นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ สรุปผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ของภาครัฐประจำเดือนกรกฎาคม 2547 และในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2547 (ตุลาคม 2546 - กรกฎาคม 2547) พร้อมทั้งสถานะหนี้สาธารณะล่าสุด ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2547 ดังนี้
1. การปรับโครงสร้างหนี้ของภาครัฐ
ในเดือนกรกฎาคม 2547 :-
- ด้านต่างประเทศ
รัฐบาล
กระทรวงการคลังได้ Roll Over เงินกู้ ECP (Euro Commercial Paper) 205 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 8,398 ล้านบาท ซึ่งใช้เป็น Bridge Financing ในการ Refinance เงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชียและธนาคารโลก สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ 305 ล้านบาท
รัฐวิสาหกิจ
บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ชำระคืนเงินกู้ ECP ซึ่งใช้เป็น Bridge Financing เงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชีย จำนวน 2.9 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 118 ล้านบาท ทำให้ลดยอดหนี้คงค้างได้ 118 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 34 ล้านบาท และการไฟฟ้านครหลวงได้ Refinance เงินกู้จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) 7,730 ล้านเยน หรือเทียบเท่า 2,914 ล้านบาท ด้วยการกู้ ECP ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 17 ล้านบาท
- ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF1) ที่ครบกำหนดในเดือนก่อน วงเงิน 40,000 ล้านบาท โดยได้ออกพันธบัตร 15,500 ล้านบาท และใช้เงินทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากจากเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ 1,000 ล้านบาท เพื่อทดแทนเงินกู้ระยะสั้น สำหรับรัฐวิสาหกิจ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ Roll Over พันธบัตรเป็นจำนวนเงิน 3,000 ล้านบาท
ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2547 :-
- ด้านต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระคืนเงินกู้ต่างประเทศก่อนครบกำหนดในวงเงินรวม 4,766 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 4,766 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 1,207 ล้านบาท และได้ Roll Over เงินกู้ ECP (Euro Commercial Paper) 395 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 15,850 ล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 375 ล้านบาท นอกจากนั้นได้ Refinance เงินกู้ธนาคารพัฒนาเอเชียและธนาคารโลกโดยวิธีการออกตราสารอัตราดอกเบี้ยลอยตัว วงเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 39,500 ล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 3,950 ล้านบาท
สำหรับรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศเป็นวงเงินรวม 59,055 ล้านบาท โดย 1) การชำระคืนก่อนกำหนด 17,384 ล้านบาท 2) การ Refinance 31,267 ล้านบาท ซึ่งเป็นการ Refinance เงินกู้ต่างประเทศด้วยเงินบาท 25,478 ล้านบาท และ 3) การ Roll Over จำนวนรวม 10,404 ล้านบาท ผลจากการดำเนินการดังกล่าวทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 17,384 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้ 7,646 ล้านบาท
- ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF1) วงเงินรวม 90,000 ล้านบาท ด้วยการชำระคืนเงินต้น 5,247 ล้านบาท จากกำไรสุทธิที่ธนาคารแห่งประเทศไทยนำส่งสมทบกองทุนชำระคืนต้นเงินกู้ 3,747 ล้านบาท และเงินส่วนเกินจากการประมูลพันธบัตร 1,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจำนวน 84,753 ล้านบาท ได้ทำการ Roll Over โดยเป็นพันธบัตร 53,500 ล้านบาท ตั๋วปรับโครงสร้างหนี้ 25,000 ล้านบาท และเงินกู้ระยะสั้น 6,253 ล้านบาท และชำระคืนพันธบัตรกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน (FIDF2) ที่ครบกำหนด 22,000 ล้านบาท รวมทั้งการลดยอดหนี้คงค้างอันเกิดจากการตั้งบัญชีเงินทดรองจ่ายอีก 315 ล้านบาท นอกจากนั้น กระทรวงการคลังได้ไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ก่อนครบกำหนดในวงเงิน 25,075 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 25,075 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ย 6,305 ล้านบาท ส่วนรัฐวิสาหกิจได้ทำการกู้เงินในประเทศเพื่อการ Roll Over หนี้เดิมรวม 17,000 ล้านบาท และเพื่อการ Refinance หนี้ต่างประเทศรวม 24,100 ล้านบาท
2. การกู้เงินของภาครัฐ
ในเดือนกรกฎาคม 2547 :-
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพได้กู้เงินเพื่อชำระคืนหนี้ค้างชำระค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษารถโดยสาร 2,875 ล้านบาท
ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2547 :-
กระทรวงการคลังได้กู้เงินในประเทศไปแล้วทั้งสิ้น 98,000 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 43,000 ล้านบาท และการออกพันธบัตร FIDF3 55,000 ล้านบาท สำหรับรัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศ 23,658 ล้านบาท และกู้เงินจากต่างประเทศตามแผนก่อหนี้ 20,746 ล้านบาท
3. การชำระหนี้ของรัฐบาล
ในเดือนกรกฎาคม 2547 :-
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณ 8,009 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 2,009 ล้านบาท และดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 6,000 ล้านบาท
ในช่วง 10 เดือนผ่านมาของปีงบประมาณ 2547 :-
กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้จากงบประมาณรวมทั้งสิ้น 87,366 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 17,079 ล้านบาท และดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 70,287 ล้านบาท
สถานะหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2547
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2547 มีจำนวน 2,918,545 ล้านบาท หรือร้อยละ 45.09 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 1,692,128 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 847,167 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 379,250 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 47,527 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 33,579 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น 24,921 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 10,972 ล้านบาทหนี้สาธารณะจำแนกได้เป็นหนี้ต่างประเทศ 652,523 ล้านบาท หรือร้อยละ 22.36 และหนี้ในประเทศ 2,266,022 ล้านบาท หรือร้อยละ 77.64 และเป็นหนี้ระยะยาว 2,410,512 ล้านบาท หรือร้อยละ 82.59 และหนี้ระยะสั้น 508,033 ล้านบาท หรือร้อยละ 17.41 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
หมายเหตุ 1. ข้อมูลเบื้องต้น GDP ในปี 2547 เท่ากับ 6,473.4 พันล้านบาท (ตัวเลขจาก สศช. ณ 7 มิ.ย. 47)
2. อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทย
3. การเพิ่ม/ลดของหนี้ต่างประเทศ ไม่สามารถคูณกับอัตราแลกเปลี่ยนในเดือนปัจจุบันหรือเดือนที่ผ่านมาได้โดยตรง เนื่องจากเป็นผลของอัตรา แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศหลายสกุลเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐฯ และผลของอัตราแลกเปลี่ยนเงินเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเงินบาท ในช่วงเวลาที่จัดทำรายงานในแต่ละเดือน
4. ตัวเลขหนี้ในตารางเป็นตัวเลขเบื้องต้น (Preliminary)
ที่มา สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 58/2547 9 สิงหาคม 2547--
1. การปรับโครงสร้างหนี้ของภาครัฐ
ในเดือนกรกฎาคม 2547 :-
- ด้านต่างประเทศ
รัฐบาล
กระทรวงการคลังได้ Roll Over เงินกู้ ECP (Euro Commercial Paper) 205 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 8,398 ล้านบาท ซึ่งใช้เป็น Bridge Financing ในการ Refinance เงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชียและธนาคารโลก สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ 305 ล้านบาท
รัฐวิสาหกิจ
บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ชำระคืนเงินกู้ ECP ซึ่งใช้เป็น Bridge Financing เงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชีย จำนวน 2.9 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 118 ล้านบาท ทำให้ลดยอดหนี้คงค้างได้ 118 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 34 ล้านบาท และการไฟฟ้านครหลวงได้ Refinance เงินกู้จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) 7,730 ล้านเยน หรือเทียบเท่า 2,914 ล้านบาท ด้วยการกู้ ECP ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 17 ล้านบาท
- ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF1) ที่ครบกำหนดในเดือนก่อน วงเงิน 40,000 ล้านบาท โดยได้ออกพันธบัตร 15,500 ล้านบาท และใช้เงินทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากจากเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ 1,000 ล้านบาท เพื่อทดแทนเงินกู้ระยะสั้น สำหรับรัฐวิสาหกิจ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ Roll Over พันธบัตรเป็นจำนวนเงิน 3,000 ล้านบาท
ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2547 :-
- ด้านต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระคืนเงินกู้ต่างประเทศก่อนครบกำหนดในวงเงินรวม 4,766 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 4,766 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 1,207 ล้านบาท และได้ Roll Over เงินกู้ ECP (Euro Commercial Paper) 395 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 15,850 ล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 375 ล้านบาท นอกจากนั้นได้ Refinance เงินกู้ธนาคารพัฒนาเอเชียและธนาคารโลกโดยวิธีการออกตราสารอัตราดอกเบี้ยลอยตัว วงเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 39,500 ล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 3,950 ล้านบาท
สำหรับรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศเป็นวงเงินรวม 59,055 ล้านบาท โดย 1) การชำระคืนก่อนกำหนด 17,384 ล้านบาท 2) การ Refinance 31,267 ล้านบาท ซึ่งเป็นการ Refinance เงินกู้ต่างประเทศด้วยเงินบาท 25,478 ล้านบาท และ 3) การ Roll Over จำนวนรวม 10,404 ล้านบาท ผลจากการดำเนินการดังกล่าวทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 17,384 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้ 7,646 ล้านบาท
- ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF1) วงเงินรวม 90,000 ล้านบาท ด้วยการชำระคืนเงินต้น 5,247 ล้านบาท จากกำไรสุทธิที่ธนาคารแห่งประเทศไทยนำส่งสมทบกองทุนชำระคืนต้นเงินกู้ 3,747 ล้านบาท และเงินส่วนเกินจากการประมูลพันธบัตร 1,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจำนวน 84,753 ล้านบาท ได้ทำการ Roll Over โดยเป็นพันธบัตร 53,500 ล้านบาท ตั๋วปรับโครงสร้างหนี้ 25,000 ล้านบาท และเงินกู้ระยะสั้น 6,253 ล้านบาท และชำระคืนพันธบัตรกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน (FIDF2) ที่ครบกำหนด 22,000 ล้านบาท รวมทั้งการลดยอดหนี้คงค้างอันเกิดจากการตั้งบัญชีเงินทดรองจ่ายอีก 315 ล้านบาท นอกจากนั้น กระทรวงการคลังได้ไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ก่อนครบกำหนดในวงเงิน 25,075 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 25,075 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ย 6,305 ล้านบาท ส่วนรัฐวิสาหกิจได้ทำการกู้เงินในประเทศเพื่อการ Roll Over หนี้เดิมรวม 17,000 ล้านบาท และเพื่อการ Refinance หนี้ต่างประเทศรวม 24,100 ล้านบาท
2. การกู้เงินของภาครัฐ
ในเดือนกรกฎาคม 2547 :-
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพได้กู้เงินเพื่อชำระคืนหนี้ค้างชำระค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษารถโดยสาร 2,875 ล้านบาท
ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2547 :-
กระทรวงการคลังได้กู้เงินในประเทศไปแล้วทั้งสิ้น 98,000 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 43,000 ล้านบาท และการออกพันธบัตร FIDF3 55,000 ล้านบาท สำหรับรัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศ 23,658 ล้านบาท และกู้เงินจากต่างประเทศตามแผนก่อหนี้ 20,746 ล้านบาท
3. การชำระหนี้ของรัฐบาล
ในเดือนกรกฎาคม 2547 :-
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณ 8,009 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 2,009 ล้านบาท และดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 6,000 ล้านบาท
ในช่วง 10 เดือนผ่านมาของปีงบประมาณ 2547 :-
กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้จากงบประมาณรวมทั้งสิ้น 87,366 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 17,079 ล้านบาท และดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 70,287 ล้านบาท
สถานะหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2547
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2547 มีจำนวน 2,918,545 ล้านบาท หรือร้อยละ 45.09 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 1,692,128 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 847,167 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 379,250 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 47,527 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 33,579 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น 24,921 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 10,972 ล้านบาทหนี้สาธารณะจำแนกได้เป็นหนี้ต่างประเทศ 652,523 ล้านบาท หรือร้อยละ 22.36 และหนี้ในประเทศ 2,266,022 ล้านบาท หรือร้อยละ 77.64 และเป็นหนี้ระยะยาว 2,410,512 ล้านบาท หรือร้อยละ 82.59 และหนี้ระยะสั้น 508,033 ล้านบาท หรือร้อยละ 17.41 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
หมายเหตุ 1. ข้อมูลเบื้องต้น GDP ในปี 2547 เท่ากับ 6,473.4 พันล้านบาท (ตัวเลขจาก สศช. ณ 7 มิ.ย. 47)
2. อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทย
3. การเพิ่ม/ลดของหนี้ต่างประเทศ ไม่สามารถคูณกับอัตราแลกเปลี่ยนในเดือนปัจจุบันหรือเดือนที่ผ่านมาได้โดยตรง เนื่องจากเป็นผลของอัตรา แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศหลายสกุลเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐฯ และผลของอัตราแลกเปลี่ยนเงินเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเงินบาท ในช่วงเวลาที่จัดทำรายงานในแต่ละเดือน
4. ตัวเลขหนี้ในตารางเป็นตัวเลขเบื้องต้น (Preliminary)
ที่มา สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 58/2547 9 สิงหาคม 2547--