวิจารณ์กันว่าพรรคประชาธิปัตย์เหมือนจะไม่มีพันธมิตรและถูกโดดเดี่ยวทางการเมือง เพราะผู้ที่ออกไปตั้งพรรคมหาชนก็วิจารณ์นโยบายพรรคประชาธิปัตย์อย่างรุนแรง นายชวนกล่าวว่า เท่าที่ตามดูก็ไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ส่วนใหญ่เป็นการพูดในหลักการเท่านั้น ส่วนการทำหน้าที่ตนคิดว่าพรรคจะต้องเชื่อมั่นในแนวทางของพรรค อย่าไปหวั่นไหวจนไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ อะไรที่เห็นว่าไม่ถูกต้องก็ต้องตรวจสอบตามหน้าที่ของฝ่ายค้าน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-