ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ก.พาณิชย์เชื่อมั่นการระบาดของโรคไข้หวัดนกรอบสองจะไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออก รม
ว.
พาณิชย์ เปิดเผยถึงปัญหาการระบาดของโรคไข้หวัดนกรอบสองว่า จะไม่มีผลกระทบต่อการส่งออก โดยมั่นใจ
ว่าการส่งออกในปี 47 จะขยายตัวเกินเป้าหมาย 15% อย่างแน่นอน เนื่องจากในช่วง 5 เดือนแรก การส่ง
ออกมีอัตราการขยายตัวค่อนข้างมากคือ 19.7% ทำให้คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังแม้ว่าการส่งออกจะปรับตัวลดลง
บ้างจากปัจจัยลบต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องราคาน้ำมัน แต่โดยเฉลี่ยแล้วก็จะยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ ก.พาณิชย์
คาดการณ์ไว้ (โลกวันนี้, แนวหน้า)
2. รายงานการศึกษาของ ศศปร.3 เสนอข้อสังเกตเกี่ยวกับการทำงานของ บบส. คณะ
กรรมการศึกษาและเสนอมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการระบบการเงินของประเทศเพื่อป้องกัน
การเกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ (ศสปป.) หรือ ศปร.3 ได้สรุปรายงานการศึกษาของคณะกรรมการ โดย
ในรายงานได้ตั้งข้อสังเกต เกี่ยวกับกระบวนการจัดตั้งและการดำเนินงานของบรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบัน
การเงิน (บบส.) โดยระบุว่า แม้การทำงานของ บบส.จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นหลายชุด เพื่อเน้นความ
โปร่งใสในการดำเนินงาน แต่คณะกรรมการกลับประกอบด้วยบุคคลที่เป็นกรรมการผู้บริหารระดับสูงของ บบส.
ทั้งสิ้น ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินงานมีความโปร่งใส ควรจะพิจารณาแต่งตั้งบุคคลภายนอก ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ
ในด้านต่างๆ เข้าเป็นกรรมการร่วมของ บบส. นอกจากนี้ ประเด็นเกี่ยวกับการประเมินราคาของ บบส. ซึ่ง
เป็นการประเมินของฝ่ายประเมินอย่างเดียว ไม่มีการประเมินราคาจากบริษัทกลาง ทำให้ราคาประเมินที่ได้
อาจต่ำหรือสูงเกินไปได้ ซึ่งเป็นประเด็นที่ลูกหนี้สงสัยเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม ในภาพรวม ศปร.3 เห็นว่า
บบส.สามารถดำเนินการตามเจตนารมณ์ในการจัดตั้งได้ (กรุงเทพธุรกิจ)
3. องค์กรเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศให้ความสนใจเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อร่วม
ลงทุนกับ ธ.ออมสิน ผู้อำนวยการ ธ.ออมสิน เปิดเผยว่า เมื่อปลายเดือน มิ.ย.47 ที่ผ่านมา ธ.ออมสินได้
ลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกับองค์กรเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นองค์กรที่ร่วมลงทุนโดย
รัฐบาล 2 ประเทศ คือ อังกฤษและนอร์เวย์ โดยมีวัตถุประสงค์เข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อร่วมลงทุนกับ
ธ.ออมสินในวงเงิน 1,000 ล.บาท เพื่อปล่อยสินเชื่อตามโครงการของรัฐบาล เช่น โครงการธนาคาร
ประชาชน สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีองค์กรพัฒนาเศรษฐกิจระหว่าง
ประเทศของฝรั่งเศส (French Agency for Development) ได้เข้ามาเจรจาเกี่ยวกับโครงการต่างๆ
ในส่วนที่เกี่ยวกับกิจการชุมชนของ ธ.ออมสิน โดยต้องการร่วมมือในการรับภาระความเสี่ยงประมาณ 75%
ของสินเชื่อรวมในการปล่อยสินเชื่อให้กับภาคประชาชนเป็นวงเงินไม่เกิน 800 ล.บาท สำหรับผลการดำเนิน
งานของ ธ.ออมสินในช่วง 6 เดือนแรกของปี 47 มีเงินฝากเพิ่มขึ้น 5,994 ล.บาท คิดเป็น 24.98% ของ
เป้าหมายทั้งปี 24,000 ล.บาท ในส่วนของสินเชื่อมีการปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 47,857 ล.บาท คิดเป็น
46.02% จากเป้าหมายทั้งปี 104,000 ล.บาท สำหรับกำไรสุทธิมีจำนวน 7,717 ล.บาท และสัดส่วนหนี้ที่ไม่
ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 3.16% ของสินเชื่อคงเหลือ (ข่าวสด, ไทยโพสต์)
4. คาดว่าแนวโน้มการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังปี 47 อาจส่งผลกระทบ
ต่อ
การดำเนินงานการขายสินทรัพย์ของ บบส. กรรมการผู้จัดการบรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.)
เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 47 คาดว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากปัจจัย
ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนสินค้าและวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มเพิ่ม
สูงขึ้น จะส่งผลกระทบทันทีในเรื่องของภาระต้นทุนดอกเบี้ยที่ผู้ขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านจะต้องรับเพิ่มด้วย รวมทั้ง
การปรับโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ที่อาจต้องได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหากภาคอสังหาริม
ทรัพย์ไม่ขยายตัวเช่นเดียวกับช่วงต้นปี ก็อาจส่งผลกระทบกับการขายสินทรัพย์โดยเฉพาะที่ดินเปล่าที่ บบส.มีอยู่
กว่า 60% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ซึ่ง บบส.จำต้องเร่งดำเนินการระบายทรัพย์เหล่านี้ออกให้ได้มากที่สุด เพื่อ
ให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในช่วง 5 เดือนแรก บบส.มีรายได้ 2,942 ล.บาท
รายจ่าย 261 ล.บาท เป็นกำไรสุทธิ 2,680 ล.บาท ซึ่งคิดเป็น 60% จากเป้าหมายกำไรทั้งปีที่ตั้งไว้ 4,482
ล.บาท (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดค้าปลีกของ สรอ.ในเดือน มิ.ย.47 ลดลงร้อยละ 1.1 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 14
ก.ค.47 ยอดค้าปลีกของ สรอ.ในเดือน มิ.ย.47 ลดลงร้อยละ 1.1 ลดลงมากกว่าที่คาดไว้ว่าจะลดลงร้อยละ
0.6 โดยหากไม่รวมยอดขายรถยนต์ซึ่งมีส่วนอย่างมากต่อการลดลงของยอดค้าปลีกแล้ว ยอดค้าปลีกจะลดลง
ร้อยละ 0.2 ในขณะที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 อันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นในขณะนี้ทำให้ผู้
บริโภคลดการใช้จ่ายในสินค้าตัวอื่นลง เช่นเดียวกับราคาสินค้านำเข้าที่ลดลงร้อยละ 0.2 และราคาสินค้าส่ง
ออกที่ลดลงร้อยละ 0.6 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ปี ยอดค้าปลีกและราคาสินค้าที่ลดลงดังกล่าว
ข้างต้นแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงหลังจากขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงครึ่งหลังปีก่อน
และช่วงต้นปีนี้ และช่วยลดความกังวลว่าจะเกิดภาวะเงินเฟ้อซึ่งเป็นสาเหตุให้ ธ.กลาง สรอ.ขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ในเดือน มิ.ย.47 ที่ผ่านมา โดยนอกจากยอดขายรถยนต์ที่ลดลงร้อยละ 4.3 แล้ว
ยอดขายสินค้าอื่น ๆ ก็ลดลงเช่นเดียวกัน โดยยอดขายของห้างสรรพสินค้าลดลงร้อยละ 0.8 ร้านขายเสื้อผ้า
ลดลงร้อยละ 0.5 ในขณะที่ยอดขายของสถานีบริการน้ำมันและภัตตาคารลดลงร้อยละ 0.9 และ 0.8 ตาม
ลำดับ (รอยเตอร์)
2. รอยเตอร์คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ.ในเดือน มิ.ย.47 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2
รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อ 14 ก.ค.47ผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ. ในเดือน
มิ.ย.47 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ในเดือนก่อน ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน
ซึ่งไม่รวมถึงราคาอาหารและพลังงาน คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เช่นกัน (เทียบต่อเดือน) อันเป็นตัวเลข
ที่เพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกันกับเดือน พ.ค.47 และหากเทียบต่อปี ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7
ในเดือน พ.ค.47 แต่นักวิเคราะห์บางคนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 ทั้งนี้ ธ.กลาง สรอ.เคยเปิดเผยว่า
จะรักษาระดับภาวะเงินเฟ้อในประเทศให้อยู่ระหว่างร้อยละ 1.0-2.0 ดังนั้น รายงานเศรษฐกิจรายเดือน
มิ.ย.47 อาจจะแสดงตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานที่ใกล้กับเพดานที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม การปรับตัว
สูงขึ้นของระดับภาวะเงินเฟ้อนั้น ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยที่ส่งผลกระทบชั่วคราว นั่นก็คือระดับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
โดยคาดว่าจะมีแนวโน้มลดต่ำลง ทั้งนี้ ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค The Bureau of Labor Statistics
จะประกาศเป็นทางการในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ (รอยเตอร์)
3. อัตราการว่างงานของเยอรมนีสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอียู รายงานจากเบอร์ลิน เยอรมนี เมื่อ
วันที่
14 ก.ค.47 สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี เปิดเผยว่าร้อยละ 50 ของจำนวนคนว่างงานในเยอรมนี
4.4 ล้านคน เป็นคนตกงานระยะยาวเนื่องจากไม่มีงานทำมานานกว่า 1 ปีแล้ว เทียบกับค่าเฉลี่ยร้อยละ
44.9 ของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป 25 ประเทศ และร้อยละ 11.8 ใน สรอ. โดยอัตราคนว่างงานเกือบ
2 ใน 3 ที่อยู่ในแคว้นด้านตะวันออกที่เคยเป็นอดีตประเทศคอมมิวนิสต์ไม่มีงานทำมานานกว่า 1 ปีแล้ว เทียบ
กับร้อยละ 45 ของแคว้นด้านตะวันตกที่มีภาวะเศรษฐกิจที่ดีกว่า ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่ากฎหมายแรงงานที่เข้ม
งวดของเยอรมนีที่มุ่งคุ้มครองคนมีงานทำ ทำให้บริษัทต่าง ๆ ต้องจำกัดการจ้างแรงงานใหม่ อย่างไรก็ตาม
เมื่อสัปดาห์ก่อนรัฐบาลได้ผลักดันกฎหมายใหม่ที่จะลดการให้ความช่วยเหลือลงอย่างมากต่อคนที่ว่างงานระยะยาว
และนับเป็นการลดความช่วยเหลือคนตกงานเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งสหภาพแรงงาน
นักการเมืองฝ่ายค้าน และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของแคว้นด้านตะวันออก ได้โจมตีกฎหมายใหม่ดังกล่าวว่าจะทำให้
เกิดการต่อต้านมากขึ้นโดยเฉพาะในเขตตะวันออก ปัจจุบันบุคคลใดก็ตามที่ไม่มีงานทำนานกว่า 1 ปี จะได้
รับความช่วยเหลือมูลค่าประมาณร้อยละ 50 ของค่าจ้างครั้งหลังสุด พร้อมกับเงินพิเศษสำหรับครอบครัวโดย
ไม่จำกัดระยะเวลา แต่ภายใต้กฎหมายใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในปีหน้า คนตกงานที่อยู่ในเยอรมนีตะวันตกจะได้
รับเงินช่วยเหลือในอัตรามาตรฐาน 345 ยูโรต่อเดือน ส่วนคนที่อยู่ในเขตตะวันออกจะได้รับ 331 ยูโรต่อเดือน
บวกกับค่าเช่าและเงินช่วยเหลือครอบครัว ซึ่งผลจากกฎหมายใหม่ดังกล่าวจะทำให้คนว่างงานระยะยาว
จำนวนมากต้องสูญเสียรายได้จากเงินช่วยเหลือของรัฐหลายร้อยยูโรต่อเดือน (รอยเตอร์)
4. นโยบายควบคุมเศรษฐกิจมหภาคของจีนบรรลุผลแต่ปัญหายังคงมีอยู่ รายงานจากปักกิ่ง เมื่อ
วันที่
14ก.ค. 47 นรม.จีน กล่าวในการประชุมครม.เมื่อวานนี้ว่านโยบายลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจของจีน
กำลังบรรลุผลอย่างเห็นได้ชัดและเตือนว่าปัญหาทางเศรษฐกิจของจีนยังคงมีอยู่ ทั้งนี้เมื่อเร็วๆนี้รัฐบาลจีนได้นำ
มาตรการมาใช้รวมทั้งการบังคับให้ธพ. ต้องดำรงเงินสดสำรองมากขึ้นแทนการให้กู้ยืมและจำกัดโครงการลง
ทุนใหม่ๆในภาคอสังหาริมทรัพย์ เหล็กกล้า และซีเมนท์ เพื่อที่จะลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจในภาคดังกล่าว
ลง เขาเห็นว่าหากรัฐบาลจีนยังคงดำเนินนโยบายเช่นนี้อย่างต่อเนื่องแล้วเศรษฐกิจของจีนจะเติบโตอย่าง
ยั่งยืนและมีเสถียรภาพ แต่ปัญหาที่เห็นเด่นชัดในเรื่องการดำเนินการทางเศรษฐกิจยังไม่ได้รับการแก้ไข โดย
จีนควรที่จะตระหนักถึงความยากลำบากและความซับซ้อนของการควบคุมเศรษฐกิจในระดับมหภาคอย่างแท้จริง
และไม่ควรจะเล็งผลเลิศจนเกินไป ทั้งนี้ตัวเลขสถิติของจีนส่งสัญญาณว่าผลการดำเนินนโยบายควบคุมเศรษฐกิจ
ในระดับมหภาคของจีนส่งผลแล้วและจะช่วยให้จีนซึ่งมีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 7 ในโลกจะมีการขยาย
ตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่ร้อนแรงจนเกินไป โดยปริมาณเงินตามความหมายกว้างของจีนในเดือน มิ.ย.ขยายตัว
ชะลอลงอยู่ในระดับร้อยละ 16.2 จากช่วงเดียวกันปีก่อนและชะลอลงจากร้อยละ 17.5 ในเดือนพ.ค. ซึ่ง
เป็นการส่งสัญญาณที่แสดงว่ามาตรการที่เข้มงวดของรัฐบาลได้ผล นอกจากนั้นการลงทุนโดยตรงจากต่าง
ประเทศในเดือนเดียวกันยังทำสถิติสูงสุดถึง 8 พันล.ดอลลาร์ สรอ.แสดงว่านโยบายที่จะจำกัดการขยายตัว
ของการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์และเหล็กกล้าและซีเมนท์มิได้ทำให้การลงทุนลดลง มาตรการควบคุมการ
ขยายตัวของปริมาณเงินช่วยให้เงินเฟ้อที่เกรงว่าจะเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วเนื่องจากเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างร้อน
แรงสงบลง นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าแนวโน้มของปริมาณเงินตามความหมายกว้างของจีนจะผ่อนคลายลง
และอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 15 ก.ค. 47
14 ก.ค. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$)
40.766 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$)
40.5684/40.8536 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ)
1.09375-1.2800 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท)
652.79/17.41 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,650/7,750
7,650/7,750 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 35.47
34.08 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท)
18.79*/14.59 18.79*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 18 มิ.ย.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ก.พาณิชย์เชื่อมั่นการระบาดของโรคไข้หวัดนกรอบสองจะไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออก รม
ว.
พาณิชย์ เปิดเผยถึงปัญหาการระบาดของโรคไข้หวัดนกรอบสองว่า จะไม่มีผลกระทบต่อการส่งออก โดยมั่นใจ
ว่าการส่งออกในปี 47 จะขยายตัวเกินเป้าหมาย 15% อย่างแน่นอน เนื่องจากในช่วง 5 เดือนแรก การส่ง
ออกมีอัตราการขยายตัวค่อนข้างมากคือ 19.7% ทำให้คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังแม้ว่าการส่งออกจะปรับตัวลดลง
บ้างจากปัจจัยลบต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องราคาน้ำมัน แต่โดยเฉลี่ยแล้วก็จะยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ ก.พาณิชย์
คาดการณ์ไว้ (โลกวันนี้, แนวหน้า)
2. รายงานการศึกษาของ ศศปร.3 เสนอข้อสังเกตเกี่ยวกับการทำงานของ บบส. คณะ
กรรมการศึกษาและเสนอมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการระบบการเงินของประเทศเพื่อป้องกัน
การเกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ (ศสปป.) หรือ ศปร.3 ได้สรุปรายงานการศึกษาของคณะกรรมการ โดย
ในรายงานได้ตั้งข้อสังเกต เกี่ยวกับกระบวนการจัดตั้งและการดำเนินงานของบรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบัน
การเงิน (บบส.) โดยระบุว่า แม้การทำงานของ บบส.จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นหลายชุด เพื่อเน้นความ
โปร่งใสในการดำเนินงาน แต่คณะกรรมการกลับประกอบด้วยบุคคลที่เป็นกรรมการผู้บริหารระดับสูงของ บบส.
ทั้งสิ้น ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินงานมีความโปร่งใส ควรจะพิจารณาแต่งตั้งบุคคลภายนอก ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ
ในด้านต่างๆ เข้าเป็นกรรมการร่วมของ บบส. นอกจากนี้ ประเด็นเกี่ยวกับการประเมินราคาของ บบส. ซึ่ง
เป็นการประเมินของฝ่ายประเมินอย่างเดียว ไม่มีการประเมินราคาจากบริษัทกลาง ทำให้ราคาประเมินที่ได้
อาจต่ำหรือสูงเกินไปได้ ซึ่งเป็นประเด็นที่ลูกหนี้สงสัยเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม ในภาพรวม ศปร.3 เห็นว่า
บบส.สามารถดำเนินการตามเจตนารมณ์ในการจัดตั้งได้ (กรุงเทพธุรกิจ)
3. องค์กรเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศให้ความสนใจเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อร่วม
ลงทุนกับ ธ.ออมสิน ผู้อำนวยการ ธ.ออมสิน เปิดเผยว่า เมื่อปลายเดือน มิ.ย.47 ที่ผ่านมา ธ.ออมสินได้
ลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกับองค์กรเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นองค์กรที่ร่วมลงทุนโดย
รัฐบาล 2 ประเทศ คือ อังกฤษและนอร์เวย์ โดยมีวัตถุประสงค์เข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อร่วมลงทุนกับ
ธ.ออมสินในวงเงิน 1,000 ล.บาท เพื่อปล่อยสินเชื่อตามโครงการของรัฐบาล เช่น โครงการธนาคาร
ประชาชน สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีองค์กรพัฒนาเศรษฐกิจระหว่าง
ประเทศของฝรั่งเศส (French Agency for Development) ได้เข้ามาเจรจาเกี่ยวกับโครงการต่างๆ
ในส่วนที่เกี่ยวกับกิจการชุมชนของ ธ.ออมสิน โดยต้องการร่วมมือในการรับภาระความเสี่ยงประมาณ 75%
ของสินเชื่อรวมในการปล่อยสินเชื่อให้กับภาคประชาชนเป็นวงเงินไม่เกิน 800 ล.บาท สำหรับผลการดำเนิน
งานของ ธ.ออมสินในช่วง 6 เดือนแรกของปี 47 มีเงินฝากเพิ่มขึ้น 5,994 ล.บาท คิดเป็น 24.98% ของ
เป้าหมายทั้งปี 24,000 ล.บาท ในส่วนของสินเชื่อมีการปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 47,857 ล.บาท คิดเป็น
46.02% จากเป้าหมายทั้งปี 104,000 ล.บาท สำหรับกำไรสุทธิมีจำนวน 7,717 ล.บาท และสัดส่วนหนี้ที่ไม่
ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 3.16% ของสินเชื่อคงเหลือ (ข่าวสด, ไทยโพสต์)
4. คาดว่าแนวโน้มการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังปี 47 อาจส่งผลกระทบ
ต่อ
การดำเนินงานการขายสินทรัพย์ของ บบส. กรรมการผู้จัดการบรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.)
เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 47 คาดว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากปัจจัย
ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนสินค้าและวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มเพิ่ม
สูงขึ้น จะส่งผลกระทบทันทีในเรื่องของภาระต้นทุนดอกเบี้ยที่ผู้ขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านจะต้องรับเพิ่มด้วย รวมทั้ง
การปรับโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ที่อาจต้องได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหากภาคอสังหาริม
ทรัพย์ไม่ขยายตัวเช่นเดียวกับช่วงต้นปี ก็อาจส่งผลกระทบกับการขายสินทรัพย์โดยเฉพาะที่ดินเปล่าที่ บบส.มีอยู่
กว่า 60% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ซึ่ง บบส.จำต้องเร่งดำเนินการระบายทรัพย์เหล่านี้ออกให้ได้มากที่สุด เพื่อ
ให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในช่วง 5 เดือนแรก บบส.มีรายได้ 2,942 ล.บาท
รายจ่าย 261 ล.บาท เป็นกำไรสุทธิ 2,680 ล.บาท ซึ่งคิดเป็น 60% จากเป้าหมายกำไรทั้งปีที่ตั้งไว้ 4,482
ล.บาท (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดค้าปลีกของ สรอ.ในเดือน มิ.ย.47 ลดลงร้อยละ 1.1 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 14
ก.ค.47 ยอดค้าปลีกของ สรอ.ในเดือน มิ.ย.47 ลดลงร้อยละ 1.1 ลดลงมากกว่าที่คาดไว้ว่าจะลดลงร้อยละ
0.6 โดยหากไม่รวมยอดขายรถยนต์ซึ่งมีส่วนอย่างมากต่อการลดลงของยอดค้าปลีกแล้ว ยอดค้าปลีกจะลดลง
ร้อยละ 0.2 ในขณะที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 อันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นในขณะนี้ทำให้ผู้
บริโภคลดการใช้จ่ายในสินค้าตัวอื่นลง เช่นเดียวกับราคาสินค้านำเข้าที่ลดลงร้อยละ 0.2 และราคาสินค้าส่ง
ออกที่ลดลงร้อยละ 0.6 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ปี ยอดค้าปลีกและราคาสินค้าที่ลดลงดังกล่าว
ข้างต้นแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงหลังจากขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงครึ่งหลังปีก่อน
และช่วงต้นปีนี้ และช่วยลดความกังวลว่าจะเกิดภาวะเงินเฟ้อซึ่งเป็นสาเหตุให้ ธ.กลาง สรอ.ขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ในเดือน มิ.ย.47 ที่ผ่านมา โดยนอกจากยอดขายรถยนต์ที่ลดลงร้อยละ 4.3 แล้ว
ยอดขายสินค้าอื่น ๆ ก็ลดลงเช่นเดียวกัน โดยยอดขายของห้างสรรพสินค้าลดลงร้อยละ 0.8 ร้านขายเสื้อผ้า
ลดลงร้อยละ 0.5 ในขณะที่ยอดขายของสถานีบริการน้ำมันและภัตตาคารลดลงร้อยละ 0.9 และ 0.8 ตาม
ลำดับ (รอยเตอร์)
2. รอยเตอร์คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ.ในเดือน มิ.ย.47 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2
รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อ 14 ก.ค.47ผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ. ในเดือน
มิ.ย.47 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ในเดือนก่อน ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน
ซึ่งไม่รวมถึงราคาอาหารและพลังงาน คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เช่นกัน (เทียบต่อเดือน) อันเป็นตัวเลข
ที่เพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกันกับเดือน พ.ค.47 และหากเทียบต่อปี ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7
ในเดือน พ.ค.47 แต่นักวิเคราะห์บางคนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 ทั้งนี้ ธ.กลาง สรอ.เคยเปิดเผยว่า
จะรักษาระดับภาวะเงินเฟ้อในประเทศให้อยู่ระหว่างร้อยละ 1.0-2.0 ดังนั้น รายงานเศรษฐกิจรายเดือน
มิ.ย.47 อาจจะแสดงตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานที่ใกล้กับเพดานที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม การปรับตัว
สูงขึ้นของระดับภาวะเงินเฟ้อนั้น ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยที่ส่งผลกระทบชั่วคราว นั่นก็คือระดับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
โดยคาดว่าจะมีแนวโน้มลดต่ำลง ทั้งนี้ ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค The Bureau of Labor Statistics
จะประกาศเป็นทางการในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ (รอยเตอร์)
3. อัตราการว่างงานของเยอรมนีสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอียู รายงานจากเบอร์ลิน เยอรมนี เมื่อ
วันที่
14 ก.ค.47 สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี เปิดเผยว่าร้อยละ 50 ของจำนวนคนว่างงานในเยอรมนี
4.4 ล้านคน เป็นคนตกงานระยะยาวเนื่องจากไม่มีงานทำมานานกว่า 1 ปีแล้ว เทียบกับค่าเฉลี่ยร้อยละ
44.9 ของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป 25 ประเทศ และร้อยละ 11.8 ใน สรอ. โดยอัตราคนว่างงานเกือบ
2 ใน 3 ที่อยู่ในแคว้นด้านตะวันออกที่เคยเป็นอดีตประเทศคอมมิวนิสต์ไม่มีงานทำมานานกว่า 1 ปีแล้ว เทียบ
กับร้อยละ 45 ของแคว้นด้านตะวันตกที่มีภาวะเศรษฐกิจที่ดีกว่า ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่ากฎหมายแรงงานที่เข้ม
งวดของเยอรมนีที่มุ่งคุ้มครองคนมีงานทำ ทำให้บริษัทต่าง ๆ ต้องจำกัดการจ้างแรงงานใหม่ อย่างไรก็ตาม
เมื่อสัปดาห์ก่อนรัฐบาลได้ผลักดันกฎหมายใหม่ที่จะลดการให้ความช่วยเหลือลงอย่างมากต่อคนที่ว่างงานระยะยาว
และนับเป็นการลดความช่วยเหลือคนตกงานเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งสหภาพแรงงาน
นักการเมืองฝ่ายค้าน และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของแคว้นด้านตะวันออก ได้โจมตีกฎหมายใหม่ดังกล่าวว่าจะทำให้
เกิดการต่อต้านมากขึ้นโดยเฉพาะในเขตตะวันออก ปัจจุบันบุคคลใดก็ตามที่ไม่มีงานทำนานกว่า 1 ปี จะได้
รับความช่วยเหลือมูลค่าประมาณร้อยละ 50 ของค่าจ้างครั้งหลังสุด พร้อมกับเงินพิเศษสำหรับครอบครัวโดย
ไม่จำกัดระยะเวลา แต่ภายใต้กฎหมายใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในปีหน้า คนตกงานที่อยู่ในเยอรมนีตะวันตกจะได้
รับเงินช่วยเหลือในอัตรามาตรฐาน 345 ยูโรต่อเดือน ส่วนคนที่อยู่ในเขตตะวันออกจะได้รับ 331 ยูโรต่อเดือน
บวกกับค่าเช่าและเงินช่วยเหลือครอบครัว ซึ่งผลจากกฎหมายใหม่ดังกล่าวจะทำให้คนว่างงานระยะยาว
จำนวนมากต้องสูญเสียรายได้จากเงินช่วยเหลือของรัฐหลายร้อยยูโรต่อเดือน (รอยเตอร์)
4. นโยบายควบคุมเศรษฐกิจมหภาคของจีนบรรลุผลแต่ปัญหายังคงมีอยู่ รายงานจากปักกิ่ง เมื่อ
วันที่
14ก.ค. 47 นรม.จีน กล่าวในการประชุมครม.เมื่อวานนี้ว่านโยบายลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจของจีน
กำลังบรรลุผลอย่างเห็นได้ชัดและเตือนว่าปัญหาทางเศรษฐกิจของจีนยังคงมีอยู่ ทั้งนี้เมื่อเร็วๆนี้รัฐบาลจีนได้นำ
มาตรการมาใช้รวมทั้งการบังคับให้ธพ. ต้องดำรงเงินสดสำรองมากขึ้นแทนการให้กู้ยืมและจำกัดโครงการลง
ทุนใหม่ๆในภาคอสังหาริมทรัพย์ เหล็กกล้า และซีเมนท์ เพื่อที่จะลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจในภาคดังกล่าว
ลง เขาเห็นว่าหากรัฐบาลจีนยังคงดำเนินนโยบายเช่นนี้อย่างต่อเนื่องแล้วเศรษฐกิจของจีนจะเติบโตอย่าง
ยั่งยืนและมีเสถียรภาพ แต่ปัญหาที่เห็นเด่นชัดในเรื่องการดำเนินการทางเศรษฐกิจยังไม่ได้รับการแก้ไข โดย
จีนควรที่จะตระหนักถึงความยากลำบากและความซับซ้อนของการควบคุมเศรษฐกิจในระดับมหภาคอย่างแท้จริง
และไม่ควรจะเล็งผลเลิศจนเกินไป ทั้งนี้ตัวเลขสถิติของจีนส่งสัญญาณว่าผลการดำเนินนโยบายควบคุมเศรษฐกิจ
ในระดับมหภาคของจีนส่งผลแล้วและจะช่วยให้จีนซึ่งมีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 7 ในโลกจะมีการขยาย
ตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่ร้อนแรงจนเกินไป โดยปริมาณเงินตามความหมายกว้างของจีนในเดือน มิ.ย.ขยายตัว
ชะลอลงอยู่ในระดับร้อยละ 16.2 จากช่วงเดียวกันปีก่อนและชะลอลงจากร้อยละ 17.5 ในเดือนพ.ค. ซึ่ง
เป็นการส่งสัญญาณที่แสดงว่ามาตรการที่เข้มงวดของรัฐบาลได้ผล นอกจากนั้นการลงทุนโดยตรงจากต่าง
ประเทศในเดือนเดียวกันยังทำสถิติสูงสุดถึง 8 พันล.ดอลลาร์ สรอ.แสดงว่านโยบายที่จะจำกัดการขยายตัว
ของการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์และเหล็กกล้าและซีเมนท์มิได้ทำให้การลงทุนลดลง มาตรการควบคุมการ
ขยายตัวของปริมาณเงินช่วยให้เงินเฟ้อที่เกรงว่าจะเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วเนื่องจากเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างร้อน
แรงสงบลง นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าแนวโน้มของปริมาณเงินตามความหมายกว้างของจีนจะผ่อนคลายลง
และอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 15 ก.ค. 47
14 ก.ค. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$)
40.766 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$)
40.5684/40.8536 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ)
1.09375-1.2800 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท)
652.79/17.41 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,650/7,750
7,650/7,750 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 35.47
34.08 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท)
18.79*/14.59 18.79*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 18 มิ.ย.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-