‘เลขาฯปชป.’ ชี้นโยบาย S M L ของไทยรักไทย เป็นเพียงการประชาสัมพันธ์เกินจริง ทั้งที่เมื่อคำนวณแล้วจะเป็นเงินไม่มาก แต่ที่ฮือฮา เพราะรัฐบาลมีสื่อในมือ พร้อมระบุนโยบายปชป.ไม่เน้นแจก และยืนยันจะใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เมื่อเวลา 08.15 น. นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการเก็บตกจากเนชั่น ทางคลื่นวิทยุ 90.5 เมกะเฮิร์ต ถึงการประกาศนโยบาย S M L ของพรรคไทยรักไทยว่า ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ได้ประกาศนโยบาย 4 ภารกิจหลักไปแล้ว ทั้งเรื่องการศึกษา การกระจายรายได้ เงินสวัสดิการคนชรา และการสร้างให้นักศึกษาจบใหม่ ซึ่งจะมีการรณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้คนทั่วประเทศได้รับทราบ ส่วนนโยบายอื่นก็จะมีประกาศออกมาเรื่อยๆ
‘การออกมาประชาสัมพันธ์ แน่นอนเราต้องเสียเปรียบพรรคไทยรักไทย เพราะเขาเป็นรัฐบาล สื่อโทรทัศน์วิทยุทั้งหมด ก็ประโคมข่าวเรื่องนโยบาย ซึ่งออกมาแล้วอาจจะทำให้พี่น้องประชาชนได้ทราบรวดเร็วกว่าเรา ของเรา ถ้าจะทำอะไร เราก็จะต้องใช้สื่อประชาสัมพันธ์ที่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพราะฉะนั้นถ้าเรารีบประชาสัมพันธ์ ค่าใช้จ่ายเราก็ต้องเสียมาก ดังนั้นขณะนี้เรามีแผนการประชาสัมพันธ์นโยบายเราอยู่แล้ว แต่จะเมื่อไหร่เท่านั้นเอง’ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ต่อข้อถามว่า เมื่อดูในเนื้อหานโยบายของประชาธิปัตย์แล้วจะพบว่ายังตามหลังพรรคไทยรักไทยอยู่หรือไม่ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องนี้แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน แต่ก็อยากจะบอกว่านโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เน้นแจก แต่เน้นเรื่องการศึกษาที่ถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการพัฒนาคุณภาพชีวิต และการกระจายรายได้ให้ทั่วถึง แต่นโยบายที่ไทยรักไทยประกาศมาล่าสุดนั้น เห็นได้ว่าเป็นเพียงการประชาสัมพันธ์เท่านั้น เพราะที่บอกว่าจะให้เงินหมู่บ้านละ 2-3 แสนบาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 2 หมื่นล้านนั้น หากนำมาหารจำนวนคน ทั้งหมด 7 หมื่นกว่าหมู่บ้าน หารจำนวนคนต่อหมู่บ้านแล้วจะพบว่าเป็นเงินไม่มากอย่างที่รัฐบาลประกาศ
‘ผมว่าเป็นประเด็นที่จะหยิบขึ้นมาหาเสียงเพื่อให้เห็นว่าเรื่องนี้รัฐบาลจะกระจายอำนาจให้กับประชาชน โดยการเอาเงินให้พี่น้องประชาชนไปใช้เอง แต่จริงๆแล้วการบริหารจัดการ ผมคิดว่ายังรวมศูนย์อำนาจ อำนาจยังอยู่ที่รัฐบาลกลาง แต่ทำเปรียบเสมือนว่ากระจายอำนาจออกไป โดยการเอาเงินไปให้หมู่บ้านละ 2-3 แสนบาท ซึ่งอันนี้ผมดูแล้วว่าไม่จริง อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่า เมื่อหารจำนวนคนแล้วมันจะไม่กี่สตางค์ มันไม่เท่าไหร่เลย แต่ทำให้พี่น้องประชาชนหลงไหลอีกแล้ว แต่ผมก็คิดว่าพี่น้องประชาชนก็เริ่มรู้แล้ว’ นายประดิษฐ์กล่าว
ต่อข้อถามว่านโยบายของพรรคไทยรักไทยจับต้องได้มากกว่านโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ นายประดิษฐ์กล่าวว่า เพราะพรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล เพราะฉะนั้นเรื่องความได้เปรียบก็ต้องมีมากกว่า สามารถจะนำอะไรมาทำก็ได้ ทั้งเรื่องการจัดสรรงบประมาณหรือเรื่องอื่น ส่วนพรรคประชาธิปัตย์เป็นเพียงฝ่ายค้านก็ทำได้เพียงแต่การนำเสนอ ว่าถ้าต้องการนโยบายแบบของประชาธิปัตย์ ครั้งหน้าก็เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นตนคิดว่าประชาชนต้องมองว่าสิ่งที่ประชาธิปัตย์นำเสนอนั้นมีอะไรบ้าง และนโยบายจะมีการนำเสนออกมาเรื่อยๆ ทั้งนี้นโยบายของประชาธิปัตย์จะไม่เน้นแจก แต่ขอยืนยันว่าเงินภาษีหรืองบประมาณทุกบาททุกสตางค์จะโปร่งใสและใช้ให้เกิดผลประโยชน์สูงสุด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-
เมื่อเวลา 08.15 น. นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการเก็บตกจากเนชั่น ทางคลื่นวิทยุ 90.5 เมกะเฮิร์ต ถึงการประกาศนโยบาย S M L ของพรรคไทยรักไทยว่า ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ได้ประกาศนโยบาย 4 ภารกิจหลักไปแล้ว ทั้งเรื่องการศึกษา การกระจายรายได้ เงินสวัสดิการคนชรา และการสร้างให้นักศึกษาจบใหม่ ซึ่งจะมีการรณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้คนทั่วประเทศได้รับทราบ ส่วนนโยบายอื่นก็จะมีประกาศออกมาเรื่อยๆ
‘การออกมาประชาสัมพันธ์ แน่นอนเราต้องเสียเปรียบพรรคไทยรักไทย เพราะเขาเป็นรัฐบาล สื่อโทรทัศน์วิทยุทั้งหมด ก็ประโคมข่าวเรื่องนโยบาย ซึ่งออกมาแล้วอาจจะทำให้พี่น้องประชาชนได้ทราบรวดเร็วกว่าเรา ของเรา ถ้าจะทำอะไร เราก็จะต้องใช้สื่อประชาสัมพันธ์ที่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพราะฉะนั้นถ้าเรารีบประชาสัมพันธ์ ค่าใช้จ่ายเราก็ต้องเสียมาก ดังนั้นขณะนี้เรามีแผนการประชาสัมพันธ์นโยบายเราอยู่แล้ว แต่จะเมื่อไหร่เท่านั้นเอง’ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ต่อข้อถามว่า เมื่อดูในเนื้อหานโยบายของประชาธิปัตย์แล้วจะพบว่ายังตามหลังพรรคไทยรักไทยอยู่หรือไม่ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องนี้แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน แต่ก็อยากจะบอกว่านโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เน้นแจก แต่เน้นเรื่องการศึกษาที่ถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการพัฒนาคุณภาพชีวิต และการกระจายรายได้ให้ทั่วถึง แต่นโยบายที่ไทยรักไทยประกาศมาล่าสุดนั้น เห็นได้ว่าเป็นเพียงการประชาสัมพันธ์เท่านั้น เพราะที่บอกว่าจะให้เงินหมู่บ้านละ 2-3 แสนบาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 2 หมื่นล้านนั้น หากนำมาหารจำนวนคน ทั้งหมด 7 หมื่นกว่าหมู่บ้าน หารจำนวนคนต่อหมู่บ้านแล้วจะพบว่าเป็นเงินไม่มากอย่างที่รัฐบาลประกาศ
‘ผมว่าเป็นประเด็นที่จะหยิบขึ้นมาหาเสียงเพื่อให้เห็นว่าเรื่องนี้รัฐบาลจะกระจายอำนาจให้กับประชาชน โดยการเอาเงินให้พี่น้องประชาชนไปใช้เอง แต่จริงๆแล้วการบริหารจัดการ ผมคิดว่ายังรวมศูนย์อำนาจ อำนาจยังอยู่ที่รัฐบาลกลาง แต่ทำเปรียบเสมือนว่ากระจายอำนาจออกไป โดยการเอาเงินไปให้หมู่บ้านละ 2-3 แสนบาท ซึ่งอันนี้ผมดูแล้วว่าไม่จริง อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่า เมื่อหารจำนวนคนแล้วมันจะไม่กี่สตางค์ มันไม่เท่าไหร่เลย แต่ทำให้พี่น้องประชาชนหลงไหลอีกแล้ว แต่ผมก็คิดว่าพี่น้องประชาชนก็เริ่มรู้แล้ว’ นายประดิษฐ์กล่าว
ต่อข้อถามว่านโยบายของพรรคไทยรักไทยจับต้องได้มากกว่านโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ นายประดิษฐ์กล่าวว่า เพราะพรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล เพราะฉะนั้นเรื่องความได้เปรียบก็ต้องมีมากกว่า สามารถจะนำอะไรมาทำก็ได้ ทั้งเรื่องการจัดสรรงบประมาณหรือเรื่องอื่น ส่วนพรรคประชาธิปัตย์เป็นเพียงฝ่ายค้านก็ทำได้เพียงแต่การนำเสนอ ว่าถ้าต้องการนโยบายแบบของประชาธิปัตย์ ครั้งหน้าก็เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นตนคิดว่าประชาชนต้องมองว่าสิ่งที่ประชาธิปัตย์นำเสนอนั้นมีอะไรบ้าง และนโยบายจะมีการนำเสนออกมาเรื่อยๆ ทั้งนี้นโยบายของประชาธิปัตย์จะไม่เน้นแจก แต่ขอยืนยันว่าเงินภาษีหรืองบประมาณทุกบาททุกสตางค์จะโปร่งใสและใช้ให้เกิดผลประโยชน์สูงสุด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-