‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ ระบุกระทรวงมหาดไทยทำตัวเป็นเครื่องมือของ ทรท. หากให้มีการเลือก ประธานสภา กทม.ใหม่ พร้อมฝากเตือน รมว.มหาดไทยหากสั่งการไม่ชอบ พรรคฯจะพึ่งศาล ยันเรื่องดังกล่าวตอกย้ำภาพของ ทรท. ที่ไม่เคารพการกระจายอำนาจ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการไม่เข้าร่วมประชุมสภา กทม.ของ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร พรรคไทยรักไทย อีกทั้งยังมีการร้องเรียนเพื่อให้มีการเลือกประธานสภา กทม.ใหม่ผ่านทางกระทรวงมหาดไทยว่า ขณะนี้รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยกำลังทำตัวเป็นเครื่องมือของพรรคไทยรักไทย ในเรื่องของการเลือกตั้งประธานสภา กทม. เพราะหลังจากที่มีการเลือกประธานสภา กทม. ก็มีการร้องเรียนไปยังกระทรวงมหาดไทย โดยอ้างว่ามีการนับคะแนนผิดบ้าง มีการเลือกตั้งที่ไม่โปร่งใสบ้าง แต่ปรากฏว่าทุกฝ่ายโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้นับคะแนนได้ยืนยันชัดเจนว่า การนับคะแนนนั้นเป็นไปอย่างถูกต้อง ซึ่งแทนที่เรื่องจะจบ แต่กลับมีความพยายามที่จะหยิบประเด็นประธานในที่ประชุมไม่ชี้ผู้ประท้วง ซึ่งทำให้การเลือกตั้งไม่โปร่งใสขึ้นมา
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่มีการทำเรื่องนี้ให้ยืดเยื้อ เพราะขณะนี้ สก.ของพรรคไทยรักไทยมีความพยายามที่จะดึงเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเพิ่มเป็น 31 เสียง และหลังจากนั้นก็คาดหวังให้กระทรวงมหาดไทยสั่งการให้มีการเลือกตั้งประธานสภา กทม. ใหม่ ซึ่งตามกฎหมายกระทรวงมหาดไทยไม่มีอำนาจที่จะเข้ามาดูแลเรื่องนี้ ผู้ที่มีอำนาจคือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้แสดงท่าทีชัดเจนแล้วว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง จึงเป็นสาเหตุให้กระทรวงมหาดไทยหลีกเลี่ยงที่จะดำเนินการผ่านผู้ว่าฯ
‘ผมเรียกร้องให้ สก. ทุกฝ่ายเข้าประชุม ทราบว่าผู้ใหญ่ในพรรคไทยรักไทยรู้เห็นเป็นใจกับเรื่องนี้ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดwทยก็คงจะอยู่ในกระบวนการตรงนี้ด้วย ทราบว่ามีความพยายามที่จะรวบรัด สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ เมื่อพรรคไทยรักไทยมั่นใจว่าสามารถดึงคนไปเพิ่มได้ก็จะให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องของการเล่นการเมืองโดยไม่เคารพกติกา ใช้อำนาจ ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่ชอบกล่าวหาว่าคนอื่นหาช่องเป็นนักตีความ ถามว่ากระทรวงมหาดไทยกำลังทำอะไรอยู่ในการที่จะหาทางออกให้ได้ว่าจะต้องสั่งให้มีการเลือกตั้งประธานสภา กทม.ใหม่ เพียงเพราะพรรคไทยรักไทยแพ้ และเป็นการยืนยันอีกครั้งว่าพรรคไทยรักไทยไม่มีความเคารพในเจตนารมณ์ในเรื่องของการกระจายอำนาจ และสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า หาก สก. ของพรรคไทยรักไทยไม่เข้าร่วมประชุมสภาอีกเพียง 2 ครั้ง สมาชิกเหล่านั้นก็จะพ้นจากความเป็น ส.ก. ตามผลของกฎหมาย ปัญหาก็จะแก้ไขได้โดยอัตโนมัติ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่กระทรวงมหาดไทยจะหยิบยกการที่สภา กทม. ประชุมไม่ได้ขึ้นมาเป็นข้ออ้างว่าเกิดความเสียหายขึ้น เพราะจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ว่าต่อไปนี้ใครไม่พอใจอะไรก็สร้างปัญหาขึ้นมา รัฐก็ต้องไปสนองตอบต่อคนที่ไม่ดำเนินการทำหน้าที่ของตนเอง ตนเห็นว่าการร้องเรียนมีสิทธิทำได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย แต่การไม่เข้าประชุมถือเป็นการไม่ทำหน้าที่ และสร้างความเสียหายกับฝ่ายบริหาร และคนกรุงเทพฯ เพราะทำให้งานของผู้ว่าฯ และ สภา กทม. ดำเนินต่อไปไม่ได้
‘อยากจะเตือน รมว.มหาดไทยด้วยว่า ถ้าท่านสั่งการอะไรไม่ชอบ ทางพรรคฯก็ต้องพึ่งศาล ซึ่งอาจจะเป็นทั้งศาลปกครองและศาลอาญา เพราะว่ามีกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับไม่ว่าจะเป็นกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง กฎหมายศาลปกครอง และต้องยึดเจตนารมณ์ของระเบียบบริหารราชการ กทม.ด้วย เพราะฉะนั้นอยากจะให้สังคมได้จับตาดูเรื่องนี้ เพราะได้เห็นพฤติกรรมของพรรคไทยรักไทย ได้เห็นพฤติกรรมของคนในรัฐบาล ที่มุ่งหวังจะเอาชนะคะคานทางการเมืองเพียงอย่างเดียว โดยจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบของการปกครองท้องถิ่น และบรรทัดฐานในการกำกับดูแลควบคุมท้องถิ่นจากนี้ไป ถ้าหากมีการสั่งการให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ของพรรคไทยรักไทย’ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการไม่เข้าร่วมประชุมสภา กทม.ของ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร พรรคไทยรักไทย อีกทั้งยังมีการร้องเรียนเพื่อให้มีการเลือกประธานสภา กทม.ใหม่ผ่านทางกระทรวงมหาดไทยว่า ขณะนี้รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยกำลังทำตัวเป็นเครื่องมือของพรรคไทยรักไทย ในเรื่องของการเลือกตั้งประธานสภา กทม. เพราะหลังจากที่มีการเลือกประธานสภา กทม. ก็มีการร้องเรียนไปยังกระทรวงมหาดไทย โดยอ้างว่ามีการนับคะแนนผิดบ้าง มีการเลือกตั้งที่ไม่โปร่งใสบ้าง แต่ปรากฏว่าทุกฝ่ายโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้นับคะแนนได้ยืนยันชัดเจนว่า การนับคะแนนนั้นเป็นไปอย่างถูกต้อง ซึ่งแทนที่เรื่องจะจบ แต่กลับมีความพยายามที่จะหยิบประเด็นประธานในที่ประชุมไม่ชี้ผู้ประท้วง ซึ่งทำให้การเลือกตั้งไม่โปร่งใสขึ้นมา
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่มีการทำเรื่องนี้ให้ยืดเยื้อ เพราะขณะนี้ สก.ของพรรคไทยรักไทยมีความพยายามที่จะดึงเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเพิ่มเป็น 31 เสียง และหลังจากนั้นก็คาดหวังให้กระทรวงมหาดไทยสั่งการให้มีการเลือกตั้งประธานสภา กทม. ใหม่ ซึ่งตามกฎหมายกระทรวงมหาดไทยไม่มีอำนาจที่จะเข้ามาดูแลเรื่องนี้ ผู้ที่มีอำนาจคือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้แสดงท่าทีชัดเจนแล้วว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง จึงเป็นสาเหตุให้กระทรวงมหาดไทยหลีกเลี่ยงที่จะดำเนินการผ่านผู้ว่าฯ
‘ผมเรียกร้องให้ สก. ทุกฝ่ายเข้าประชุม ทราบว่าผู้ใหญ่ในพรรคไทยรักไทยรู้เห็นเป็นใจกับเรื่องนี้ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดwทยก็คงจะอยู่ในกระบวนการตรงนี้ด้วย ทราบว่ามีความพยายามที่จะรวบรัด สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ เมื่อพรรคไทยรักไทยมั่นใจว่าสามารถดึงคนไปเพิ่มได้ก็จะให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องของการเล่นการเมืองโดยไม่เคารพกติกา ใช้อำนาจ ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่ชอบกล่าวหาว่าคนอื่นหาช่องเป็นนักตีความ ถามว่ากระทรวงมหาดไทยกำลังทำอะไรอยู่ในการที่จะหาทางออกให้ได้ว่าจะต้องสั่งให้มีการเลือกตั้งประธานสภา กทม.ใหม่ เพียงเพราะพรรคไทยรักไทยแพ้ และเป็นการยืนยันอีกครั้งว่าพรรคไทยรักไทยไม่มีความเคารพในเจตนารมณ์ในเรื่องของการกระจายอำนาจ และสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า หาก สก. ของพรรคไทยรักไทยไม่เข้าร่วมประชุมสภาอีกเพียง 2 ครั้ง สมาชิกเหล่านั้นก็จะพ้นจากความเป็น ส.ก. ตามผลของกฎหมาย ปัญหาก็จะแก้ไขได้โดยอัตโนมัติ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่กระทรวงมหาดไทยจะหยิบยกการที่สภา กทม. ประชุมไม่ได้ขึ้นมาเป็นข้ออ้างว่าเกิดความเสียหายขึ้น เพราะจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ว่าต่อไปนี้ใครไม่พอใจอะไรก็สร้างปัญหาขึ้นมา รัฐก็ต้องไปสนองตอบต่อคนที่ไม่ดำเนินการทำหน้าที่ของตนเอง ตนเห็นว่าการร้องเรียนมีสิทธิทำได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย แต่การไม่เข้าประชุมถือเป็นการไม่ทำหน้าที่ และสร้างความเสียหายกับฝ่ายบริหาร และคนกรุงเทพฯ เพราะทำให้งานของผู้ว่าฯ และ สภา กทม. ดำเนินต่อไปไม่ได้
‘อยากจะเตือน รมว.มหาดไทยด้วยว่า ถ้าท่านสั่งการอะไรไม่ชอบ ทางพรรคฯก็ต้องพึ่งศาล ซึ่งอาจจะเป็นทั้งศาลปกครองและศาลอาญา เพราะว่ามีกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับไม่ว่าจะเป็นกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง กฎหมายศาลปกครอง และต้องยึดเจตนารมณ์ของระเบียบบริหารราชการ กทม.ด้วย เพราะฉะนั้นอยากจะให้สังคมได้จับตาดูเรื่องนี้ เพราะได้เห็นพฤติกรรมของพรรคไทยรักไทย ได้เห็นพฤติกรรมของคนในรัฐบาล ที่มุ่งหวังจะเอาชนะคะคานทางการเมืองเพียงอย่างเดียว โดยจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบของการปกครองท้องถิ่น และบรรทัดฐานในการกำกับดูแลควบคุมท้องถิ่นจากนี้ไป ถ้าหากมีการสั่งการให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ของพรรคไทยรักไทย’ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-