ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. นรม. ยืนยันข่าวปลด ผู้ว่าการ ธปท. เป็นเพียงข่าวลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นรม. เปิด
เผยว่า ข่าวการเปลี่ยนตัวผู้ว่าการ ธปท. เป็นเพียงข่าวลือ โดยเมื่อ 2 วันก่อน ผู้ว่าการ ธปท. ยังมาหารือเรื่อง
งานต่าง ๆ สำหรับกระแสต่าง ๆ เป็นการปล่อยข่าวเพราะความขัดแย้งที่ ธ.กรุงไทย ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล เป็น
ความขัดแย้งในการทำงานระหว่าง นายวิโรจน์ นวลแข อดีต กก.ผจก.ใหญ่ ธ.กรุงไทย ที่ฟ้องผู้ว่าการ ธปท. ทำ
ให้ต้องต่อสู้คดี ซึ่งข่าวที่ออกมาไม่กระทบต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจ ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว. คลัง กล่าว
ว่า การปลดผู้ว่าการ ธปท. หลังเลือกตั้งเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น (โลกวันนี้, โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
2. ธปท. ปรับวิธีคำนวณดัชนีค่าเงินบาทใหม่ ธปท. ได้ออกบทวิเคราะห์ “การปรับเปลี่ยนวิธีการ
คำนวณดัชนีค่าเงินบาทที่แท้จริง” ในรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อเดือน ม.ค.48 โดยระบุว่า นอกจากคณะกรรมการ
นโยบายการเงินจะติดตามความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทกับเงินสกุลต่าง ๆ แล้ว ยังต้องติดตาม
ดัชนีค่าเงินบาทที่คำนวณจากการเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของอัตราแลกเปลี่ยนกับสกุลเงินของประเทศคู่ค้า เพื่อวิเคราะห์
ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยอีกด้วย ล่าสุด ธปท. ได้ศึกษาทบทวนวิธีการคำนวณดัชนีค่าเงินบาท
(NEER) และดัชนีค่าเงินบาทที่แท้จริง (REER) เพื่อปรับปรุงให้ดัชนีดังกล่าวสามารถสะท้อนความสามารถในการ
แข่งขันของไทยได้ถูกต้องชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนวิธีการคำนวณเป็นการลดน้ำหนักสัดส่วนมูลค่าการค้า
ใน 2 ตลาด คือ ตลาดในประเทศ และตลาดคู่ค้าต่างประเทศหลัก ๆ เช่น สรอ. ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรปลงมา
แล้วให้ความสำคัญของประเทศคู่ค้าในฐานะที่เป็นคู่แข่งของไทยในตลาดที่สามด้วย เช่น จีนกับกลุ่มประเทศในอา
เซียน ซึ่งประเทศเหล่านี้เป็นคู่แข่งสำคัญของไทย ทำให้การเคลื่อนไหวของสกุลเงินของประเทศเหล่านี้มีบทบาทมาก
ขึ้นต่อความสามารถในการแข่งขันของไทย ซึ่งจากการพิจารณาการเปลี่ยนแปลงของดัชนี ณ สิ้นปี 47 เทียบกับปี 46
จะเห็นได้ว่าดัชนีค่าเงินบาทและดัชนีค่าเงินบาทที่แท้จริงยังคงอ่อนค่าลง สะท้อนความสามารถในการแข่งขันของ
ไทยที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี (โพสต์ทูเดย์, โลกวันนี้)
3. สภาพคล่องของระบบ ธ.พาณิชย์ในไตรมาส 4 เพิ่มขึ้น รายงานข่าวจาก ธปท. เปิดเผยว่า
ในช่วงไตรมาส 4 ปี 47 สภาพคล่องส่วนเกินของระบบ ธ.พาณิชย์ค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ลดลงในไตร
มาส 3 เนื่องจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินยังต้องการกู้ยืมในตลาดซื้อคืนพันธบัตรเพื่อนำไป
ชำระตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ทยอยครบกำหนด ทำให้ ธ.พาณิชย์ที่ได้รับเงินไถ่ถอนตั๋วสัญญาดัง
กล่าวแล้วนำเม็ดเงินดังกล่าวมาลงทุนในตลาดอาร์/พี โดยเดือน พ.ย.47 สภาพคล่องส่วนเกินอยู่ที่ระดับ
451,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40,600 ล้านบาท จากเดือน ก.ย.47 ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นในการลงทุนในตลาด
อาร์/พี โดยสภาพคล่องส่วนเกินจะกระจุกตัวอยู่กับ ธ.พาณิชย์เอกชนขนาดใหญ่ถึง 332,400 ล้านบาท หรือร้อยละ 70
ของสภาพคล่องส่วนเกินทั้งระบบ อย่างไรก็ตาม คาดว่าสภาพคล่องส่วนเกินดังกล่าวจะค่อย ๆ ปรับลดลงตามการ
ขยายตัวของสินเชื่อเพื่อการลงทุนขยายธุรกิจใหม่ ซึ่งจะนำไปสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ธ.พาณิชย์ในที่สุด (มติชน)
4. ภาคอุตสาหกรรมในปี 48 ยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากปี 47 นางชุตาภรณ์ ลัมพสาระ ผอ.สนง.
เศรษฐกิจอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวภาคอุตสาหกรรมในปี 48 ยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากปี 47
โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เหล็กและเหล็กกล้า ปูนซีเมนต์ ไม้และเครื่องเรือน ยาน
ยนต์ ยาง และปิโตรเคมี ทั้งนี้ ในส่วนของอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าคาดว่าจะขยายตัวขึ้นเมื่อเทียบกับปี 47
โดยส่วนหนึ่งมีปัจจัยมาจากนโยบายการช่วยเหลือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ เช่น โครงการลงทุนขนาด
ใหญ่ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือน จากการประเมินแนว
โน้มโดยภาพรวมคาดว่า ช่วงครึ่งแรกของปีนี้จะมีการขยายตัวจากกำลังซื้อในประเทศ เนื่องจากมีการฟื้นฟูบ้าน
เรือน อาคาร โรงแรมที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางภาคใต้ สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์จะมีการขยายตัวทั้ง
ด้านการผลิต การจำหน่าย และการส่งออก โดยเฉพาะการผลิตรถปิคอัพ ที่มีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลายรายกำลังจะ
ย้ายฐานการผลิตจากญี่ปุ่นมาไทย ประกอบกับผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์มีการวางแผนเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่
ตลาด คาดว่าในปี 48 จะมีการผลิตรถยนต์ 1.10 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปี 47 ร้อยละ 19.57 แบ่งเป็นจำหน่ายใน
ประเทศ 7 แสนคัน และส่งออก 4 แสนคัน (ข่าวสด, โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ธ. กลาง สรอ.ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเป็นครั้งที่ 6 รายงานจากวอชิงตันเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 48
ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของ ธ.กลางสรอ. เมื่อวานนี้ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับเพิ่มอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายเป็นร้อยละ 2.5 เป็นการปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 6 ส่งผลให้ต้นทุนเงินกู้ยืมอยู่ใน
ระดับสูงเพียงพอที่จะสกัดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ทั้งนี้ก่อนหน้าการประชุม 2 วันเจ้าหน้าที่ธ.กลางยังคงประเมินว่า
เศรษฐกิจยังมีความเสี่ยงซึ่งต้องให้มีความสมดุลระหว่างการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและราคาที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม
จากการสำรวจของ primary dealers 19 รายที่ wall Street มีความเห็นตรงกันว่าธ.กลางสรอ.จะปรับ
เพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 ในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 22 มี.ค. (รอยเตอร์)
2. ดัชนีราคาผู้ผลิตของเขตเศรษฐกิจยุโรปปรับตัวลดลงในเดือน ธ.ค.47 รายงานจากบรัสเซลส์
เมื่อ 2 ก.พ.48 The European Union’s statistics office เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของ
12 ประเทศเขตเศรษฐกิจยุโรปที่ใช้เงินสกุลยูโร ปรับตัวลดลงร้อยละ 0.2 เทียบต่อเดือน เป็นการลดลงต่ำกว่า
การคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะลดลงร้อยละ 0.1 ขณะที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 เมื่อเทียบต่อปี ทั้งนี้
การที่ PPI ลดลงมีสาเหตุจากดัชนีราคาน้ำมันซึ่งเป็นส่วนประกอบหลัก ลดลงร้อยละ 1.5 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 1.3
ในเดือนก่อนหน้า โดยที่ในเดือน ต.ค.เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 เนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน ขณะที่
ส่วนประกอบหลักอื่นๆ เช่น ดัชนีราคาสินค้าไม่คงทนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ดัชนีราคาสินค้าทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 และ
ดัชนีราคาสินค้าคงทนไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน สำหรับดัชนีราคาผู้ผลิตของ 25 ประเทศสหภาพยุโรป ปรับตัวลด
ลงร้อยละ 0.3 เทียบต่อเดือน ขณะที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบต่อปี สาเหตุจากการที่อัตราเงินเฟ้อในกลุ่ม
ประเทศสมาชิกใหม่และอังกฤษขยายตัวอยู่ในระดับสูง (รอยเตอร์)
3. อัตราการขยายตัวของภาคการก่อสร้างในอังกฤษสำหรับเดือน ม.ค.48 ชะลอตัวลง รายงาน
จากลอนดอน เมื่อ 2 ก.พ.48 The Chartered Institute of Purchasing and Supply หรือ CIPS
รายงานดัชนีชี้วัดธุรกรรมของธุรกิจก่อสร้างจากผลสำรวจความเห็นของผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของบริษัทก่อสร้างที่เป็น
สมาชิกลดลงมาอยู่ที่ระดับ 55.5 ในเดือน ม.ค.48 จากระดับ 57.2 ในเดือน ธ.ค.47 นับเป็นเดือนที่ 72 ติดต่อ
กันที่ดัชนีอยู่เหนือระดับ 50 อันแสดงถึงการขยายตัวของธุรกิจก่อสร้าง สาเหตุจากการชะลอตัวของธุรกิจอสังหาริม
ทรัพย์ทั้งบ้านที่อยู่อาศัยและเพื่อการพาณิชย์ โดยดัชนีชี้วัดธุรกรรมของธุรกิจบ้านที่อยู่อาศัยลดลงมาอยู่ที่ระดับ 54.9
ในเดือน ม.ค.48 จากระดับ 56.7 ในเดือน ธ.ค.47 แสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวลงของธุรกิจบ้านที่อยู่อาศัยหลัง
จากราคาบ้านสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยคำสั่งซื้อบ้านใหม่ขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 2 ปี
ครึ่ง อย่างไรก็ดีเกือบ 1 ใน 5 ของบริษัทที่ถูกสำรวจรายงานว่าได้จ้างพนักงานใหม่เพื่อรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 4.75 ไปอีกหลายเดือนหลังจากขึ้น
อัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 5 ครั้งนับตั้งแต่เดือน พ.ย.46 และคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 4.75 ตั้งแต่เดือน ส.ค.47
เป็นต้นมา (รอยเตอร์)
4. ยอดการขายปลีกของเยอรมนีในเดือน ธ.ค.47 ลดลงอย่างไม่คาดคิดที่ร้อยละ 0.3 ต่อเดือน
รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 2 ก.พ.48 สำนักงานสถิติเยอรมนี เปิดเผยว่า ยอดการขายปลีกของเยอรมนีในเดือน
ธ.ค.47 ลดลงอย่างไม่คาดคิดที่ร้อยละ 0.3 เทียบต่อเดือน (ตัวเลขที่แท้จริง) และหากเทียบต่อปีลดลงถึงร้อยละ 2.7
เนื่องจากยอดขายในหมวดต่าง ๆ นอกเหนือจากหมวดเครื่องแต่งกายและเครื่องสำอางค์ลดลง โดยก่อนหน้านี้
นักวิเคราะห์ประมาณการไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 และ 0.8 เมื่อเทียบต่อเดือนและต่อปีตามลำดับ ตัวเลขดัง
กล่าวตรงข้ามกับที่ HDE retail association ในเยอรมนีรายงานว่า ยอดขายในช่วงเทศกาลคริสมาสต์ปีที่ผ่าน
มาดีกว่าในช่วงคริสมาสต์ปี 46 ประมาณ 1.0 พัน ล.ยูโร (1.30 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) ซึ่งเป็นสัญญาณเริ่มฟื้น
ตัวในปี 48 โดยตัวเลขที่ HDE จัดทำขึ้นนั้นครอบคลุมช่วงเวลายาวนานกว่า ทั้งนี้ รัฐบาลเยอรมนีพยายามใช้
ประโยชน์จากการที่หากอุปสงค์ในประเทศเพิ่มขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากรัฐบาลต้องการทำให้ประชาชนมีความ
มั่นใจว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนกำลังดำเนินอยู่ แต่ค่าเงินยูโรที่แข็งแกร่งและระดับราคาน้ำมันที่อยู่ใน
ระดับสูงในขณะนี้มีผลคุกคามต่อภาวะการส่งออก ที่ขับเคลื่อนภาวะเศรษฐกิจของเยอรมนีในปัจจุบัน รวมทั้งอัตราการ
ว่างงานที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ไม่น่าจะทำให้ผู้บริโภคเริ่มจับจ่ายใช้สอยอีก (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 3 ก.พ. 48 2 ก.พ. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.532 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.3827/38.6680 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875-2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 710.33/23.43 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,750/7,850 7,750/7,850 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 37.28 37.78 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.69*/14.59 19.69*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 26 ม.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. นรม. ยืนยันข่าวปลด ผู้ว่าการ ธปท. เป็นเพียงข่าวลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นรม. เปิด
เผยว่า ข่าวการเปลี่ยนตัวผู้ว่าการ ธปท. เป็นเพียงข่าวลือ โดยเมื่อ 2 วันก่อน ผู้ว่าการ ธปท. ยังมาหารือเรื่อง
งานต่าง ๆ สำหรับกระแสต่าง ๆ เป็นการปล่อยข่าวเพราะความขัดแย้งที่ ธ.กรุงไทย ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล เป็น
ความขัดแย้งในการทำงานระหว่าง นายวิโรจน์ นวลแข อดีต กก.ผจก.ใหญ่ ธ.กรุงไทย ที่ฟ้องผู้ว่าการ ธปท. ทำ
ให้ต้องต่อสู้คดี ซึ่งข่าวที่ออกมาไม่กระทบต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจ ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว. คลัง กล่าว
ว่า การปลดผู้ว่าการ ธปท. หลังเลือกตั้งเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น (โลกวันนี้, โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
2. ธปท. ปรับวิธีคำนวณดัชนีค่าเงินบาทใหม่ ธปท. ได้ออกบทวิเคราะห์ “การปรับเปลี่ยนวิธีการ
คำนวณดัชนีค่าเงินบาทที่แท้จริง” ในรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อเดือน ม.ค.48 โดยระบุว่า นอกจากคณะกรรมการ
นโยบายการเงินจะติดตามความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทกับเงินสกุลต่าง ๆ แล้ว ยังต้องติดตาม
ดัชนีค่าเงินบาทที่คำนวณจากการเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของอัตราแลกเปลี่ยนกับสกุลเงินของประเทศคู่ค้า เพื่อวิเคราะห์
ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยอีกด้วย ล่าสุด ธปท. ได้ศึกษาทบทวนวิธีการคำนวณดัชนีค่าเงินบาท
(NEER) และดัชนีค่าเงินบาทที่แท้จริง (REER) เพื่อปรับปรุงให้ดัชนีดังกล่าวสามารถสะท้อนความสามารถในการ
แข่งขันของไทยได้ถูกต้องชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนวิธีการคำนวณเป็นการลดน้ำหนักสัดส่วนมูลค่าการค้า
ใน 2 ตลาด คือ ตลาดในประเทศ และตลาดคู่ค้าต่างประเทศหลัก ๆ เช่น สรอ. ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรปลงมา
แล้วให้ความสำคัญของประเทศคู่ค้าในฐานะที่เป็นคู่แข่งของไทยในตลาดที่สามด้วย เช่น จีนกับกลุ่มประเทศในอา
เซียน ซึ่งประเทศเหล่านี้เป็นคู่แข่งสำคัญของไทย ทำให้การเคลื่อนไหวของสกุลเงินของประเทศเหล่านี้มีบทบาทมาก
ขึ้นต่อความสามารถในการแข่งขันของไทย ซึ่งจากการพิจารณาการเปลี่ยนแปลงของดัชนี ณ สิ้นปี 47 เทียบกับปี 46
จะเห็นได้ว่าดัชนีค่าเงินบาทและดัชนีค่าเงินบาทที่แท้จริงยังคงอ่อนค่าลง สะท้อนความสามารถในการแข่งขันของ
ไทยที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี (โพสต์ทูเดย์, โลกวันนี้)
3. สภาพคล่องของระบบ ธ.พาณิชย์ในไตรมาส 4 เพิ่มขึ้น รายงานข่าวจาก ธปท. เปิดเผยว่า
ในช่วงไตรมาส 4 ปี 47 สภาพคล่องส่วนเกินของระบบ ธ.พาณิชย์ค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ลดลงในไตร
มาส 3 เนื่องจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินยังต้องการกู้ยืมในตลาดซื้อคืนพันธบัตรเพื่อนำไป
ชำระตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ทยอยครบกำหนด ทำให้ ธ.พาณิชย์ที่ได้รับเงินไถ่ถอนตั๋วสัญญาดัง
กล่าวแล้วนำเม็ดเงินดังกล่าวมาลงทุนในตลาดอาร์/พี โดยเดือน พ.ย.47 สภาพคล่องส่วนเกินอยู่ที่ระดับ
451,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40,600 ล้านบาท จากเดือน ก.ย.47 ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นในการลงทุนในตลาด
อาร์/พี โดยสภาพคล่องส่วนเกินจะกระจุกตัวอยู่กับ ธ.พาณิชย์เอกชนขนาดใหญ่ถึง 332,400 ล้านบาท หรือร้อยละ 70
ของสภาพคล่องส่วนเกินทั้งระบบ อย่างไรก็ตาม คาดว่าสภาพคล่องส่วนเกินดังกล่าวจะค่อย ๆ ปรับลดลงตามการ
ขยายตัวของสินเชื่อเพื่อการลงทุนขยายธุรกิจใหม่ ซึ่งจะนำไปสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ธ.พาณิชย์ในที่สุด (มติชน)
4. ภาคอุตสาหกรรมในปี 48 ยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากปี 47 นางชุตาภรณ์ ลัมพสาระ ผอ.สนง.
เศรษฐกิจอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวภาคอุตสาหกรรมในปี 48 ยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากปี 47
โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เหล็กและเหล็กกล้า ปูนซีเมนต์ ไม้และเครื่องเรือน ยาน
ยนต์ ยาง และปิโตรเคมี ทั้งนี้ ในส่วนของอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าคาดว่าจะขยายตัวขึ้นเมื่อเทียบกับปี 47
โดยส่วนหนึ่งมีปัจจัยมาจากนโยบายการช่วยเหลือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ เช่น โครงการลงทุนขนาด
ใหญ่ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือน จากการประเมินแนว
โน้มโดยภาพรวมคาดว่า ช่วงครึ่งแรกของปีนี้จะมีการขยายตัวจากกำลังซื้อในประเทศ เนื่องจากมีการฟื้นฟูบ้าน
เรือน อาคาร โรงแรมที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางภาคใต้ สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์จะมีการขยายตัวทั้ง
ด้านการผลิต การจำหน่าย และการส่งออก โดยเฉพาะการผลิตรถปิคอัพ ที่มีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลายรายกำลังจะ
ย้ายฐานการผลิตจากญี่ปุ่นมาไทย ประกอบกับผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์มีการวางแผนเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่
ตลาด คาดว่าในปี 48 จะมีการผลิตรถยนต์ 1.10 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปี 47 ร้อยละ 19.57 แบ่งเป็นจำหน่ายใน
ประเทศ 7 แสนคัน และส่งออก 4 แสนคัน (ข่าวสด, โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ธ. กลาง สรอ.ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเป็นครั้งที่ 6 รายงานจากวอชิงตันเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 48
ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของ ธ.กลางสรอ. เมื่อวานนี้ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับเพิ่มอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายเป็นร้อยละ 2.5 เป็นการปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 6 ส่งผลให้ต้นทุนเงินกู้ยืมอยู่ใน
ระดับสูงเพียงพอที่จะสกัดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ทั้งนี้ก่อนหน้าการประชุม 2 วันเจ้าหน้าที่ธ.กลางยังคงประเมินว่า
เศรษฐกิจยังมีความเสี่ยงซึ่งต้องให้มีความสมดุลระหว่างการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและราคาที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม
จากการสำรวจของ primary dealers 19 รายที่ wall Street มีความเห็นตรงกันว่าธ.กลางสรอ.จะปรับ
เพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 ในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 22 มี.ค. (รอยเตอร์)
2. ดัชนีราคาผู้ผลิตของเขตเศรษฐกิจยุโรปปรับตัวลดลงในเดือน ธ.ค.47 รายงานจากบรัสเซลส์
เมื่อ 2 ก.พ.48 The European Union’s statistics office เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของ
12 ประเทศเขตเศรษฐกิจยุโรปที่ใช้เงินสกุลยูโร ปรับตัวลดลงร้อยละ 0.2 เทียบต่อเดือน เป็นการลดลงต่ำกว่า
การคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะลดลงร้อยละ 0.1 ขณะที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 เมื่อเทียบต่อปี ทั้งนี้
การที่ PPI ลดลงมีสาเหตุจากดัชนีราคาน้ำมันซึ่งเป็นส่วนประกอบหลัก ลดลงร้อยละ 1.5 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 1.3
ในเดือนก่อนหน้า โดยที่ในเดือน ต.ค.เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 เนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน ขณะที่
ส่วนประกอบหลักอื่นๆ เช่น ดัชนีราคาสินค้าไม่คงทนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ดัชนีราคาสินค้าทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 และ
ดัชนีราคาสินค้าคงทนไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน สำหรับดัชนีราคาผู้ผลิตของ 25 ประเทศสหภาพยุโรป ปรับตัวลด
ลงร้อยละ 0.3 เทียบต่อเดือน ขณะที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบต่อปี สาเหตุจากการที่อัตราเงินเฟ้อในกลุ่ม
ประเทศสมาชิกใหม่และอังกฤษขยายตัวอยู่ในระดับสูง (รอยเตอร์)
3. อัตราการขยายตัวของภาคการก่อสร้างในอังกฤษสำหรับเดือน ม.ค.48 ชะลอตัวลง รายงาน
จากลอนดอน เมื่อ 2 ก.พ.48 The Chartered Institute of Purchasing and Supply หรือ CIPS
รายงานดัชนีชี้วัดธุรกรรมของธุรกิจก่อสร้างจากผลสำรวจความเห็นของผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของบริษัทก่อสร้างที่เป็น
สมาชิกลดลงมาอยู่ที่ระดับ 55.5 ในเดือน ม.ค.48 จากระดับ 57.2 ในเดือน ธ.ค.47 นับเป็นเดือนที่ 72 ติดต่อ
กันที่ดัชนีอยู่เหนือระดับ 50 อันแสดงถึงการขยายตัวของธุรกิจก่อสร้าง สาเหตุจากการชะลอตัวของธุรกิจอสังหาริม
ทรัพย์ทั้งบ้านที่อยู่อาศัยและเพื่อการพาณิชย์ โดยดัชนีชี้วัดธุรกรรมของธุรกิจบ้านที่อยู่อาศัยลดลงมาอยู่ที่ระดับ 54.9
ในเดือน ม.ค.48 จากระดับ 56.7 ในเดือน ธ.ค.47 แสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวลงของธุรกิจบ้านที่อยู่อาศัยหลัง
จากราคาบ้านสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยคำสั่งซื้อบ้านใหม่ขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 2 ปี
ครึ่ง อย่างไรก็ดีเกือบ 1 ใน 5 ของบริษัทที่ถูกสำรวจรายงานว่าได้จ้างพนักงานใหม่เพื่อรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 4.75 ไปอีกหลายเดือนหลังจากขึ้น
อัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 5 ครั้งนับตั้งแต่เดือน พ.ย.46 และคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 4.75 ตั้งแต่เดือน ส.ค.47
เป็นต้นมา (รอยเตอร์)
4. ยอดการขายปลีกของเยอรมนีในเดือน ธ.ค.47 ลดลงอย่างไม่คาดคิดที่ร้อยละ 0.3 ต่อเดือน
รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 2 ก.พ.48 สำนักงานสถิติเยอรมนี เปิดเผยว่า ยอดการขายปลีกของเยอรมนีในเดือน
ธ.ค.47 ลดลงอย่างไม่คาดคิดที่ร้อยละ 0.3 เทียบต่อเดือน (ตัวเลขที่แท้จริง) และหากเทียบต่อปีลดลงถึงร้อยละ 2.7
เนื่องจากยอดขายในหมวดต่าง ๆ นอกเหนือจากหมวดเครื่องแต่งกายและเครื่องสำอางค์ลดลง โดยก่อนหน้านี้
นักวิเคราะห์ประมาณการไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 และ 0.8 เมื่อเทียบต่อเดือนและต่อปีตามลำดับ ตัวเลขดัง
กล่าวตรงข้ามกับที่ HDE retail association ในเยอรมนีรายงานว่า ยอดขายในช่วงเทศกาลคริสมาสต์ปีที่ผ่าน
มาดีกว่าในช่วงคริสมาสต์ปี 46 ประมาณ 1.0 พัน ล.ยูโร (1.30 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) ซึ่งเป็นสัญญาณเริ่มฟื้น
ตัวในปี 48 โดยตัวเลขที่ HDE จัดทำขึ้นนั้นครอบคลุมช่วงเวลายาวนานกว่า ทั้งนี้ รัฐบาลเยอรมนีพยายามใช้
ประโยชน์จากการที่หากอุปสงค์ในประเทศเพิ่มขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากรัฐบาลต้องการทำให้ประชาชนมีความ
มั่นใจว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนกำลังดำเนินอยู่ แต่ค่าเงินยูโรที่แข็งแกร่งและระดับราคาน้ำมันที่อยู่ใน
ระดับสูงในขณะนี้มีผลคุกคามต่อภาวะการส่งออก ที่ขับเคลื่อนภาวะเศรษฐกิจของเยอรมนีในปัจจุบัน รวมทั้งอัตราการ
ว่างงานที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ไม่น่าจะทำให้ผู้บริโภคเริ่มจับจ่ายใช้สอยอีก (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 3 ก.พ. 48 2 ก.พ. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.532 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.3827/38.6680 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875-2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 710.33/23.43 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,750/7,850 7,750/7,850 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 37.28 37.78 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.69*/14.59 19.69*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 26 ม.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--