(ต่อ1)การศึกษาร่วมว่าด้วยการจัดทำความตกลงการค้าเสรี(Closer Economic Partnership: CEP) ไทย-นิวซีแลนด์

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 20, 2004 14:09 —กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

        เหล็ก 
ในปัจจุบันเหล็กเป็นสินค้าสำคัญรายการหนึ่งที่ไทยส่งออกไปยังนิวซีแลนด์มีมูลค่าการส่งออกเฉลี่ยปีละประมาณ 6 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงปี 2000-2003 มูลค่าการส่งออกและส่วนแบ่งในตลาดโดยทั่วไปเพิ่มขึ้น เช่นการส่งออกเหล็กแท่ง (bars and rods) เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 20 รวมทั้งการส่งออกเหล็กที่ไม่มีอัลลอยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 100 ถึงแม้ไทยจะมีมูลค่าการส่งออกสูงขึ้น แต่ส่วนแบ่งในตลาดน้อยเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งอื่นๆ ขณะที่นิวซีแลนดืมีความต้องการนำเข้าอุตสาหกรรมนี้เพิ่มมากขึ้น
นิวซีแลนด์จะมีภาษีที่ค่อนข้างต่ำในสินค้าเหล็กคือร้อยละ 0-6.5 ซึ่งการลดภาษีในส่วนนี้ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีจะทำให้ไทยได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าสู่ตลาดนิวซีแลนด์สูงขึ้น ซึ่งขณะที่นิวซีแลนด์มีภาษีอยู่ในระดับที่ต่ำ แต่ไม่เป็นผลกระทบสำคัญต่อผู้ผลิตในอุตสาหกรรมเหล็กของนิวซีแลนด์ เนื่องจากผู้ผลิตของนิวซีแลนด์เน้นในการสร้างตลาดเฉพาะ เช่น การผลิตเหล็กในรูปแบบยาก ๆ
อาหารกระป๋องและอาหารแปรรูป
อาหารกระป๋องและอาหารแปรรูปเป็นสินค้าส่งออกกลุ่มเกษตรที่สำคัญของประเทศไทย โดยมีปลาและกุ้งแปรรูปเป็นสินค้าส่งออกหลัก การส่งออกไปนิวซีแลนด์ตั้งแต่ปี 2000-2003 แสดงให้เห็นว่ามูลค่าการค้าของทั้งสองสินค้าสูงถึงเกือบ 12 ล้านเหรียญสหรัฐ ทิศทางโดยรวมของการส่งออกของไทยนั้นเพิ่มขึ้น สินค้าของไทยมีส่วนแบ่งในตลาดนิวซีแลนด์มากกว่าร้อยละ 70 อย่างไรก็ตามแนวโน้มตั้งแต่ปี 2000 ถึง 2003 แสดงให้เห็นว่าไทยได้เสียส่วนแบ่งในตลาดนิวซีแลนด์ของสินค้ากุ้งแปรรูปนี้ไปประมาณร้อยละ 10 ขณะที่สินค้าปลาแปรรูปมีส่วนแบ่งตลาดลดลงจาดร้อยละ 47.5 ในปี 2001 เป็นร้อยละ 43.3 ในปี 2003
ความสามารถในการแข่งขันของไทยในสินค้ากลุ่มนี้ส่วนหนึ่งเนื่องจากไทยมีทางออกสู่ทะเล มีทรัพยากรธรรมชาติที่เหมาะสม มีแรงงานและเทคโนโลยี รวมทั้งในอดีตที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้สนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมฟาร์มกุ้งและอาหารทะเลอื่นๆ นอกเหนือจากการทำการส่งออกอาหารกระป๋องที่มีคุณภาพในราคาถูกไปยังต่างประเทศ ซึ่งนิวซีแลนด์นั้นมีการเก็บภาษีสินค้านำเข้ากลุ่มนี้ในอัตราที่ต่ำประมาณร้อยละ 0-6.5
ไทยมีการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบจากนิวซีแลนด์ในการผลิตอาหารแปรรูป การลดภาษีนำเข้าของสินค้าประเภทอาหารและเกษตรจะช่วยสนองความต้องการวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นในการขยายตัวอุตสาหกรรมประเภทนี้ของไทย
ไทยในฐานะที่เป็นผุ้นำในอุตสาหกรรมอาหารทะเลแปรรูปเป็นตลาดส่งออกประมงที่สำคัญของนิวซีแลนด์ ได้แก่ปลาทูน่า และเนื้อปลา
สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า
มูลค่าการส่งออกรวมของสินค้าในกลุ่มนี้ของไทยไปนิวซีแลนด์ในปี 2003 สูงถึง 10 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าที่มีการส่งออกสูงสุดคือสินค้าจำพวกผ้า เช่น กระเป๋า มีมูลค่ามากกว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนสินค้าส่งออกประเภทผ้าที่ทำด้วยมือเพิ่มขึ้น ร้อยละ 40 จาก 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2002 เป็น 2.1 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2003 นอกจากนี้สินค้าพวกเครื่องนุ่งห่มที่ไม่ใช่ประเภทถักมีการส่งออกเพิ่มสูงขึ้นในเวลาเดียวกัน ซึ่งแนวโน้มนี้แสดงให้เห็นถึงความได้เปรียบในการในการส่งออกสินค้าประเภทนี้ของไทย
ส่วนแบ่งการตลาดของสินค้าประเภทนี้ของไทยในตลาดนิวซีแลนด์มีเพียงร้อยละ 1 เท่านั้น และเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างคงที่ โดยคู่แข่งขันที่สำคัญของไทยคือ สินค้าจากจีน ปัจจุบันไทยส่งออกเป็นลำดับที่ 12 ในตลาดนิวซีแลนด์ ซึ่งการลดภาษีภายใต้ความตกลงการค้าเสรีจะช่วยให้ไทยมีศักยภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้เพิ่มขึ้น
นิวซีแลนด์มีการเก็บภาษีในสินค้ากลุ่มนี้ทั้งภาษีตามราคาและภาษีตามสภาพ โดยที่ภาษีตามราคามีตั้งแต่ร้อยละ 0 ถึงร้อยละ 12.5 ในสินค้าสิ่งทอและร้อยละ 0-20 ในสินค้าเครื่องนุ่งห่ม
อุตสาหกรรมภาคการผลิตสินค้าสิ่งทอ เครื่องนุ่มห่มและรองเท้าของนิวซีแลนด์ได้รับการปกป้องด้วยภาษีที่ค่อนข้างสูง แต่ในปี 2005 จะมีการปรับลดภาษีลง โครงสร้างการผลิตสินค้าประเภทนี้ของนิวซีแลนด์มีการเปลี่ยนจากการผลิตโดยใช้วัตถุดิบราคาถูกไปเป็นการผลิตสินค้าเฉพาะกลุ่มที่มีราคาสูง ซึ่งจากพื้นฐานของปัจจัยดังกล่าวมีแนวโน้มให้ผลกระทบภายใต้ความตกลงการค้าเสรีต่อภาคอุตสาหกรรมนี้มีเพียงเล็กน้อย ขณะที่ประโยชน์ที่ได้รับจะมีส่วนช่วยให้ผู้ผลิตสินค้าในระดับสูงของนิวซีแลนด์มีวัตถุดิบในการผลิตที่ถูกลงและได้ตลาดมากขึ้น
ผลิตภัณฑ์นม
ภาคการผลิตสินค้าประเภทนมและผลิตภัณฑ์นมภาคอุตสาหรรมที่มหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ โดยมีมูลค่าประมาณร้อยละ 17 ของมูลค่าส่งออกสินค้ารวม และสร้างงานให้กับคนในชนบทของนิวซีแลนด์ถึง 24,000 คน นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจในระบบเปิดที่อนุญาตให้มีการแข่งขันของสินค้าในภาคอุตสาหกรรมนม โดยมีผลิตภัณฑ์นมที่ขายในประเทศเป็นสินค้านำเข้าถึงร้อยละ 15 นิวซีแลนด์เป็นประเทศส่งออกสินค้าประเภทนมที่มีความสำคัญเป็นอันดับสองของโลก แม้กระนั้นส่วนแบ่งตลาดของนิวซีแลนด์ในตลาดโลกยังคงน้อยคือ ประมาณ ร้อยละ 2.5
ผู้บริโภคและผู้ผลิตในไทยรวมไปถึงผู้ส่งออกของนิวซีแลนด์ได้รับประโยชน์จากการค้าสินค้ากลุ่มนี้ด้วยกัน การนำเข้านมพร่องมันเนย และ นมผงเป็นส่วนสำคัญที่ชดเชยการที่ประเทศไทยไม่สามารถผลิตสินค้ากลุ่มนี้ได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการทั้งการบริโภคและการใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป ซึ่งถึงแม้ว่าการผลิตน้ำนมดิบของไทยจะเพิ่มขึ้นกว่าครึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา ผลผลิตที่ได้ยังคงตอบสนองของความต้องการน้ำนมภายในประเทศได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น
นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่ส่งออกนมให้แก่ไทยอย่างสม่ำเสมอ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยการส่งออกคงอยู่ในระดับเดิมตั้งแต่ปี 1998 แต่ก็มากกว่าออสเตรเลียซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดในตลาดต่างประเทศ และนิวซีแลนด์ยังเป็นประเทศหลักที่ขายสูตรนมสำหรับเด็กให้กับประเทศไทย ถึงแม้ว่าออสเตรเลียจะเป็นประเทศหลักในการขายปลีกสินค้าดังกล่าว ในขณะนี้ประเทศไทยเป็นตลาดส่งออกลำดับที่ 11 ของนิวซีแลนด์ โดยนำเข้าประมาณ ร้อยละ 6 ของการส่งออกทั้งหมด
ข้อจำกัดในการส่งออกนมจากนิวซีแลนด์มายังไทย ได้แก่ การกำหนดโควตาที่ 55,000 ตัน ภาษีศุลกากรและข้อกำหนดเรื่องสัดส่วนวัตถุดิบภายในประเทศ ต่อสินค้าที่ใช้ในโครงการจัดสรรนมให้แก่โรงเรียนของรัฐ ภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 20 ในปี 2003 ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดที่เก็บได้ภายใต้ข้อผูกมัดภายใต้องค์การการค้าโลก ส่วนภาษีนอกโควตาของไทยนั้นสูงมากโดยอยู่ที่ประมาณร้อยละ 200 สำหรับสินค้าที่ไม่มีโควตา เช่น นมผงบางชนิดและเนย มีการเก็บภาษีที่ ร้อยละ 18 และร้อยละ 30 ตามลำดับ ส่วนนมสำหรับทารก (ไม่ใช่สำหรับการขายปลีก) มีการเก็บภาษีที่ร้อยละ 5
นมผงส่วนใหญ่ที่ไทยนำเข้าจากนิวซีแลนด์นั้นนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป ซึ่งความต้องการของส่วนผสมที่มีคุณภาพดีของไทยเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่รัฐบาลมียุทธศาสตร์ที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร ดังนั้นการลดข้อจำกัดการนำเข้าต่อสินค้าประเภทนมจะทำให้อุตสาหกรรมกลุ่มนี้สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นและได้รับประโยชน์จากการลดลงของต้นทุนการผลิต การที่ไทยมีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปจะเป็นพื้นฐานในการที่จะมีการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้มากขึ้น
การส่งออกของนิวซีแลนด์ที่เน้นหนักไปที่การขายนมผงให้แก่กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารของไทยนั้นแตกต่างไปจากการผลิตนมภายในประเทศที่เป็นการผลิตน้ำนมให้แก่ผู้บริโภคภายในประเทศและโครงการนมโรงเรียน ซึ่งความแตกต่างนี้เมื่อรวมกับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดวัตถุดิบที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จะทำให้ผู้ผลิตทั้งไทยและนิวซีแลนด์มีตลาดให้กับสินค้าตัวเองมากขึ้น
อีกปัจจัยหนึ่งที่มีต่ออุตสาหกรรมนมของไทยคือข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับออสเตรเลียที่จะทำให้ออสเตรเลียสามารถเข้าสู่ตลาดของไทยได้มากขึ้น ซึ่งการเปิดตลาดให้กับสินค้าจากนิวซีแลนด์ก็ไม่น่าที่จะมีผลมากนักต่อผู้ผลิตนมในประเทศ
ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจของไทยเน้นในด้านอุตสาหกรรม และคนส่วนใหญ่ในชนบทยังคงเกี่ยวข้องกับภาคเกษตรกรรมอยู่ ไทยจึงระวังในการเปิดเสรีที่อาจจะส่งผลกระทบต่อชาวนาและคนงาน โดยมีภาษีนำเข้าที่สูงและมีการกำหนดปริมาณการนำเข้าในผลิตภัณฑ์นมเพื่อสนันสนุนการผลิตในประเทศ อย่างไรก็ดี แนวโน้มของโลกในการเปิดการค้าเสรีทำให้ท่าทีของไทยมีการลดข้อกีดกันทางการค้าควบคู่ไปกับการติดตามเฝ้าระวังและการปรึกษาอย่างใกล้ชิดกับผู้ที่ได้รับผลกระทบ
เนื้อสัตว์
ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์เป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจนิวซีแลนด์เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมนม โดยมีมูลค่าประมาณร้อยละ 15 ของสินค้าส่งออก ในปี 2003 การส่งออกเนื้อสัตว์มีมูลค่ารวม 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าหลักจะเป็นเนื้อแกะและเนื้อวัว โดยในปี 1998 อุตสาหกรรมนี้มีการจ้างงานสูงถึง 29,000 คน อย่างไรก็ดีตั้งแต่ช่วงปี 1980 ปริมาณแกะและการทำฟาร์มวัวได้ลดลงเนื่องจากการนำที่ดินไปใช้ในการทำฟาร์มเพื่อผลิตนม การเลี้ยงกวางและการทำป่าไม้แทน แต่การปริมาณลดลงนี้ชดเชยด้วยการความสามารถในการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น
สินค้าเนื้อสัตว์ของนิวซีแลนด์ส่วนใหญ่ขายไปยังตลาดต่างประเทศ โดยมาจากผลิตภัณฑ์เนื้อวัวและลูกวัวประมาณร้อยละ 85 และจากเนื้อแกะร้อยละ 80 ในขณะที่นิวซีแลนด์เป็นผู้นำเข้าสุทธิสินค้าประเภทเนื้อหมูแช่แข็งและเบคอน
ถึงแม้ว่านิวซีแลนด์จะมีการส่งออกเนื้อวัว เนื้อแกะ และเนื้อลูกวัวมาก แต่การส่งออกไปไทยยังอยู่ในระดับปานกลาง โดยในปี 2003 เนื้อวัวที่ส่งออกมีมูลค่าน้อยกว่าร้อยละ 1 ของสินค้าทั้งหมดที่นิวซีแลนด์ส่งมายังไทย การนำเข้าเนื้อแดงของไทยนั้นต่ำมาก คืออยู่ที่ประมาณ 5.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากหลายๆ ปัจจัยเช่น รูปแบบการบริโภคและมาตรการทางการค้าต่างๆ
ภาษีของไทยที่เก็บในสินค้าเนื้อวัว และเนื้อแกะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 50 และ ร้อยละ 30 ตามลำดับ การยกเลิกการเก็บภาษีภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีจะทำให้ผู้บริโภคของไทยและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยได้รับประโยชน์จากแหล่งสินค้าที่มีการแข่งขันกัน การเติบโตของภาคธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวจะส่งผลให้เกิดความต้องการเนื้อที่มีคุณภาพเพื่อตอบสนองต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผลผลิตของนิวซีแลนด์ก็สามารถตอบสนองต่อความต้องการดังกล่าวในประเทศต่างๆในภูมิภาคได้
จากสภาพอากาศและทรัพยากรที่ไทยมีอยู่ทำให้ไทยไม่มีความได้เปรียบในอุตสาหกรรมนี้ ตลาดสำหรับการผลิตเนื้อสัตว์ในประเทศส่วนมากเป็นตลาดระดับล่าง ขณะที่ตลาดสำหรับการนำเข้าผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์จากนิวซีแลนด์เป็นตลาดระดับสูง ซึ่งอาจไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตภายในประเทศมากนัก อย่างไรก็ดี ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเกษตรกรจากการเปิดเสรีผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิด
ผักและผลไม้
ตั้งแต่ปี 1990 อุตสาหกรรมเกษตรของนิวซีแลนด์ได้ขยายตัวอย่างมาก การส่งออกเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าตัวภายในช่วงเวลา 13 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นผลหลักจากการขยายตัวของการส่งออกกีวี่ แอปเปิ้ล หัวหอม และไวน์ ซึ่งสินค้าเหล่านี้ถูกส่งออกไปกว่า 110 ประเทศและได้สร้างงานให้กับคนนิวซีแลนด์กว่า 30,000 คน
ประเทศไทยมีการเก็บภาษีสินค้าประเภทนี้ที่ค่อนข้างเข้มงวดและสูงถึงประมาณร้อยละ 10 ถึง 60 สำหรับสินค้าผักและผลไม้เมืองหนาว สินค้านำเข้าส่วนใหญ่มีการเก็บภาษีตามสภาพตามน้ำหนัก เช่น มันฝรั่งแปรรูปแช่แข็ง ซึ่งถ้าเทียบเป็นภาษีตามราคาแล้วอยู่ที่ประมาณร้อยละ 84 นอกจากนี้การจำกัดโควตาการนำเข้ายังนำมาใช้กับสินค้าผักและผลไม้อีกหลายชนิด ซึ่งรวมถึงหัวหอมและมันฝรั่ง
เนื่องจากสินค้าของนิวซีแลนด์มีชื่อเสียงประกอบกับมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ดีกับประเทศต่างๆ ถึงแม้จะมีมาตรการภาษีสูง ผักผลไม้จากนิวซีแลนด์ยังคงเป็นที่ต้องการในประเทศไทย โดยตัวเลขการส่งออกมายังประเทศไทยในปี 2003 มีมูลค่าถึง 6.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งสินค้าหลักคือ แอ๊ปเปิ้ล แครอท และมันฝรั่งแช่แข็ง การจัดทำความตกลงการค้าเสรีจะให้ประโยชน์แก่ทั้งผู้ผลิตในนิวซีแลนด์และผู้บริโภคในประเทศไทยจากการแข่งขัน คุณภาพ และทางเลือกที่มีมากขึ้น ผู้ผลิตและส่งออกในนิวซีแลนด์ให้ความสำคัญอย่างมากต่อความปลอดภัยของอาหารซึ่งเป็นข้อกำหนดเบื้องต้นในการนำผลผลิตออกขายในตลาดระดับสูงของไทย
ความสอดคล้องทางการผลิตระหว่างไทยและนิวซีแลนด์ และความเป็นจริงที่ว่าสินค้าผักผลไม้ของนิวซีแลนด์เหมาะสมกับความต้องการของนักท่องเที่ยวในไทย แสดงให้เห็นว่าการจัดทำความตกลงการค้าเสรีจะให้โอกาสแก่ผู้ส่งออกของนิวซีแลนด์โดยไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตภายในประเทศ นอกจากนี้ข้อตกลงการค้าเสรีจะให้โอกาสแข่งขันกับผู้ผลิตจากประเทศอื่นๆที่ไทยทำข้อตกลงการค้าเสรีด้วย
อาหารทะเล
อุตสาหกรรมอาหารทะเลทำเงินให้กับนิวซีแลนด์ ปีละ 377 ล้านเหรียญสหรัฐ และเป็นอุตสาหกรรมสำคัญต่อเศรษฐกิจของนิวซีแลนด์ การส่งออกอาหารทะเลในปี 2003 มีมูลค่ารวม 678 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 4 ของการส่งออกทั้งหมด หลักการทำประมงของนิวซีแลนด์นั้นอยู่บนพื้นฐานของการประมงที่ยั่งยืนโดยมีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างความมั่นคงในระยะยาวให้แก่อุตสาหกรรม ตั้งแต่ปี 1990 ธุรกิจนี้ได้รับการลงทุนอย่างมากจากบริษัทนิวซีแลนด์ โดยเฉพาะธุรกิจประมงทะเล
ขณะนี้ไทยไม่มีการเก็บภาษีอาหารทะเลจากนิวซีแลนด์ที่เข้าสู่อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารเพื่อการส่งออกและเนื่องจากไทยมีอุตสาหกรรมอาหารทะเลแปรรูปที่ใหญ่มากของโลก จะทำให้ไทยได้รับประโยชน์จากการลดภาษีนำเข้าต่อสินค้าวัตถุดิบ อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังคงเก็บภาษีร้อยละ 30 ในสินค้าอาหารทะเลที่นำเข้าเพื่อการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งนิวซีแลนด์เป็นประเทศที่มีความสามารถในการผลิตปลาน้ำเย็นและสัตว์ทะเลมีเปลือกในขณะที่ไทยมีความสามารถในการผลิตปลาน้ำอุ่น
การจัดทำความตกลงการค้าเสรีจะนำผลประโยชน์สู่ผู้บริโภคในไทยโดยตอบสนองความต้องการของธุรกิจการท่องเที่ยวภายในประเทศ นอกจากนี้สินค้า ปลาทูน่า กุ้งใหญ่ และปลาจากนิวซีแลนด์จะสามารถแข่งขันได้อย่างเท่าเทียมกับสินค้าชนิดเดียวกันจากประเทศที่มีข้อตกลงการค้าเสรีกับไทย
ผลิตภัณฑ์ป่าไม้
อุตสาหกรรมป่าไม้เป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของนิวซีแลนด์ โดยมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 1.2 ของ GDP โดยสินค้าที่ผลิตส่วนใหญ่ของนิวซีแลนด์จะเป็นไปเพื่อการส่งออก ซึ่งก่อนหน้านี้ปัจจัยภายในประเทศได้มีผลกระทบกับอุตสาหกรรมป่าไม้อย่างมาก เช่น การตื่นตัวในการลงทุนในธุรกิจบ้านจัดสรรและอสังหาริมทรัพย์ทำให้มีการขายไม้เพิ่มมากขึ้นอย่างมาก
ไทยมีการเก็บภาษีนำเข้าไม้ที่ยังไม่ได้แปรรูปประมาณร้อยละ 0 ถึงร้อยละ 1 ขณะที่เก็บภาษีสินค้าไม้ขั้นกลางที่เป็นสินค้าหลักที่นิวซีแลนด์ส่งออก เช่น แผ่นใยไม้อัดและไม้อัด ในอัตราภาษีที่ร้อยละ 12.5 สินค้าสำเร็จรูปที่มีมูลค่าสูงเช่น เครื่องไม้ เฟอร์นิเจอร์ กระดาษและบรรจุภัณฑ์มีอัตราภาษีที่ร้อยละ 20 ซึ่งการเก็บภาษีลักษณะนี้เรียกว่า การเก็บภาษีแบบขั้นบันได (Tariff escalation) ทำให้การส่งออกสินค้าสำเร็จรูปของนิวซีแลนด์มาไทยมีเพียง 168,000 เหรียญสหรัฐ ในขณะที่การส่งออกไปยังตลาดโลกมีมูลค่าประมาณ 352 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ส่วนไม้ที่ยังไม่ได้แปรรูปและเนื้อไม้ที่ส่งออกมายังไทยมีมูลค่า 19.4 ล้านเหรียญในปี 2003
การเปิดการค้าเสรีภายใต้ความตกลงการค้าเสรี จะนำประโยชน์มาสู่อุตสาหกรรมส่งออก เฟอร์นิเจอร์ และกระดาษอัดของไทย โดยจะสามารถซื้อสินค้าวัตถุดิบที่มีคุณภาพดีได้ในราคาถูก สินค้าไทยและนิวซีแลนด์น่าจะขยายการส่งออกไปยังประเทศต่างๆทั่วโลกได้โดยไม่แข่งขันกันเอง นอกจากนี้ผู้ผลิตในนิวซีแลนด์จะได้รับประโยชน์จากการมีโอกาสขายสินค้าได้มากขึ้นในตลาดของไทย
(ยังมีต่อ).../กฎว่าด้วยแหล่ง..

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ