‘หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์’ ไม่หวังพึ่ง กกต.ตรวจสอบนโยบาย SML พร้อมตั้งข้อสงสัยเหตุใดรัฐไม่ใช้ช่องทางการกระจายเงินตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด รับพรรคอื่นเสียเปรียบจากนโยบายดังกล่าว
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคไทยรักไทยให้พรรคประชาธิปัตย์ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบหากเห็นว่านโยบาย SML ผิดกฎหมายเลือกตั้งว่า คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปยื่นเรื่องกับ กกต. เพราะขณะนี้เห็นว่าได้มีกรรมการ กกต.บางคนออกมารับรองความถูกต้องให้นโยบายดังกล่าวแล้ว ‘ที่จะไปยื่นให้ กกต.พิจารณาอย่างที่พรรคไทยรักไทยออกมาท้าทายทั้งหัวหน้าพรรคและลูกพรรคคงไม่ทำแล้ว เพราะเมื่อ กกต.บางท่านออกมายืนยันกันแล้ว เราก็พอจะมองเห็นได้ชัดเจนว่าท้ายสุดมติในเรื่องนี้เป็นอย่างไร’ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายบัญญัติกล่าวว่า ในเมื่อรัฐธรรมนูญ มีเจตนารมณ์สำคัญที่จะสนับสนุนและส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความเข้มแข็ง รัฐบาลก็ควรใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญในการกระจายเงินลงไปสู่หมู่บ้าน เพราะว่า 1. เป็นการสนองเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 2.มีขั้นตอนที่จะตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสม และ 3. เป็นการส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความแข็งแรงขึ้นอย่างแท้จริง โดยนายบัญญัติเปิดเผยด้วยว่าภายในวันสองวันนี้ผู้บริหารท้องถิ่นจะมีการนัดพบปะพูดคุยกันเพื่อหารือในเรื่องดังกล่าวนี้ด้วย ซึ่งรัฐบาลต้องใจกว้างพอที่จะรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง เพื่อนำไปพิจารณา ไม่ใช่จะมายืนยันกระต่ายขาเดียวตลอดว่า มิเช่นนั้นก็จะกลายเป็นรัฐบาลเผด็จการไป
‘ผมคิดว่าทำไมรัฐบาลไม่ใช้ช่องทางที่ว่านี้ ในเวลาที่แล้วมา รัฐบาลอาจจะพูดถึงความจำกัด จำเขี่ยของงบประมาณ จึงไม่สามารถจะจัดสรรงบประมาณได้เพิ่มเติมมากขึ้น แต่วันนี้รัฐบาลมีงบประมาณมากมาย จนท่านนายกฯเดินสายแจกงบได้ 3 วัน 6-7 พันล้าน แล้วยังจะจัดตรงลงไปหมู่บ้านอีก ในขณะที่กองทุนหมู่บ้านเดิมก็มีกันอยู่แล้ว จึงตั้งข้อสังเกตว่าทำไมไม่ใช้ช่องทางขององค์กรปกครองท้องถิ่นที่มีอยู่ ทำอย่างนี้จะเป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่เห็นด้วยกับนโยบายกระจายอำนาจใช่หรือไม่ ผมคิดว่าตรงนี้ต่างหากเป็นข้อสังเกตใหญ่ ‘ นายบัญญัติกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่านโยบายนี้จะทำให้พรรคการเมืองอื่นเสียเปรียบหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เวลานี้คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าทุกพรรคเสียเปรียบรัฐบาลอยู่แล้ว เพราะรัฐบาลมีทั้งอำนาจรัฐ และอำนาจเงินอยู่ในมือ รวมทั้งได้ยึดครองสื่อภาครัฐไว้แล้ว แต่อย่างไรก็ตามตนยังมีความเชื่อมั่นในประชาชนว่าจะสามารถรับรู้ และมีเหตุผล พิจารณาได้ว่าอะไรผิดอะไรถูก และนักประชาธิปไตยต้องเชื่อมั่นในแนวคิดที่ว่า อะไรที่ไม่ถูกต้องมักจะไม่จีรังยั่งยืน หรือไม่สามารถดำรงอยู่ได้ตลอดไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคไทยรักไทยให้พรรคประชาธิปัตย์ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบหากเห็นว่านโยบาย SML ผิดกฎหมายเลือกตั้งว่า คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปยื่นเรื่องกับ กกต. เพราะขณะนี้เห็นว่าได้มีกรรมการ กกต.บางคนออกมารับรองความถูกต้องให้นโยบายดังกล่าวแล้ว ‘ที่จะไปยื่นให้ กกต.พิจารณาอย่างที่พรรคไทยรักไทยออกมาท้าทายทั้งหัวหน้าพรรคและลูกพรรคคงไม่ทำแล้ว เพราะเมื่อ กกต.บางท่านออกมายืนยันกันแล้ว เราก็พอจะมองเห็นได้ชัดเจนว่าท้ายสุดมติในเรื่องนี้เป็นอย่างไร’ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายบัญญัติกล่าวว่า ในเมื่อรัฐธรรมนูญ มีเจตนารมณ์สำคัญที่จะสนับสนุนและส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความเข้มแข็ง รัฐบาลก็ควรใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญในการกระจายเงินลงไปสู่หมู่บ้าน เพราะว่า 1. เป็นการสนองเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 2.มีขั้นตอนที่จะตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสม และ 3. เป็นการส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความแข็งแรงขึ้นอย่างแท้จริง โดยนายบัญญัติเปิดเผยด้วยว่าภายในวันสองวันนี้ผู้บริหารท้องถิ่นจะมีการนัดพบปะพูดคุยกันเพื่อหารือในเรื่องดังกล่าวนี้ด้วย ซึ่งรัฐบาลต้องใจกว้างพอที่จะรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง เพื่อนำไปพิจารณา ไม่ใช่จะมายืนยันกระต่ายขาเดียวตลอดว่า มิเช่นนั้นก็จะกลายเป็นรัฐบาลเผด็จการไป
‘ผมคิดว่าทำไมรัฐบาลไม่ใช้ช่องทางที่ว่านี้ ในเวลาที่แล้วมา รัฐบาลอาจจะพูดถึงความจำกัด จำเขี่ยของงบประมาณ จึงไม่สามารถจะจัดสรรงบประมาณได้เพิ่มเติมมากขึ้น แต่วันนี้รัฐบาลมีงบประมาณมากมาย จนท่านนายกฯเดินสายแจกงบได้ 3 วัน 6-7 พันล้าน แล้วยังจะจัดตรงลงไปหมู่บ้านอีก ในขณะที่กองทุนหมู่บ้านเดิมก็มีกันอยู่แล้ว จึงตั้งข้อสังเกตว่าทำไมไม่ใช้ช่องทางขององค์กรปกครองท้องถิ่นที่มีอยู่ ทำอย่างนี้จะเป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่เห็นด้วยกับนโยบายกระจายอำนาจใช่หรือไม่ ผมคิดว่าตรงนี้ต่างหากเป็นข้อสังเกตใหญ่ ‘ นายบัญญัติกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่านโยบายนี้จะทำให้พรรคการเมืองอื่นเสียเปรียบหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เวลานี้คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าทุกพรรคเสียเปรียบรัฐบาลอยู่แล้ว เพราะรัฐบาลมีทั้งอำนาจรัฐ และอำนาจเงินอยู่ในมือ รวมทั้งได้ยึดครองสื่อภาครัฐไว้แล้ว แต่อย่างไรก็ตามตนยังมีความเชื่อมั่นในประชาชนว่าจะสามารถรับรู้ และมีเหตุผล พิจารณาได้ว่าอะไรผิดอะไรถูก และนักประชาธิปไตยต้องเชื่อมั่นในแนวคิดที่ว่า อะไรที่ไม่ถูกต้องมักจะไม่จีรังยั่งยืน หรือไม่สามารถดำรงอยู่ได้ตลอดไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-