ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ยอดการปล่อยสินเชื่อของ ธ.พาณิชย์เดือน ม.ค.48 ลดลง แต่เงินฝากเพิ่มขึ้น บริษัท ศูนย์วิจัย
กสิกรไทย จก. เปิดเผยถึงข้อมูลสินเชื่อเงินฝากและสินทรัพย์ ธ.พาณิชย์ 12 แห่ง ประจำเดือน ม.ค.48 ว่า
สภาพคล่องโดยรวมปรับเพิ่มขึ้นจากปลายปีก่อนเล็กน้อยหลังจากสินเชื่อในระบบลดลง โดย ณ วันที่ 31 ม.ค.48 มี
สินเชื่อทั้งสิ้น 4.23 ล้านล้านบาท ลดลงจากสิ้นเดือน ธ.ค.47 จำนวน 15,644 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.37
โดยเฉพาะสินเชื่อธนาคารขนาดใหญ่ลดลง 21,313 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.78 แต่สินเชื่อของธนาคารขนาดกลาง
และขนาดเล็กมีปริมาณเพิ่มขึ้น 2,611 ล้านบาท และ 3,059 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนยอดเงินฝากเพิ่มขึ้นโดยมี
เงินฝากทั้งสิ้น 5.35 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปลายปีก่อน 52,780 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.99 โดยเฉพาะ
ธนาคารใหญ่ 4 แห่ง มีเงินฝากเพิ่มขึ้น 40,334 ล้านบาท (เดลินิวส์)
2. ยอดเช็คคืนเพราะไม่มีเงินเดือน ม.ค.48 มีมูลค่ารวมกว่าหมื่นล้านบาท ธปท. เปิดเผยปริมาณ
การใช้เช็ค ณ สิ้นเดือน ม.ค.48 มีจำนวน 7.17 ล้านฉบับ มูลค่า 2.11 ล้านล้านบาท โดยมียอดเช็คคืนทั้งสิ้น
1.74 แสนฉบับ มูลค่า 1.96 หมื่นล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นเช็คคืนเพราะไม่มีเงิน 1.13 แสนฉบับ มูลค่า 1.02
หมื่นล้านบาท ถือเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดของยอดเช็คคืน ทั้งนี้ เช็คเรียกเก็บในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีเช็คคืนเพราะไม่มีเงิน 7.44 หมื่นฉบับ มูลค่า 7,840 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 และมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.3
จากระยะเดียวกันของปีก่อน ส่วนในเขตภูมิภาคมีปริมาณเช็คคืนเพราะไม่มีเงิน 2.04 หมื่นฉบับ มูลค่า 1,420
ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 และมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่เช็คเรียกเก็บ
ข้ามเขตสำนักบัญชีมีเช็คคืนเพราะไม่มีเงิน 1.76 หมื่นฉบับ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 และมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 12
จากระยะเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสาเหตุที่ปริมาณเช็คคืนเพราะไม่มีเงินเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้เป็นผลจากการ
แก้ไขคดีเช็คให้ฟ้องร้องทางแพ่งเพียงเดียว จากเดิมที่สามารถฟ้องร้องได้ทั้งทางแพ่งและทางอาญา แต่มาจากการ
ใช้เช็คเพื่อค้ำประกันสินเชื่อนอกระบบ ส่วนการใช้เช็คเพื่อการค้ามักไม่มีปัญหา (โพสต์ทูเดย์)
3. ครม. อนุมัติปรับปรุงหลักเกณฑ์การขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ แหล่งข่าวจากทำเนียบ
รัฐบาล เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่ ก.คลังเสนอให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการขอรับ
ใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ให้แก่บริษัทที่รับโอนสินทรัพย์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักทรัพย์จากสถาบันการ
เงิน เพื่อรองรับแผนแม่บทสถาบันการเงินที่กำหนดให้สถาบันการเงินไทยเหลือเพียง 2 รูปแบบ คือ ธ.พาณิชย์เต็ม
รูปแบบ กับ ธ.พาณิชย์รายย่อย โดยให้ บง. และ บค. ยกฐานะเป็นธนาคาร โดยต้องควบรวมกับ บง. หรือ บค. อย่างน้อยอีกหนึ่งแห่ง ทั้งนี้ ก.คลังได้เสนอรูปแบบการควบรวมกิจการไว้ 3 กรณี คือ 1) สถาบันการเงิน
ควบรวมกัน และจัดตั้งสถาบันการเงินแห่งใหม่เพื่อยกระดับเป็น ธ.พาณิชย์ 2) สถาบันการเงินโอนสินทรัพย์และ
หนี้สินให้กับสถาบันการเงินในกลุ่ม เพื่อให้สถาบันที่รับโอนยกระดับเป็น ธ.พาณิชย์ 3) สถาบันการเงินยกระดับ
เป็น ธ.พาณิชย์ โดยมีการชำระบัญชีนิติบุคคลเดิม และจัดตั้งเป็นนิติบุคคลใหม่ อนึ่ง เงื่อนไขเดิมในการขอใบ
อนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์สำหรับสถาบันการเงินที่ควบบริษัทเข้าด้วยกัน จะให้เฉพาะการควบ บล. กับ บง.
หรือ ธ.พาณิชย์ หรือเกิดจาก บล.หนึ่งซื้อกิจการของ บล.หนึ่งเท่านั้น ยังไม่ครอบคลุมแนวทางการควบรวมที่ ก.
คลังกำหนด ซึ่งการแก้ไขครั้งนี้จะทำให้การควบรวมทุกแบบสามารถยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ได้
ทันที (โพสต์ทูเดย์)
4. ไทยตั้งเป้าเพิ่มจีดีพีภาคอุตสาหกรรมเป็น 3.3 ล้านล้านบาท ภายในปี 51 นายจักรมณฑ์ ผา
สุกวนิช ปลัด ก.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่าง ผู้บริหาร ก.พาณิชย์ และ ก.
อุตสาหกรรม เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางการบริหารงานของแต่ละหน่วยงาน เพื่อลดการทำงานซ้ำซ้อนก่อนนำไป
ประกอบการจัดทำแผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม 4 ปี (2548 — 2551) ที่มีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนจีดีพีภาค
อุตสาหกรรมจาก 2.33 ล้านล้านบาท เป็น 3.3 ล้านล้านบาท ภายในปี 51 และให้สินค้าอุตสาหกรรมของไทยมีขีด
ความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าแผนงานจะแล้วเสร็จในเดือน เม.ย.นี้และจะเสนอให้
ครม. พิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ที่ผ่านมานโยบายบางเรื่องของ 2 กระทรวงมีการทำงานที่ซ้ำซ้อนกันทำให้สิ้นเปลืองงบ
ประมาณแผ่นดิน หากมีการแบ่งงานกันอย่างชัดเจนก็จะช่วยแก้ปัญหาได้ (มติชน, โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ.ในเดือน ม.ค.48 ชะลอตัวลงเล็กน้อย รายงานจากวอชิงตัน
เมื่อ 23 ก.พ.48 ก.แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคโดยรวมของ สรอ.ในเดือน ม.ค.48 เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 0.1 เนื่องจากต้นทุนพลังงานลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และหากไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงานแล้ว
ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์วอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้
ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 สำหรับดัชนีทั้ง 2 ประเภท ทั้งนี้ ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคที่ชะลอตัวช่วยให้ ธ.
กลาง สรอ. คลายความกังวลด้านเงินเฟ้อ รวมทั้งบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุม
ภาวะเงินเฟ้อของประเทศ ทั้งนี้ ความผ่อนคลายความกังวลด้านเงินเฟ้อในขณะนี้สนับสนุนให้ตลาดหุ้นของ สรอ.
(ดัชนีราคาหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์) เพิ่มขึ้นมากกว่า 62 จุด สำหรับราคาพลังงานในเดือน ม.ค.48 ลดลงร้อย
ละ 1.1 โดยเป็นการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงร้อยละ 5.2 แก๊สธรรมชาติลดลงร้อยละ 3.0 และแก๊สโซลี
นลดลงร้อยละ 2.1 อย่างไรก็ตาม ราคาพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อปีที่ผ่านมา และเมื่อเร็ว ๆ นี้ราคาน้ำมันดิบ
เริ่มกลับเพิ่มสูงขึ้นอันเป็นการคุกคามต่อราคาพลังงานในอนาคต ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ สรอ.ในวันอังคารที่ผ่านมาพุ่ง
ทะยานสูงขึ้นในรอบ 16 สัปดาห์ที่ระดับ 51.40 ดอลลาร์ สรอ. และเริ่มผ่อนคลายลงเล็กน้อยในวันพุธ (รอย
เตอร์)
2. ยูโรโซนเกินดุลการค้าในเดือนธ.ค. 5.7 พัน ล.ยูโร เพิ่มขึ้นจากที่เกินดุล 2.7 พันล.ยูโร ใน
เดือนพ.ย. รายงานจากบรัสเซลเมื่อวันที่ 22 ก.พ. 48 สำนักงานสถิติแห่งชาติของสหภาพยุโรปเปิดเผยว่า ใน
เดือนธ.ค. ยูโรโซนส่งออกเป็นมูลค่า 97.9 พันล.ยูโร ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 92.2 พันล.ยูโร ส่งผลให้เกิน
ดุลการค้าจำนวน 5.7 พันล.ยูโร เพิ่มขึ้นจากที่เกินดุลการค้า 2.7 พันล.ยูโรในเดือนพ.ย. (ตัวเลขหลังปรับฤดู
กาล) และจากผลการสำรวจนักวิเคราะห์ก่อนหน้านั้นคาดว่าในเดือนธ.ค. ยูโรโซนจะเกินดุลการค้า 3 พัน ล.ยู
โร อย่างไรก็ตามการส่งออกและการนำเข้าเริ่มชะลอตัวทำให้แน่ใจว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจในเขตดังกล่าวไม่
แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามการเกินดุลการค้าของ 12 ประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรในปี 47 อยู่ที่ระดับ 74.4 พันล.ยู
โร เพิ่มขึ้นจาก 69.7 พันล.ยูโรในปี 46 ทั้งนี้ในช่วงครึ่งแรกของปี 47 การส่งออกของยูโรโซนฟื้นตัว แต่ช่วงครึ่ง
ปีหลังการส่งออกกลับชะลอตัว เนื่องจากราคาน้ำมันสูงขึ้นและการแข็งค่าของเงินยูโรเมื่อเทียบกับเงินสกุลสำคัญ
อื่นๆ (รอยเตอร์)
3. GDP ของเยอรมนีหดตัวร้อยละ 0.2 ในไตรมาสที่ 4 ปี 47 ในขณะที่การบริโภคภาคเอกชนเพิ่ม
ขึ้นร้อยละ 0.2 รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 22 ก.พ.48 สนง.สถิติกลางของเยอรมนีรายงาน GDP ของเยอรมนี
ในไตรมาสที่ 4 ปี 47 หดตัวร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความพยายามลด
การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลทำให้การใช้จ่ายของภาครัฐลดลงร้อยละ 0.7 และความพยายามลดสินค้าคงคลัง
ทำให้การลงทุนในโรงงานและเครื่องจักรของภาคธุรกิจลดลงและมีส่วนทำให้ GDP ลดลงร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบ
กับไตรมาสก่อน ในขณะที่การใช้จ่ายของภาคเอกชนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ซึ่งนับเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ
มากกว่า 2 ปี ทำให้นักวิเคราะห์และรัฐบาลคาดว่า GDP ของเยอรมนีในไตรมาสแรกปีนี้จะขยายตัวเพิ่มขึ้น นอก
จากนี้ สนง.สถิติกลางยังรายงานการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ในไตรมาสที่ 4 ปี 47 เทียบกับไตรมาสก่อน ใน
ขณะที่การนำเข้าลดลงร้อยละ 0.2 โดย สนง.สถิติกลางของเยอรมนีคาดว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีจะขยายตัวร้อย
ละ 1.6 ในปี 47 และปรับลดประมาณการการขาดดุลงบประมาณในปี 47 ลงเหลือร้อยละ 3.7 ของ GDP จาก
ประมาณการครั้งแรกร้อยละ 3.9 ของ GDP (รอยเตอร์)
4. เดือน ม.ค.48 ญี่ปุ่นเกินดุลการค้าลดลงร้อยละ 59.9 เทียบต่อปี รายงานจากโตเกียวเมื่อ
23 ก.พ.48 ก.คลัง เปิดเผยว่า เดือน ม.ค.48 ญี่ปุ่นเกินดุลการค้าจำนวน 200.8 พัน ล.เยน (1.93 พัน ล.
ดอลลาร์ สรอ.) ลดลงเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 5 เดือน หรือลดลงร้อยละ 59.9 เทียบต่อปี ลดลงมากจากการคาด
การณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 เป็นจำนวน 507.9 พัน ล.เยน และเมื่อเทียบต่อ
เดือนยอดเกินดุลการค้าลดลงร้อยละ 9.6 นับเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ
3.2 เทียบต่อปี เป็นจำนวน 4.4126 ล้านล้านเยน (42.36 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) สาเหตุจากการส่งออกสินค้า
ประเภทผลิตภัณฑ์จากเหล็กเพิ่มขึ้น ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 เป็นจำนวน 4.2118 ล้านล้านเยน เนื่อง
จากราคาวัตถุดิบนำเข้า อาทิเช่น ถ่านหิน น้ำมัน และโลหะ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ การส่งออกไปยัง สรอ.ในเดือน
ม.ค.48 ลดลงร้อยละ 1.6 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ขณะที่การส่งออกไปยังจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4
หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7 ในเดือนก่อน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 24 ก.พ. 48 22 ก.พ. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.547 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.2963/38.5830 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875 - 2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 730.56/22.51 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,800/7,900 7,800/7,900 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 42.05 40.15 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 20.89*/15.59** 20.49/14.59** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 23 ก.พ. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 22 ก.พ. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ยอดการปล่อยสินเชื่อของ ธ.พาณิชย์เดือน ม.ค.48 ลดลง แต่เงินฝากเพิ่มขึ้น บริษัท ศูนย์วิจัย
กสิกรไทย จก. เปิดเผยถึงข้อมูลสินเชื่อเงินฝากและสินทรัพย์ ธ.พาณิชย์ 12 แห่ง ประจำเดือน ม.ค.48 ว่า
สภาพคล่องโดยรวมปรับเพิ่มขึ้นจากปลายปีก่อนเล็กน้อยหลังจากสินเชื่อในระบบลดลง โดย ณ วันที่ 31 ม.ค.48 มี
สินเชื่อทั้งสิ้น 4.23 ล้านล้านบาท ลดลงจากสิ้นเดือน ธ.ค.47 จำนวน 15,644 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.37
โดยเฉพาะสินเชื่อธนาคารขนาดใหญ่ลดลง 21,313 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.78 แต่สินเชื่อของธนาคารขนาดกลาง
และขนาดเล็กมีปริมาณเพิ่มขึ้น 2,611 ล้านบาท และ 3,059 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนยอดเงินฝากเพิ่มขึ้นโดยมี
เงินฝากทั้งสิ้น 5.35 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปลายปีก่อน 52,780 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.99 โดยเฉพาะ
ธนาคารใหญ่ 4 แห่ง มีเงินฝากเพิ่มขึ้น 40,334 ล้านบาท (เดลินิวส์)
2. ยอดเช็คคืนเพราะไม่มีเงินเดือน ม.ค.48 มีมูลค่ารวมกว่าหมื่นล้านบาท ธปท. เปิดเผยปริมาณ
การใช้เช็ค ณ สิ้นเดือน ม.ค.48 มีจำนวน 7.17 ล้านฉบับ มูลค่า 2.11 ล้านล้านบาท โดยมียอดเช็คคืนทั้งสิ้น
1.74 แสนฉบับ มูลค่า 1.96 หมื่นล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นเช็คคืนเพราะไม่มีเงิน 1.13 แสนฉบับ มูลค่า 1.02
หมื่นล้านบาท ถือเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดของยอดเช็คคืน ทั้งนี้ เช็คเรียกเก็บในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีเช็คคืนเพราะไม่มีเงิน 7.44 หมื่นฉบับ มูลค่า 7,840 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 และมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.3
จากระยะเดียวกันของปีก่อน ส่วนในเขตภูมิภาคมีปริมาณเช็คคืนเพราะไม่มีเงิน 2.04 หมื่นฉบับ มูลค่า 1,420
ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 และมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่เช็คเรียกเก็บ
ข้ามเขตสำนักบัญชีมีเช็คคืนเพราะไม่มีเงิน 1.76 หมื่นฉบับ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 และมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 12
จากระยะเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสาเหตุที่ปริมาณเช็คคืนเพราะไม่มีเงินเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้เป็นผลจากการ
แก้ไขคดีเช็คให้ฟ้องร้องทางแพ่งเพียงเดียว จากเดิมที่สามารถฟ้องร้องได้ทั้งทางแพ่งและทางอาญา แต่มาจากการ
ใช้เช็คเพื่อค้ำประกันสินเชื่อนอกระบบ ส่วนการใช้เช็คเพื่อการค้ามักไม่มีปัญหา (โพสต์ทูเดย์)
3. ครม. อนุมัติปรับปรุงหลักเกณฑ์การขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ แหล่งข่าวจากทำเนียบ
รัฐบาล เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่ ก.คลังเสนอให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการขอรับ
ใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ให้แก่บริษัทที่รับโอนสินทรัพย์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักทรัพย์จากสถาบันการ
เงิน เพื่อรองรับแผนแม่บทสถาบันการเงินที่กำหนดให้สถาบันการเงินไทยเหลือเพียง 2 รูปแบบ คือ ธ.พาณิชย์เต็ม
รูปแบบ กับ ธ.พาณิชย์รายย่อย โดยให้ บง. และ บค. ยกฐานะเป็นธนาคาร โดยต้องควบรวมกับ บง. หรือ บค. อย่างน้อยอีกหนึ่งแห่ง ทั้งนี้ ก.คลังได้เสนอรูปแบบการควบรวมกิจการไว้ 3 กรณี คือ 1) สถาบันการเงิน
ควบรวมกัน และจัดตั้งสถาบันการเงินแห่งใหม่เพื่อยกระดับเป็น ธ.พาณิชย์ 2) สถาบันการเงินโอนสินทรัพย์และ
หนี้สินให้กับสถาบันการเงินในกลุ่ม เพื่อให้สถาบันที่รับโอนยกระดับเป็น ธ.พาณิชย์ 3) สถาบันการเงินยกระดับ
เป็น ธ.พาณิชย์ โดยมีการชำระบัญชีนิติบุคคลเดิม และจัดตั้งเป็นนิติบุคคลใหม่ อนึ่ง เงื่อนไขเดิมในการขอใบ
อนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์สำหรับสถาบันการเงินที่ควบบริษัทเข้าด้วยกัน จะให้เฉพาะการควบ บล. กับ บง.
หรือ ธ.พาณิชย์ หรือเกิดจาก บล.หนึ่งซื้อกิจการของ บล.หนึ่งเท่านั้น ยังไม่ครอบคลุมแนวทางการควบรวมที่ ก.
คลังกำหนด ซึ่งการแก้ไขครั้งนี้จะทำให้การควบรวมทุกแบบสามารถยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ได้
ทันที (โพสต์ทูเดย์)
4. ไทยตั้งเป้าเพิ่มจีดีพีภาคอุตสาหกรรมเป็น 3.3 ล้านล้านบาท ภายในปี 51 นายจักรมณฑ์ ผา
สุกวนิช ปลัด ก.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่าง ผู้บริหาร ก.พาณิชย์ และ ก.
อุตสาหกรรม เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางการบริหารงานของแต่ละหน่วยงาน เพื่อลดการทำงานซ้ำซ้อนก่อนนำไป
ประกอบการจัดทำแผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม 4 ปี (2548 — 2551) ที่มีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนจีดีพีภาค
อุตสาหกรรมจาก 2.33 ล้านล้านบาท เป็น 3.3 ล้านล้านบาท ภายในปี 51 และให้สินค้าอุตสาหกรรมของไทยมีขีด
ความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าแผนงานจะแล้วเสร็จในเดือน เม.ย.นี้และจะเสนอให้
ครม. พิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ที่ผ่านมานโยบายบางเรื่องของ 2 กระทรวงมีการทำงานที่ซ้ำซ้อนกันทำให้สิ้นเปลืองงบ
ประมาณแผ่นดิน หากมีการแบ่งงานกันอย่างชัดเจนก็จะช่วยแก้ปัญหาได้ (มติชน, โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ.ในเดือน ม.ค.48 ชะลอตัวลงเล็กน้อย รายงานจากวอชิงตัน
เมื่อ 23 ก.พ.48 ก.แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคโดยรวมของ สรอ.ในเดือน ม.ค.48 เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 0.1 เนื่องจากต้นทุนพลังงานลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และหากไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงานแล้ว
ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์วอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้
ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 สำหรับดัชนีทั้ง 2 ประเภท ทั้งนี้ ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคที่ชะลอตัวช่วยให้ ธ.
กลาง สรอ. คลายความกังวลด้านเงินเฟ้อ รวมทั้งบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุม
ภาวะเงินเฟ้อของประเทศ ทั้งนี้ ความผ่อนคลายความกังวลด้านเงินเฟ้อในขณะนี้สนับสนุนให้ตลาดหุ้นของ สรอ.
(ดัชนีราคาหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์) เพิ่มขึ้นมากกว่า 62 จุด สำหรับราคาพลังงานในเดือน ม.ค.48 ลดลงร้อย
ละ 1.1 โดยเป็นการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงร้อยละ 5.2 แก๊สธรรมชาติลดลงร้อยละ 3.0 และแก๊สโซลี
นลดลงร้อยละ 2.1 อย่างไรก็ตาม ราคาพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อปีที่ผ่านมา และเมื่อเร็ว ๆ นี้ราคาน้ำมันดิบ
เริ่มกลับเพิ่มสูงขึ้นอันเป็นการคุกคามต่อราคาพลังงานในอนาคต ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ สรอ.ในวันอังคารที่ผ่านมาพุ่ง
ทะยานสูงขึ้นในรอบ 16 สัปดาห์ที่ระดับ 51.40 ดอลลาร์ สรอ. และเริ่มผ่อนคลายลงเล็กน้อยในวันพุธ (รอย
เตอร์)
2. ยูโรโซนเกินดุลการค้าในเดือนธ.ค. 5.7 พัน ล.ยูโร เพิ่มขึ้นจากที่เกินดุล 2.7 พันล.ยูโร ใน
เดือนพ.ย. รายงานจากบรัสเซลเมื่อวันที่ 22 ก.พ. 48 สำนักงานสถิติแห่งชาติของสหภาพยุโรปเปิดเผยว่า ใน
เดือนธ.ค. ยูโรโซนส่งออกเป็นมูลค่า 97.9 พันล.ยูโร ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 92.2 พันล.ยูโร ส่งผลให้เกิน
ดุลการค้าจำนวน 5.7 พันล.ยูโร เพิ่มขึ้นจากที่เกินดุลการค้า 2.7 พันล.ยูโรในเดือนพ.ย. (ตัวเลขหลังปรับฤดู
กาล) และจากผลการสำรวจนักวิเคราะห์ก่อนหน้านั้นคาดว่าในเดือนธ.ค. ยูโรโซนจะเกินดุลการค้า 3 พัน ล.ยู
โร อย่างไรก็ตามการส่งออกและการนำเข้าเริ่มชะลอตัวทำให้แน่ใจว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจในเขตดังกล่าวไม่
แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามการเกินดุลการค้าของ 12 ประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรในปี 47 อยู่ที่ระดับ 74.4 พันล.ยู
โร เพิ่มขึ้นจาก 69.7 พันล.ยูโรในปี 46 ทั้งนี้ในช่วงครึ่งแรกของปี 47 การส่งออกของยูโรโซนฟื้นตัว แต่ช่วงครึ่ง
ปีหลังการส่งออกกลับชะลอตัว เนื่องจากราคาน้ำมันสูงขึ้นและการแข็งค่าของเงินยูโรเมื่อเทียบกับเงินสกุลสำคัญ
อื่นๆ (รอยเตอร์)
3. GDP ของเยอรมนีหดตัวร้อยละ 0.2 ในไตรมาสที่ 4 ปี 47 ในขณะที่การบริโภคภาคเอกชนเพิ่ม
ขึ้นร้อยละ 0.2 รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 22 ก.พ.48 สนง.สถิติกลางของเยอรมนีรายงาน GDP ของเยอรมนี
ในไตรมาสที่ 4 ปี 47 หดตัวร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความพยายามลด
การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลทำให้การใช้จ่ายของภาครัฐลดลงร้อยละ 0.7 และความพยายามลดสินค้าคงคลัง
ทำให้การลงทุนในโรงงานและเครื่องจักรของภาคธุรกิจลดลงและมีส่วนทำให้ GDP ลดลงร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบ
กับไตรมาสก่อน ในขณะที่การใช้จ่ายของภาคเอกชนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ซึ่งนับเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ
มากกว่า 2 ปี ทำให้นักวิเคราะห์และรัฐบาลคาดว่า GDP ของเยอรมนีในไตรมาสแรกปีนี้จะขยายตัวเพิ่มขึ้น นอก
จากนี้ สนง.สถิติกลางยังรายงานการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ในไตรมาสที่ 4 ปี 47 เทียบกับไตรมาสก่อน ใน
ขณะที่การนำเข้าลดลงร้อยละ 0.2 โดย สนง.สถิติกลางของเยอรมนีคาดว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีจะขยายตัวร้อย
ละ 1.6 ในปี 47 และปรับลดประมาณการการขาดดุลงบประมาณในปี 47 ลงเหลือร้อยละ 3.7 ของ GDP จาก
ประมาณการครั้งแรกร้อยละ 3.9 ของ GDP (รอยเตอร์)
4. เดือน ม.ค.48 ญี่ปุ่นเกินดุลการค้าลดลงร้อยละ 59.9 เทียบต่อปี รายงานจากโตเกียวเมื่อ
23 ก.พ.48 ก.คลัง เปิดเผยว่า เดือน ม.ค.48 ญี่ปุ่นเกินดุลการค้าจำนวน 200.8 พัน ล.เยน (1.93 พัน ล.
ดอลลาร์ สรอ.) ลดลงเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 5 เดือน หรือลดลงร้อยละ 59.9 เทียบต่อปี ลดลงมากจากการคาด
การณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 เป็นจำนวน 507.9 พัน ล.เยน และเมื่อเทียบต่อ
เดือนยอดเกินดุลการค้าลดลงร้อยละ 9.6 นับเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ
3.2 เทียบต่อปี เป็นจำนวน 4.4126 ล้านล้านเยน (42.36 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) สาเหตุจากการส่งออกสินค้า
ประเภทผลิตภัณฑ์จากเหล็กเพิ่มขึ้น ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 เป็นจำนวน 4.2118 ล้านล้านเยน เนื่อง
จากราคาวัตถุดิบนำเข้า อาทิเช่น ถ่านหิน น้ำมัน และโลหะ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ การส่งออกไปยัง สรอ.ในเดือน
ม.ค.48 ลดลงร้อยละ 1.6 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ขณะที่การส่งออกไปยังจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4
หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7 ในเดือนก่อน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 24 ก.พ. 48 22 ก.พ. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.547 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.2963/38.5830 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875 - 2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 730.56/22.51 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,800/7,900 7,800/7,900 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 42.05 40.15 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 20.89*/15.59** 20.49/14.59** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 23 ก.พ. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 22 ก.พ. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--