‘โฆษกพรรคประชาธิปัตย์’ ระบุ รัฐบาลทำงานลุแก่อำนาจ พร้อมเรียกร้องให้ยุติการดำเนินการใดๆที่ใช้อำนาจหรือความไม่ชอบธรรมในการบุกค้นตามอำเภอใจ โดยไม่มีเหตุอันสมควร
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีมีบุคคลกลุ่มหนึ่งบุกเข้าค้นบ้านเช่าซึ่งตั้งเป็นสำนักงานชั่วคราวของนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ที่เป็นอาสาสมัครทำงานวิจัยของกรรมการสิทธิมนุษยชนว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นอีกกรณีหนึ่งที่ชี้ให้เห็นถึงการทำงานที่ลุแก่อำนาจ เป็นการใช้อำนาจรัฐโดยไม่ถูกต้อง ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวนี้ถือเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้หลายครั้ง ถึงแม้ว่าการตรวจค้นในครั้งนี้จะยังไม่ยืนยันว่าเป็นการสั่งการจากภาครัฐโดยตรง แต่การจะเข้าตรวจค้นได้นั้นก็ต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทหาร ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการดำเนินการใดๆที่ใช้อำนาจหรือความไม่ชอบธรรมในลักษณะนี้ โดยไม่มีเหตุอันสมควรอีกต่อไป
‘ผมคิดว่าทางราชการจะเข้าไปตรวจค้นที่ไหนได้ก็ต่อเมื่อพบว่ามีการกระทำความผิด ซึ่งการตรวจค้นตามหลักก็ต้องมีหมายศาล อยู่ดีๆเจ้าหน้าที่คงไม่สามารถที่จะเข้าไปตรวจค้นเคหะสถาน อาคาร หรือบ้านเรือนของประชาชนคนใดคนหนึ่งได้อย่างตามอำเภอใจ ถ้าเจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างนั้นเท่ากับเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ เป็นการใช้อำนาจที่ผิดกฎหมาย’ นายองอาจกล่าว
นายองอาจกล่าวว่า ถึงแม้ว่านักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์จะไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่ากลุ่มบุคคลที่เข้าค้นในครั้งนี้มาจากหน่วยงานใด แต่เชื่อว่านักศึกษาน่าจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลในการตรวจสอบหาตัวกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ‘ อยากให้รัฐบาลเอาจริงเอาจังในการค้นหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ว่าใครคือผู้ที่เข้าไปดำเนินการในเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้นอีกในบ้านเมืองของเรา ’ นายองอาจกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีเจ้าหน้าที่บอกว่าการตรวจค้นดังกล่าวเป็นการตรวจค้นตามกฎอัยการศึก โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต้องดูด้วยว่ากฎอัยการศึกมีเหตุผลเพียงพอที่จะใช้ได้หรือไม่ ไม่ใช่เพียงแค่อ้างกฎอัยการศึกแล้วจะเข้าไปค้นบ้านใครก็ได้ ซึ่งหากผู้บริหารระดับสูงของประเทศยืนยันเช่นนั้นก็แสดงว่าผู้ที่เข้าไปตรวจค้นเป็นเจ้าหน้าที่ของบ้านเมือง ดังนั้นทางรัฐบาลยิ่งต้องออกมาชี้แจงว่ามีเหตุอะไรที่บ่งบอกว่านักศึกษาเหล่านั้นกระทำความผิด เพียงพอที่จะใช้อำนาจของกฎอัยการศึกเข้าไปดำเนินการได้
ต่อข้อถามว่าประธานกลุ่มเบอร์ซาตูเสนอให้รัฐบาลยกเลิกการเอาผิดครูสอนศาสนาในพื้นที่ภาคใต้หลังจากที่รัฐบาลไปเจรจากับกลุ่มเบอร์ซาตูมานั้น นายองอาจกล่าวว่า ผู้ที่กระทำความผิดไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ต้องได้รับโทษตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้นรัฐบาลคงไม่สามารถละเว้นหรือยกโทษให้กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งได้ ‘การเจรจาใดๆก็ตาม ผู้เจรจาคงไม่สามารถที่จะเอาการกระทำนอกกฎหมายใดๆ ไปมอบให้กับผู้กระทำความผิดได้ การเจรจาน่าจะเป็นเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการยกเว้นการลงโทษผู้ที่กระทำผิด’ นายองอาจกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีมีบุคคลกลุ่มหนึ่งบุกเข้าค้นบ้านเช่าซึ่งตั้งเป็นสำนักงานชั่วคราวของนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ที่เป็นอาสาสมัครทำงานวิจัยของกรรมการสิทธิมนุษยชนว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นอีกกรณีหนึ่งที่ชี้ให้เห็นถึงการทำงานที่ลุแก่อำนาจ เป็นการใช้อำนาจรัฐโดยไม่ถูกต้อง ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวนี้ถือเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้หลายครั้ง ถึงแม้ว่าการตรวจค้นในครั้งนี้จะยังไม่ยืนยันว่าเป็นการสั่งการจากภาครัฐโดยตรง แต่การจะเข้าตรวจค้นได้นั้นก็ต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทหาร ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการดำเนินการใดๆที่ใช้อำนาจหรือความไม่ชอบธรรมในลักษณะนี้ โดยไม่มีเหตุอันสมควรอีกต่อไป
‘ผมคิดว่าทางราชการจะเข้าไปตรวจค้นที่ไหนได้ก็ต่อเมื่อพบว่ามีการกระทำความผิด ซึ่งการตรวจค้นตามหลักก็ต้องมีหมายศาล อยู่ดีๆเจ้าหน้าที่คงไม่สามารถที่จะเข้าไปตรวจค้นเคหะสถาน อาคาร หรือบ้านเรือนของประชาชนคนใดคนหนึ่งได้อย่างตามอำเภอใจ ถ้าเจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างนั้นเท่ากับเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ เป็นการใช้อำนาจที่ผิดกฎหมาย’ นายองอาจกล่าว
นายองอาจกล่าวว่า ถึงแม้ว่านักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์จะไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่ากลุ่มบุคคลที่เข้าค้นในครั้งนี้มาจากหน่วยงานใด แต่เชื่อว่านักศึกษาน่าจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลในการตรวจสอบหาตัวกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ‘ อยากให้รัฐบาลเอาจริงเอาจังในการค้นหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ว่าใครคือผู้ที่เข้าไปดำเนินการในเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้นอีกในบ้านเมืองของเรา ’ นายองอาจกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีเจ้าหน้าที่บอกว่าการตรวจค้นดังกล่าวเป็นการตรวจค้นตามกฎอัยการศึก โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต้องดูด้วยว่ากฎอัยการศึกมีเหตุผลเพียงพอที่จะใช้ได้หรือไม่ ไม่ใช่เพียงแค่อ้างกฎอัยการศึกแล้วจะเข้าไปค้นบ้านใครก็ได้ ซึ่งหากผู้บริหารระดับสูงของประเทศยืนยันเช่นนั้นก็แสดงว่าผู้ที่เข้าไปตรวจค้นเป็นเจ้าหน้าที่ของบ้านเมือง ดังนั้นทางรัฐบาลยิ่งต้องออกมาชี้แจงว่ามีเหตุอะไรที่บ่งบอกว่านักศึกษาเหล่านั้นกระทำความผิด เพียงพอที่จะใช้อำนาจของกฎอัยการศึกเข้าไปดำเนินการได้
ต่อข้อถามว่าประธานกลุ่มเบอร์ซาตูเสนอให้รัฐบาลยกเลิกการเอาผิดครูสอนศาสนาในพื้นที่ภาคใต้หลังจากที่รัฐบาลไปเจรจากับกลุ่มเบอร์ซาตูมานั้น นายองอาจกล่าวว่า ผู้ที่กระทำความผิดไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ต้องได้รับโทษตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้นรัฐบาลคงไม่สามารถละเว้นหรือยกโทษให้กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งได้ ‘การเจรจาใดๆก็ตาม ผู้เจรจาคงไม่สามารถที่จะเอาการกระทำนอกกฎหมายใดๆ ไปมอบให้กับผู้กระทำความผิดได้ การเจรจาน่าจะเป็นเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการยกเว้นการลงโทษผู้ที่กระทำผิด’ นายองอาจกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-