นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี ท้าว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์วิจารณ์นโยบายรัฐบาลนั้น หากแน่จริงก็ให้ประกาศออกมาให้ชัดเจนไปเลย ว่าตนไม่เชื่อว่าเป็นคำพูดของคนที่มีวุฒิภาวะเป็นนายกฯ และไม่เชื่อว่าคนที่เป็นนายกฯจะออกอาการได้ขนาดนี้ ซึ่งอยากให้นายกฯ เข้าใจว่าการออกมาแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง ไม่เห็นด้วยกับนายกฯ เพราะ 1.เป็นหน้าที่ 2. เป็นเจ้าของภาษีอากร 3. กลัวว่าประเทศจะเสียหาย
นายบัญญัติกล่าวว่า เรื่องการกระจายงบประมาณอันเป็นภาษีอากรของประชาชน ไปสู่ประชาชนถือเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งในการพิจารณางบประมาณฝ่ายค้านก็ได้เรียกร้องไป แต่สิ่งที่อยากเห็นที่สุดคือความเป็นธรรม และเกิดประโยชน์สูงสุด การทักท้วงนายกฯในวันนี้เพียงเพื่อจะบอกว่าช่องทางที่ถูกต้องนั้นมีอยู่แล้ว รัฐธรรมนูญที่ใช้ในเวลานี้ ให้ความสำคัญกับการปกครองท้องถิ่น ซึ่งพรรคเห็นว่าตรงนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลควรใช้ และการปกครองท้องถิ่นมีหลายระดับ ทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งถือว่าใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด หากจะมีการกระจายงบประมาณจริงๆ ต้องมีการกระจายลงไปยังหน่วยงานปกครองท้องถิ่นเช่นว่านี้ เพราะเป็นการกระจายตามโครงสร้างที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ และการตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสม มีกฎ ระเบียบที่ดีอยู่แล้ว
‘นายกฯท้าว่า หากไม่อยากได้นโยบายเหนือเมฆของรัฐบาลก็ให้บอกมา จะเอาเป็นเดิมพันในการเลือกตั้ง ตนก็อยากจะท้านายกฯว่า ตกลงว่านายกฯ จะไม่ปฏิบัติตามกฎหมายแผนและขั้นตอนในการกระจายอำนาจใช่หรือไม่ นายกฯกล้าพูดหรือไม่ ว่า หากกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง 35 % ที่กำหนดไว้ในแผนและขั้นตอนของการกระจายอำนาจ ซึ่งเป็นกฎหมายที่พรรคประชาธิปัตย์ จัดทำขึ้นมา ท่านนายกฯกล้าพูดไหมว่า ท่านนายกฯ ไม่มีวันที่จะใช้จ่ายงบประมาณสนับสนุนหน่วยการปกครองท้องถิ่น 35% ตามกฎหมายที่พรรคประชาธิปัตย์ ทำไว้ ถ้าท่านนายกฯ กล้าพูดเช่นนี้ ผมก็พร้อมที่จะรับคำท้ากับท่านนายกฯ’ นายบัญญัติกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการรับคำท้าครั้งนี้จะทำให้คะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์หายไปหรือไม่ เพราะประชาชนอาจต้องการนโยบายนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า นโยบายดังกล่าวไม่ดี ที่พูดเช่นนี้ไม่ได้ต้องการจะท้าทายกัน แต่การเมืองไม่ควรเล่นกันอย่างนี้ นายกฯต้องพร้อมที่จะรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ที่คนอื่นว่าไม่ดี และต้องชี้แจงมาว่า ที่ตนเชื่อว่าดีนั้นดีอย่างไร มากกว่าจะมาท้าทายกัน เหมือนคนที่ดื่มเหล้าไปแล้วหลายแก้ว ซึ่งตนคิดว่าไม่ใช่ลักษณะของการเมือง
ต่อข้อถามที่ว่านโยบายดังกล่าวจะทำให้ประชาชนตัดสินใจได้ง่ายขึ้นหรือไม่ เนื่องจาก 2 พรรคการเมืองใหญ่มีนโยบายต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจน นายบัญญัติกล่าวว่า การช่วยให้ประชาชนตัดสินใจควรจะเป็นคำอธิบายไม่ใช่มาท้าทายในลักษณะท้าตีท้าต่อย ส่วนข้อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว นายบัญญัติ ตอบว่า พรรคเห็นด้วยในส่วนของการกระจายเงิน แต่วิธีการยังไม่ถูกต้องเนื่องจากวิธีการมีอยู่แล้ว รัฐธรรมนูญให้ความสำคัญ กับการปกครองท้องถิ่นอีกทั้งยังมีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คือกฎหมายว่าด้วยแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ ดังนั้นจึงสงสัยว่าทำไมรัฐบาลไม่ใช้วิธีการกระจายงบประมาณผ่านองค์การบริหารส่วนตำบลไปสู่ประชาชน ซึ่งจะทำให้มีผู้รับผิดชอบ หากเกิดความผิดพลาดบกพร่องอย่างแน่นอน
ซึ่งที่รัฐบาลอ้างว่าเป็นการเพิ่มอำนาจให้ประชาชน คือแทนที่ประชาชนจะไปพึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็สามารถจัดการเองได้เลย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าตนเห็นว่าที่อ้างอย่างนี้ เป็นความมุ่งหมายทางการเมือง เพื่อต้องการสร้างบุญคุณกับประชาชน ต้องการที่จะครอบงำประชาชนโดยตรง ‘รัฐบาลมีความรู้สึกว่า ถ้ากระจายเงินผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะไม่ได้บุญคุณมากนัก กลัวว่าจะถูกอ้างว่ากฎหมายบังคับ จึงต้องให้ ผมเชื่อว่าประชาชนทุกวันนี้ เขาก็ไม่โง่นะ เขาตามทัน’ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ส่วนที่นายกฯ ลงพื้นที่ภาคใต้พร้อมจะนำงบประมาณลงไปอีก นายบัญญัติ กล่าวว่า กำลังติดตามอยู่ แต่เห็นว่าทุกครั้งที่นายกฯ ลงพื้นที่ ก็มีการสัญญาทุกครั้ง แต่ว่าจนถึงทุกวันนี้ก็ไม่เห็นว่าการให้คำมั่นสัญญาไว้นั้นได้ปฏิบัติบ้างหรือยัง ดังนั้นตนจึงไม่ห่วงคำพูดของนายกฯ และเชื่อว่าทุกวันนี้ประชาชนเริ่มรู้ทันรัฐบาลมากขึ้น และที่นายกฯพูดว่า ส.ส. ในพื้นที่ไม่ดูแลทำให้ยังมีความเดือดร้อนอยู่ เพราะว่าเป็นฝ่ายค้าน ดังนั้นก็ให้เลือกคนของรัฐบาล ตนเห็นว่าไม่เป็นไร เพราะพรรคประชาธิปัตย์ใจกว้าง ดังนั้นจึงไม่น่ามีปัญหา และเชื่อว่าประชาชนมีเหตุผล ‘ส.ส.ที่ประชาชนเลือกมา ปฏิบัติหน้าที่ได้ดีมากน้อยแค่ไหน อย่างไร ผมคิดว่าประชาชนรู้ ถ้าปฏิบัติไม่ดีผมคิดว่าเค้าคงไม่เลือกต่อเนื่องกันมายาวนานจนกระทั่งบัดนี้ ที่นายกฯบอกว่าจะปักธง 2 ที่นั่งใน จ.นครศรีธรรมราชผมคิดว่าคงยาก อยากให้ไปรักษาธงที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เอาไว้ให้ดีแล้วกัน’ นายบัญญัติกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าในบางพื้นที่มีการของบ แต่นายกฯติงว่าไม่มี ส.ส. ของไทยรักไทยอยู่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า นายกฯพูดเช่นนี้น่าเกลียดมาก ตนถือว่านายกฯขาดวุฒิภาวะอย่างยิ่ง และยิ่งแสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักไทยเท่านั้น ‘ตรงนี้น่าเกลียดมาก คนที่เป็นนายกฯ เป็นนายกฯของประเทศ ไม่ใช่เป็นนายกฯของพรรคไทยรักไทยเท่านั้น เป็นของคนทั้งประเทศ การจัดสรรงบประมาณสนับสนุนส่วนไหนของประเทศ ขึ้นอยู่กับความถูกต้อง ความเหมาะสม ความจำเป็น ไม่ใช่ว่า ส.ส.ไทยรักไทยเท่านั้นเสนอแล้วถึงจะมีงบประมาณให้ ตรงนี้เป็นการบ่งบอกวุฒิภาวะของนายกฯอย่างชัดเจนมากว่า ท่านเป็นนายกฯของพรรคไทยรักไทยเท่านั้น จึงกล้าพูดเช่นนั้นได้’ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-
นายบัญญัติกล่าวว่า เรื่องการกระจายงบประมาณอันเป็นภาษีอากรของประชาชน ไปสู่ประชาชนถือเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งในการพิจารณางบประมาณฝ่ายค้านก็ได้เรียกร้องไป แต่สิ่งที่อยากเห็นที่สุดคือความเป็นธรรม และเกิดประโยชน์สูงสุด การทักท้วงนายกฯในวันนี้เพียงเพื่อจะบอกว่าช่องทางที่ถูกต้องนั้นมีอยู่แล้ว รัฐธรรมนูญที่ใช้ในเวลานี้ ให้ความสำคัญกับการปกครองท้องถิ่น ซึ่งพรรคเห็นว่าตรงนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลควรใช้ และการปกครองท้องถิ่นมีหลายระดับ ทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งถือว่าใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด หากจะมีการกระจายงบประมาณจริงๆ ต้องมีการกระจายลงไปยังหน่วยงานปกครองท้องถิ่นเช่นว่านี้ เพราะเป็นการกระจายตามโครงสร้างที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ และการตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสม มีกฎ ระเบียบที่ดีอยู่แล้ว
‘นายกฯท้าว่า หากไม่อยากได้นโยบายเหนือเมฆของรัฐบาลก็ให้บอกมา จะเอาเป็นเดิมพันในการเลือกตั้ง ตนก็อยากจะท้านายกฯว่า ตกลงว่านายกฯ จะไม่ปฏิบัติตามกฎหมายแผนและขั้นตอนในการกระจายอำนาจใช่หรือไม่ นายกฯกล้าพูดหรือไม่ ว่า หากกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง 35 % ที่กำหนดไว้ในแผนและขั้นตอนของการกระจายอำนาจ ซึ่งเป็นกฎหมายที่พรรคประชาธิปัตย์ จัดทำขึ้นมา ท่านนายกฯกล้าพูดไหมว่า ท่านนายกฯ ไม่มีวันที่จะใช้จ่ายงบประมาณสนับสนุนหน่วยการปกครองท้องถิ่น 35% ตามกฎหมายที่พรรคประชาธิปัตย์ ทำไว้ ถ้าท่านนายกฯ กล้าพูดเช่นนี้ ผมก็พร้อมที่จะรับคำท้ากับท่านนายกฯ’ นายบัญญัติกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการรับคำท้าครั้งนี้จะทำให้คะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์หายไปหรือไม่ เพราะประชาชนอาจต้องการนโยบายนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า นโยบายดังกล่าวไม่ดี ที่พูดเช่นนี้ไม่ได้ต้องการจะท้าทายกัน แต่การเมืองไม่ควรเล่นกันอย่างนี้ นายกฯต้องพร้อมที่จะรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ที่คนอื่นว่าไม่ดี และต้องชี้แจงมาว่า ที่ตนเชื่อว่าดีนั้นดีอย่างไร มากกว่าจะมาท้าทายกัน เหมือนคนที่ดื่มเหล้าไปแล้วหลายแก้ว ซึ่งตนคิดว่าไม่ใช่ลักษณะของการเมือง
ต่อข้อถามที่ว่านโยบายดังกล่าวจะทำให้ประชาชนตัดสินใจได้ง่ายขึ้นหรือไม่ เนื่องจาก 2 พรรคการเมืองใหญ่มีนโยบายต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจน นายบัญญัติกล่าวว่า การช่วยให้ประชาชนตัดสินใจควรจะเป็นคำอธิบายไม่ใช่มาท้าทายในลักษณะท้าตีท้าต่อย ส่วนข้อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว นายบัญญัติ ตอบว่า พรรคเห็นด้วยในส่วนของการกระจายเงิน แต่วิธีการยังไม่ถูกต้องเนื่องจากวิธีการมีอยู่แล้ว รัฐธรรมนูญให้ความสำคัญ กับการปกครองท้องถิ่นอีกทั้งยังมีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คือกฎหมายว่าด้วยแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ ดังนั้นจึงสงสัยว่าทำไมรัฐบาลไม่ใช้วิธีการกระจายงบประมาณผ่านองค์การบริหารส่วนตำบลไปสู่ประชาชน ซึ่งจะทำให้มีผู้รับผิดชอบ หากเกิดความผิดพลาดบกพร่องอย่างแน่นอน
ซึ่งที่รัฐบาลอ้างว่าเป็นการเพิ่มอำนาจให้ประชาชน คือแทนที่ประชาชนจะไปพึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็สามารถจัดการเองได้เลย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าตนเห็นว่าที่อ้างอย่างนี้ เป็นความมุ่งหมายทางการเมือง เพื่อต้องการสร้างบุญคุณกับประชาชน ต้องการที่จะครอบงำประชาชนโดยตรง ‘รัฐบาลมีความรู้สึกว่า ถ้ากระจายเงินผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะไม่ได้บุญคุณมากนัก กลัวว่าจะถูกอ้างว่ากฎหมายบังคับ จึงต้องให้ ผมเชื่อว่าประชาชนทุกวันนี้ เขาก็ไม่โง่นะ เขาตามทัน’ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ส่วนที่นายกฯ ลงพื้นที่ภาคใต้พร้อมจะนำงบประมาณลงไปอีก นายบัญญัติ กล่าวว่า กำลังติดตามอยู่ แต่เห็นว่าทุกครั้งที่นายกฯ ลงพื้นที่ ก็มีการสัญญาทุกครั้ง แต่ว่าจนถึงทุกวันนี้ก็ไม่เห็นว่าการให้คำมั่นสัญญาไว้นั้นได้ปฏิบัติบ้างหรือยัง ดังนั้นตนจึงไม่ห่วงคำพูดของนายกฯ และเชื่อว่าทุกวันนี้ประชาชนเริ่มรู้ทันรัฐบาลมากขึ้น และที่นายกฯพูดว่า ส.ส. ในพื้นที่ไม่ดูแลทำให้ยังมีความเดือดร้อนอยู่ เพราะว่าเป็นฝ่ายค้าน ดังนั้นก็ให้เลือกคนของรัฐบาล ตนเห็นว่าไม่เป็นไร เพราะพรรคประชาธิปัตย์ใจกว้าง ดังนั้นจึงไม่น่ามีปัญหา และเชื่อว่าประชาชนมีเหตุผล ‘ส.ส.ที่ประชาชนเลือกมา ปฏิบัติหน้าที่ได้ดีมากน้อยแค่ไหน อย่างไร ผมคิดว่าประชาชนรู้ ถ้าปฏิบัติไม่ดีผมคิดว่าเค้าคงไม่เลือกต่อเนื่องกันมายาวนานจนกระทั่งบัดนี้ ที่นายกฯบอกว่าจะปักธง 2 ที่นั่งใน จ.นครศรีธรรมราชผมคิดว่าคงยาก อยากให้ไปรักษาธงที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เอาไว้ให้ดีแล้วกัน’ นายบัญญัติกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าในบางพื้นที่มีการของบ แต่นายกฯติงว่าไม่มี ส.ส. ของไทยรักไทยอยู่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า นายกฯพูดเช่นนี้น่าเกลียดมาก ตนถือว่านายกฯขาดวุฒิภาวะอย่างยิ่ง และยิ่งแสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักไทยเท่านั้น ‘ตรงนี้น่าเกลียดมาก คนที่เป็นนายกฯ เป็นนายกฯของประเทศ ไม่ใช่เป็นนายกฯของพรรคไทยรักไทยเท่านั้น เป็นของคนทั้งประเทศ การจัดสรรงบประมาณสนับสนุนส่วนไหนของประเทศ ขึ้นอยู่กับความถูกต้อง ความเหมาะสม ความจำเป็น ไม่ใช่ว่า ส.ส.ไทยรักไทยเท่านั้นเสนอแล้วถึงจะมีงบประมาณให้ ตรงนี้เป็นการบ่งบอกวุฒิภาวะของนายกฯอย่างชัดเจนมากว่า ท่านเป็นนายกฯของพรรคไทยรักไทยเท่านั้น จึงกล้าพูดเช่นนั้นได้’ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-