สินค้า SME ประเภทงานฝีมือโดยนายสมชาย น้อยจินดา ที่สร้างสรรค์งานเป่าแก้วหลายชนิดที่มีความละเอียดและวิจิตรสวยงาม อวดฝีมือและความสามารถให้ชาวโลกได้รับรู้ โดยเฉพาะ "เรือสุพรรณหงษ์แก้วเป่า" หนึ่งในผลงานที่ได้รับเกียรติให้เป็นสินค้าโอท็อประดับ 5 ดาวในปี 2546 ซึ่งเป็นเครื่องการันตีถึงคุณภาพ และพร้อมที่จะก้าวเป็นสินค้าส่งออกต่อไปในอนาคตของกลุ่มแก้วเป่าประยุกต์ศิลปไทย
ก่อนที่คุณสมชายจะหันมาเอาดีทางด้านธุรกิจแก้วเป่า เป็นเพียงพนักงานในบริษัทเอกชน แต่ทำอยู่ได้ไม่นานก็ต้องออกจากงานเพราะสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ ต้องหันมาขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างเลี้ยงชีพ จนกระทั่งเห็นคนทำแก้วเป่าขาย ทำให้คุณสมชายเกิดความคิดที่จะทำแก้วเป่าบ้าง จึงพยายามไปดูและจดจำวิธีการทำแก้วเป่ามา โดยพยายามฝึกฝนเป่าแก้วด้วยตัวเองอยู่หลายปี ผนวกกับการที่มีหัวทางด้านออกแบบ และได้ไปศึกษาวิธีการเป่าแก้วเพิ่มเติมที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร พร้อมทั้งได้คำแนะนำดีๆ จากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน ในการเพิ่มเทคนิคในส่วนของการติดไฟเข้าไปเพื่อทำให้ชิ้นงานดูสวยและโดดเด่นยิ่งขึ้น ซึ่งตอนนี้คุณสมชายได้ก่อตั้งกลุ่มแก้วเป่าประยุกต์ศิลปไทย โดยสร้างสรรค์งานแก้วเป่ากว่า 20 แบบ อาทิ เครื่องแก้วเป่าชุดพระราม-ทศกัณฐ์, ชุดศิลปะท้องนา, ชุดการละเล่นเด็กไทย, ชุดพระพุทธรูปประจำวันทั้ง 7 ปรางค์ , ชุดช้างเผือกทอง และถ้วยรางวัลต่างๆ ได้อย่างสวยงาม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศิลปะวัฒนธรรมไทยที่ผสมผสานออกมาเป็นชิ้นงานได้อย่างกลมกลืน นอกจากนี้ยังมีบริการแกะชื่อ,โลโก้ของบริษัทที่สั่งซื้อผลิตภัณฑ์จากทางกลุ่มเอาไว้เป็นของที่ระลึกอีกด้วย
งานแก้วเป่าเป็นงานที่ต้องอาศัยฝีมือและความละเอียดสูง ฉะนั้นวัตถุดิบที่ใช้จึงเน้นวัตถุดิบชั้นดี โดยแก้วที่ใช้ทำต้องสั่งมาจากต่างประเทศ โดยหลังจากผ่านความร้อนและดัดแปลงเป็นรูปแบบต่างๆ แล้ว เนื้อแก้วของชิ้นงานจะยังคงความใสและแข็งตัวตามแบบที่ดัดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งวัตถุดิบดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังผลิตไม่ได้ แต่สามารถซื้อวัตถุดิบนี้ได้ตามร้านเคมีภัณฑ์ที่ขายอุปกรณ์การแพทย์ทั่วไป
ธุรกิจของคุณสมชายเพิ่งได้รับความนิยมจากการประชุมเอเปค 2004 ที่ผ่านมา โดยคุณสมชายได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการตลาดแก้วเป่าว่า การตลาดแก้วเป่ามีการแข่งขันกันในระดับปานกลาง คู่แข่งสำคัญคือโรงงานอุตสาหกรรมที่ผลิตแก้วเป่าซึ่งขายในราคาที่ถูกกว่ามาก อย่างไรก็ตามสินค้าของคุณสมชายมีคุณภาพและความละเอียดมากกว่า เพราะเป็นงานฝีมือล้วนๆ และมีเพียงชิ้นเดียวในโลก ไม่เหมือนกับของที่ผลิตจากโรงงานทั่วไป หลายครั้งทางโรงงานส่งคนมาดูงานจากคุณสมชายและพยายามลอกเลียนแบบสินค้า อย่างไรก็ตามคุณภาพหรือมาตรฐานยังคงสู้สินค้าของคุณสมชายไม่ได้ สำหรับเรื่องการจดสิทธิบัตร คุณสมชายให้ความเห็นว่าไม่มีความจำเป็นเพราะสินค้าได้เข้าโครงการโอท็อปอยู่แล้ว และถ้าหากถูกแอบอ้างสิทธิ์ คุณสมชายสามารถขอหลักฐานยืนยันจากโครงการโอท็อปได้ว่าคุณสมชายเป็นผู้ทำเป็นเจ้าแรกและมีสิทธิในการเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์แก้วเป่า ปัจจุบันคุณสมชายได้จดสิทธิบัตรในส่วนของบรรจุภัณฑ์สินค้า เพราะบรรจุภัณฑ์สินค้าที่ทำนั้นไม่ได้เข้าโครงการโอท็อป อีกทั้งยังต้องอาศัยหยาดเหงื่อและความคิดในการสร้างสรรค์ตัวบรรจุภัณฑ์แต่ละแบบขึ้นมา ฉะนั้นการจดสิทธิบัตรของบรรจุภัณฑ์สินค้าจึงทำเพื่อป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในอนาคต ซึ่งตอนนี้ยังไม่พบว่ามีใครละเมิดสิทธิ์
สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปี 2547 นี้ การออกแบบและผลิตสินค้าแก้วเป่ายังคงเน้นความเป็นศิลปวัฒนธรรมไทยเหมือนเดิม ในส่วนของตลาดในประเทศจะเน้นตลาดเชิงรุก โดยมีการออกงานแสดงสินค้าตามงานใหญ่ๆ ที่รัฐบาลหรือเอกชนเป็นผู้จัด สำหรับช่องทางการตลาดอื่นๆ จะมีการนำสินค้าเข้าไปวางตามแหล่งท่องเที่ยว สนามบิน หรือตามบริษัททัวร์ต่างๆ ที่มีนักท่องเที่ยวเข้าออกอยู่เป็นประจำ ในส่วนของตลาดต่างประเทศทางกลุ่มแก้วเป่าประยุกต์ศิลปไทยพยายามติดต่อกระทรวงพาณิชย์เพื่อให้เปิดช่องทางและสนับสนุนให้กลุ่มแก้วเป่าได้ออกงานแสดงสินค้าในตลาดต่างประเทศ เพื่อให้สินค้าเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง ส่วนด้านการเงิน การลงทุน เนื่องจากทางกลุ่มต้องมีการออกแบบและทำบรรจุภัณฑ์สินค้าเกือบ 20 แบบ ซึ่งเป็นต้นทุนที่ค่อนข้างสูง ทางกลุ่มจึงพยายามหาเงินทุนกู้ยืมสินเชื่อโครงการต่างๆ ที่ให้บริการแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี นอกจากนี้ทางกลุ่มได้จัดทำเว็บไซต์เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ โดยสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ที่ (www.thai.net/silpskaeo) ซึ่งจะทำให้ทั่วโลกได้รู้จักผลิตภัณฑ์แก้วเป่ามากยิ่งขึ้น
ด้านการออกงานแสดงสินค้าทางกลุ่มได้รับความช่วยเหลือจากกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงวัฒนธรรมในการหาตลาดให้ในนามของสินค้าโอท็อป ทำให้สินค้ามียอดจำหน่ายสูง และรู้จักกันแพร่หลายมากขึ้น โดยในปีนี้ทางกลุ่มต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐ 3 เรื่องด้วยกันคือ 1)การจัดฝึกอบรมการออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้ทางกลุ่มสามารถออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ได้เอง เพราะปัจจุบันทางกลุ่มต้องจ้างโรงงานผลิตและมีราคาค่อนข้างสูงมาก 2)การสนับสนุนเงินทุนในการทำบรรจุภัณฑ์ 3)การสนับสนุนให้ทางกลุ่มสามารถออกงานแสดงสินค้าเพื่อแนะนำสินค้าทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น
กลุ่มแก้วเป่าประยุกต์ศิลปไทยมีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ โดยจะแบ่งกลุ่มเพื่อให้การทำงานไม่ทับซ้อนกัน อาทิ กลุ่มเครื่องแก้ว กลุ่มออกแบบบรรจุภัณฑ์ เช่น กระจกกรอปรูป เป็นต้น กลุ่มการใช้สีสัน กลุ่มแกะลายกระจก และกลุ่มระบบไฟ โดยมีการปรึกษาหารือกับสมาชิกในกลุ่มกว่า 30 คน ถึงสินค้าที่ผลิตต้องมีคุณภาพได้มาตรฐาน ช่างฝีมือที่ใช้ในการทำแก้วเป่า หากเป็นคนที่เคยทำอยู่แล้ว การสอนงานจะง่ายและเข้าใจเร็ว แต่ถ้าเป็นคนใหม่ๆ ต้องใช้ระยะเวลาสอนประมาณ 1 ปีถึงจะผลิตงานออกมาได้อย่างมีคุณภาพและตรงกับมาตรฐานที่ทางกลุ่มกำหนด
สำหรับความเสี่ยงของตลาดแก้วเป่านั้นมักจะอยู่ในช่วงหมดเทศกาลท่องเที่ยว ซึ่งยอดจำหน่ายจะตกลงเกือบเท่าตัว ดังนั้นนอกฤดูกาลท่องเที่ยวจึงเป็นช่วงที่ทางกลุ่มจะต้องเร่งผลิตสินค้าให้ทันกับช่วงหน้าเทศกาลท่องเที่ยวที่จะมาถึงในช่วงปลายปี
ท้ายสุด คุณสมชายฝากข้อคิดกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี หรือผู้ที่กำลังสนใจที่จะมีธุรกิจเป็นของตนเองว่า ก่อนจะประกอบธุรกิจอะไร จะต้องมีความคิดและเห็นจุดเด่นของตัวผลิตภัณฑ์ เพื่อเป็นการสร้างเอกลักษณ์ให้กับตัวสินค้า และผลิตงานที่มีคุณภาพและมีมาตรฐาน พร้อมทั้งมองหาโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ และพร้อมที่จะเสี่ยงต่อการลงทุน ที่สำคัญการมีบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามจะส่งผลให้สินค้าที่ผลิตสามารถสร้างจุดขายได้อีกทางหนึ่ง ความภาคภูมิใจของคุณสมชายนอกเหนือจากการได้ทำงานเป่าแก้วที่ชอบแล้ว คุณสมชายยังภูมิใจที่สามารถสร้างงานสร้างเงินให้กับชุมชนท้องถิ่น นำรายได้เข้าสู่ประเทศ และได้สร้างชื่อเสียงด้านคุณภาพสินค้าไทยให้ต่างชาติยอมรับ
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-
ก่อนที่คุณสมชายจะหันมาเอาดีทางด้านธุรกิจแก้วเป่า เป็นเพียงพนักงานในบริษัทเอกชน แต่ทำอยู่ได้ไม่นานก็ต้องออกจากงานเพราะสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ ต้องหันมาขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างเลี้ยงชีพ จนกระทั่งเห็นคนทำแก้วเป่าขาย ทำให้คุณสมชายเกิดความคิดที่จะทำแก้วเป่าบ้าง จึงพยายามไปดูและจดจำวิธีการทำแก้วเป่ามา โดยพยายามฝึกฝนเป่าแก้วด้วยตัวเองอยู่หลายปี ผนวกกับการที่มีหัวทางด้านออกแบบ และได้ไปศึกษาวิธีการเป่าแก้วเพิ่มเติมที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร พร้อมทั้งได้คำแนะนำดีๆ จากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน ในการเพิ่มเทคนิคในส่วนของการติดไฟเข้าไปเพื่อทำให้ชิ้นงานดูสวยและโดดเด่นยิ่งขึ้น ซึ่งตอนนี้คุณสมชายได้ก่อตั้งกลุ่มแก้วเป่าประยุกต์ศิลปไทย โดยสร้างสรรค์งานแก้วเป่ากว่า 20 แบบ อาทิ เครื่องแก้วเป่าชุดพระราม-ทศกัณฐ์, ชุดศิลปะท้องนา, ชุดการละเล่นเด็กไทย, ชุดพระพุทธรูปประจำวันทั้ง 7 ปรางค์ , ชุดช้างเผือกทอง และถ้วยรางวัลต่างๆ ได้อย่างสวยงาม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศิลปะวัฒนธรรมไทยที่ผสมผสานออกมาเป็นชิ้นงานได้อย่างกลมกลืน นอกจากนี้ยังมีบริการแกะชื่อ,โลโก้ของบริษัทที่สั่งซื้อผลิตภัณฑ์จากทางกลุ่มเอาไว้เป็นของที่ระลึกอีกด้วย
งานแก้วเป่าเป็นงานที่ต้องอาศัยฝีมือและความละเอียดสูง ฉะนั้นวัตถุดิบที่ใช้จึงเน้นวัตถุดิบชั้นดี โดยแก้วที่ใช้ทำต้องสั่งมาจากต่างประเทศ โดยหลังจากผ่านความร้อนและดัดแปลงเป็นรูปแบบต่างๆ แล้ว เนื้อแก้วของชิ้นงานจะยังคงความใสและแข็งตัวตามแบบที่ดัดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งวัตถุดิบดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังผลิตไม่ได้ แต่สามารถซื้อวัตถุดิบนี้ได้ตามร้านเคมีภัณฑ์ที่ขายอุปกรณ์การแพทย์ทั่วไป
ธุรกิจของคุณสมชายเพิ่งได้รับความนิยมจากการประชุมเอเปค 2004 ที่ผ่านมา โดยคุณสมชายได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการตลาดแก้วเป่าว่า การตลาดแก้วเป่ามีการแข่งขันกันในระดับปานกลาง คู่แข่งสำคัญคือโรงงานอุตสาหกรรมที่ผลิตแก้วเป่าซึ่งขายในราคาที่ถูกกว่ามาก อย่างไรก็ตามสินค้าของคุณสมชายมีคุณภาพและความละเอียดมากกว่า เพราะเป็นงานฝีมือล้วนๆ และมีเพียงชิ้นเดียวในโลก ไม่เหมือนกับของที่ผลิตจากโรงงานทั่วไป หลายครั้งทางโรงงานส่งคนมาดูงานจากคุณสมชายและพยายามลอกเลียนแบบสินค้า อย่างไรก็ตามคุณภาพหรือมาตรฐานยังคงสู้สินค้าของคุณสมชายไม่ได้ สำหรับเรื่องการจดสิทธิบัตร คุณสมชายให้ความเห็นว่าไม่มีความจำเป็นเพราะสินค้าได้เข้าโครงการโอท็อปอยู่แล้ว และถ้าหากถูกแอบอ้างสิทธิ์ คุณสมชายสามารถขอหลักฐานยืนยันจากโครงการโอท็อปได้ว่าคุณสมชายเป็นผู้ทำเป็นเจ้าแรกและมีสิทธิในการเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์แก้วเป่า ปัจจุบันคุณสมชายได้จดสิทธิบัตรในส่วนของบรรจุภัณฑ์สินค้า เพราะบรรจุภัณฑ์สินค้าที่ทำนั้นไม่ได้เข้าโครงการโอท็อป อีกทั้งยังต้องอาศัยหยาดเหงื่อและความคิดในการสร้างสรรค์ตัวบรรจุภัณฑ์แต่ละแบบขึ้นมา ฉะนั้นการจดสิทธิบัตรของบรรจุภัณฑ์สินค้าจึงทำเพื่อป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในอนาคต ซึ่งตอนนี้ยังไม่พบว่ามีใครละเมิดสิทธิ์
สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปี 2547 นี้ การออกแบบและผลิตสินค้าแก้วเป่ายังคงเน้นความเป็นศิลปวัฒนธรรมไทยเหมือนเดิม ในส่วนของตลาดในประเทศจะเน้นตลาดเชิงรุก โดยมีการออกงานแสดงสินค้าตามงานใหญ่ๆ ที่รัฐบาลหรือเอกชนเป็นผู้จัด สำหรับช่องทางการตลาดอื่นๆ จะมีการนำสินค้าเข้าไปวางตามแหล่งท่องเที่ยว สนามบิน หรือตามบริษัททัวร์ต่างๆ ที่มีนักท่องเที่ยวเข้าออกอยู่เป็นประจำ ในส่วนของตลาดต่างประเทศทางกลุ่มแก้วเป่าประยุกต์ศิลปไทยพยายามติดต่อกระทรวงพาณิชย์เพื่อให้เปิดช่องทางและสนับสนุนให้กลุ่มแก้วเป่าได้ออกงานแสดงสินค้าในตลาดต่างประเทศ เพื่อให้สินค้าเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง ส่วนด้านการเงิน การลงทุน เนื่องจากทางกลุ่มต้องมีการออกแบบและทำบรรจุภัณฑ์สินค้าเกือบ 20 แบบ ซึ่งเป็นต้นทุนที่ค่อนข้างสูง ทางกลุ่มจึงพยายามหาเงินทุนกู้ยืมสินเชื่อโครงการต่างๆ ที่ให้บริการแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี นอกจากนี้ทางกลุ่มได้จัดทำเว็บไซต์เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ โดยสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ที่ (www.thai.net/silpskaeo) ซึ่งจะทำให้ทั่วโลกได้รู้จักผลิตภัณฑ์แก้วเป่ามากยิ่งขึ้น
ด้านการออกงานแสดงสินค้าทางกลุ่มได้รับความช่วยเหลือจากกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงวัฒนธรรมในการหาตลาดให้ในนามของสินค้าโอท็อป ทำให้สินค้ามียอดจำหน่ายสูง และรู้จักกันแพร่หลายมากขึ้น โดยในปีนี้ทางกลุ่มต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐ 3 เรื่องด้วยกันคือ 1)การจัดฝึกอบรมการออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้ทางกลุ่มสามารถออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ได้เอง เพราะปัจจุบันทางกลุ่มต้องจ้างโรงงานผลิตและมีราคาค่อนข้างสูงมาก 2)การสนับสนุนเงินทุนในการทำบรรจุภัณฑ์ 3)การสนับสนุนให้ทางกลุ่มสามารถออกงานแสดงสินค้าเพื่อแนะนำสินค้าทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น
กลุ่มแก้วเป่าประยุกต์ศิลปไทยมีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ โดยจะแบ่งกลุ่มเพื่อให้การทำงานไม่ทับซ้อนกัน อาทิ กลุ่มเครื่องแก้ว กลุ่มออกแบบบรรจุภัณฑ์ เช่น กระจกกรอปรูป เป็นต้น กลุ่มการใช้สีสัน กลุ่มแกะลายกระจก และกลุ่มระบบไฟ โดยมีการปรึกษาหารือกับสมาชิกในกลุ่มกว่า 30 คน ถึงสินค้าที่ผลิตต้องมีคุณภาพได้มาตรฐาน ช่างฝีมือที่ใช้ในการทำแก้วเป่า หากเป็นคนที่เคยทำอยู่แล้ว การสอนงานจะง่ายและเข้าใจเร็ว แต่ถ้าเป็นคนใหม่ๆ ต้องใช้ระยะเวลาสอนประมาณ 1 ปีถึงจะผลิตงานออกมาได้อย่างมีคุณภาพและตรงกับมาตรฐานที่ทางกลุ่มกำหนด
สำหรับความเสี่ยงของตลาดแก้วเป่านั้นมักจะอยู่ในช่วงหมดเทศกาลท่องเที่ยว ซึ่งยอดจำหน่ายจะตกลงเกือบเท่าตัว ดังนั้นนอกฤดูกาลท่องเที่ยวจึงเป็นช่วงที่ทางกลุ่มจะต้องเร่งผลิตสินค้าให้ทันกับช่วงหน้าเทศกาลท่องเที่ยวที่จะมาถึงในช่วงปลายปี
ท้ายสุด คุณสมชายฝากข้อคิดกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี หรือผู้ที่กำลังสนใจที่จะมีธุรกิจเป็นของตนเองว่า ก่อนจะประกอบธุรกิจอะไร จะต้องมีความคิดและเห็นจุดเด่นของตัวผลิตภัณฑ์ เพื่อเป็นการสร้างเอกลักษณ์ให้กับตัวสินค้า และผลิตงานที่มีคุณภาพและมีมาตรฐาน พร้อมทั้งมองหาโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ และพร้อมที่จะเสี่ยงต่อการลงทุน ที่สำคัญการมีบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามจะส่งผลให้สินค้าที่ผลิตสามารถสร้างจุดขายได้อีกทางหนึ่ง ความภาคภูมิใจของคุณสมชายนอกเหนือจากการได้ทำงานเป่าแก้วที่ชอบแล้ว คุณสมชายยังภูมิใจที่สามารถสร้างงานสร้างเงินให้กับชุมชนท้องถิ่น นำรายได้เข้าสู่ประเทศ และได้สร้างชื่อเสียงด้านคุณภาพสินค้าไทยให้ต่างชาติยอมรับ
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-