Export Credit Risks หรือ ความเสี่ยงจากการส่งสินค้าไปขายต่างประเทศมีหลายประเภทส่วนใหญ่นั้นยากที่จะคาดการณ์ล่วงหน้า แม้ว่าจะเพิ่มความระมัดระวังในการทำธุรกิจ ผู้ส่งออกก็อาจเผชิญกับความเสี่ยงรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งได้ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. ความเสี่ยงในช่วงก่อนส่งออก (Pre-shipment Risk) ที่สำคัญ คือ
- ความเสี่ยงที่เกิดจากการยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้าก่อนส่งสินค้าออก (Pre-credit Risk) เนื่องจากผู้ซื้อในต่างประเทศยกเลิกคำสั่งซื้อหรือกิจการของผู้ซื้อในต่างประเทศประสบปัญหานอกจากนี้อาจเกิดจากเหตุผลทางการเมือง เช่น ถูกห้ามนำเข้าหรือถูกคว่ำบาตรทางการค้าทำให้ไม่สามารถส่งสินค้าออกไปยังประเทศผู้ซื้อได้ ความเสี่ยงประเภทนี้แม้ว่าจะเกิดขึ้นก่อนการส่งออกแต่ก็มีความเสียหายเกิดขึ้น เนื่องจากผู้ส่งออกต้องแบกรับภาระต้นทุนต่างๆ เช่น ค่าวัตถุดิบ ค่าจ้างแรงงาน ค่าโสหุ้ย ค่าจัดเก็บสินค้ารวมทั้งค่าปรับที่ต้องจ่ายให้กับผู้รับช่วงผลิตสินค้า (Sub Contract) จากการยกเลิกคำสั่งซื้ออีกด้วย
2. ความเสี่ยงในช่วงหลังการส่งออก (Post-shipment Risk) ที่สำคัญ คือ
- ความเสี่ยงทางการค้า (Commercial Risk) ความเสี่ยงประเภทนี้ขึ้นอยู่กับความน่าไว้วางใจในความซื่อสัตย์และฐานะทางการเงินของผู้ซื้อในต่างประเทศเป็นสำคัญนอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ที่ยากจะคาดเดาได้ เช่น การเกิดภัยธรรมชาติซึ่งส่งผลให้ผู้ซื้อปฏิเสธสัญญาซื้อขายไม่รับมอบสินค้า ผิดนัดชำระหนี้ ปฏิเสธการชำระเงิน หรือผู้ซื้อล้มละลายเป็นต้น
- ความเสี่ยงทางการเมือง (Political Risk) ซึ่งอาจเกิดจากประกาศพักชำระหนี้ของรัฐบาล (Government Moratorium) ในประเทศผู้ซื้อหรือรัฐบาลในประเทศที่สามซึ่งเป็นทางผ่านของการชำระเงิน (Transfer of Funds) หรือการประกาศห้ามโอนเงินออกนอกประเทศของรัฐบาลในประเทศผู้ซื้ออันเนื่องมาจากความยุ่งยากทางการเมืองและเศรษฐกิจ ทำให้ไม่มีเงินพอที่จะโอนไปชำระหนี้ทางการค้าหรือต้องชะลอการโอนเงินออกนอกประเทศ รวมทั้งภาวะสงคราม จลาจล การปฏิบัติ และรัฐประหาร เป็นต้น
- ความเสี่ยงจากการทำธุรกรรม (Transactional Risk) เช่น ความไม่สมบูรณ์หรือการสูญหายของเอกสารที่ใช้เป็นหลักฐานทางการค้า อาทิ กรมธรรม์ประกันภัยสินค้า ตั๋วแลกเงิน ใบกำกับสินค้าเป็นต้น ซึ่งส่งผลให้ผู้ส่งออกได้รับการชำระเงินล่าช้า
- ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Foreign Exchange Risk) ในกรณีที่เกิดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ไม่ว่าสัญญาซื้อขายจะทำเป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ หรือสกุลเงินท้องถิ่น
- ความเสี่ยงจากการถูกฉ้อโกง (Fraud) เช่น การต้มตุ๋นการหลอกลวงหรือการปลอมแปลงเอกสารทางการค้าของผู้ซื้ออย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงบางประเภทก็สามารถป้องกันได้ เช่น ความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนป้องกันได้โดยการทำสัญญาซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า ส่วนความเสี่ยงทางการค้าและความเสี่ยงทางการเมืองก็สามารถบรรเทาความสูญเสียได้จากการทำประกันความเสี่ยงกับองค์กรรับประกันความเสี่ยงเช่น ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-
1. ความเสี่ยงในช่วงก่อนส่งออก (Pre-shipment Risk) ที่สำคัญ คือ
- ความเสี่ยงที่เกิดจากการยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้าก่อนส่งสินค้าออก (Pre-credit Risk) เนื่องจากผู้ซื้อในต่างประเทศยกเลิกคำสั่งซื้อหรือกิจการของผู้ซื้อในต่างประเทศประสบปัญหานอกจากนี้อาจเกิดจากเหตุผลทางการเมือง เช่น ถูกห้ามนำเข้าหรือถูกคว่ำบาตรทางการค้าทำให้ไม่สามารถส่งสินค้าออกไปยังประเทศผู้ซื้อได้ ความเสี่ยงประเภทนี้แม้ว่าจะเกิดขึ้นก่อนการส่งออกแต่ก็มีความเสียหายเกิดขึ้น เนื่องจากผู้ส่งออกต้องแบกรับภาระต้นทุนต่างๆ เช่น ค่าวัตถุดิบ ค่าจ้างแรงงาน ค่าโสหุ้ย ค่าจัดเก็บสินค้ารวมทั้งค่าปรับที่ต้องจ่ายให้กับผู้รับช่วงผลิตสินค้า (Sub Contract) จากการยกเลิกคำสั่งซื้ออีกด้วย
2. ความเสี่ยงในช่วงหลังการส่งออก (Post-shipment Risk) ที่สำคัญ คือ
- ความเสี่ยงทางการค้า (Commercial Risk) ความเสี่ยงประเภทนี้ขึ้นอยู่กับความน่าไว้วางใจในความซื่อสัตย์และฐานะทางการเงินของผู้ซื้อในต่างประเทศเป็นสำคัญนอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ที่ยากจะคาดเดาได้ เช่น การเกิดภัยธรรมชาติซึ่งส่งผลให้ผู้ซื้อปฏิเสธสัญญาซื้อขายไม่รับมอบสินค้า ผิดนัดชำระหนี้ ปฏิเสธการชำระเงิน หรือผู้ซื้อล้มละลายเป็นต้น
- ความเสี่ยงทางการเมือง (Political Risk) ซึ่งอาจเกิดจากประกาศพักชำระหนี้ของรัฐบาล (Government Moratorium) ในประเทศผู้ซื้อหรือรัฐบาลในประเทศที่สามซึ่งเป็นทางผ่านของการชำระเงิน (Transfer of Funds) หรือการประกาศห้ามโอนเงินออกนอกประเทศของรัฐบาลในประเทศผู้ซื้ออันเนื่องมาจากความยุ่งยากทางการเมืองและเศรษฐกิจ ทำให้ไม่มีเงินพอที่จะโอนไปชำระหนี้ทางการค้าหรือต้องชะลอการโอนเงินออกนอกประเทศ รวมทั้งภาวะสงคราม จลาจล การปฏิบัติ และรัฐประหาร เป็นต้น
- ความเสี่ยงจากการทำธุรกรรม (Transactional Risk) เช่น ความไม่สมบูรณ์หรือการสูญหายของเอกสารที่ใช้เป็นหลักฐานทางการค้า อาทิ กรมธรรม์ประกันภัยสินค้า ตั๋วแลกเงิน ใบกำกับสินค้าเป็นต้น ซึ่งส่งผลให้ผู้ส่งออกได้รับการชำระเงินล่าช้า
- ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Foreign Exchange Risk) ในกรณีที่เกิดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ไม่ว่าสัญญาซื้อขายจะทำเป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ หรือสกุลเงินท้องถิ่น
- ความเสี่ยงจากการถูกฉ้อโกง (Fraud) เช่น การต้มตุ๋นการหลอกลวงหรือการปลอมแปลงเอกสารทางการค้าของผู้ซื้ออย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงบางประเภทก็สามารถป้องกันได้ เช่น ความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนป้องกันได้โดยการทำสัญญาซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า ส่วนความเสี่ยงทางการค้าและความเสี่ยงทางการเมืองก็สามารถบรรเทาความสูญเสียได้จากการทำประกันความเสี่ยงกับองค์กรรับประกันความเสี่ยงเช่น ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-