องอาจ ชี้ ย้ายพรรคแค่ส่วนน้อย พร้อมเปิดตัวผู้สมัครส.ส.ภาคเหนือ 21 เขต ทางด้านคณะกรรมการฯอนุมัติแผนการเลือกตั้งทั่วไป มั่นใจหากทำตามแผนส.ส.ในสภา 200 ที่นั่งแน่นอน อัดยับ ! ชพน.ยุบรวมทรท.เข้าสูตรรัฐบาล 400 เสียงเส้นทางสู่ความอันตรายระบอบประชาธิปไตย เย้ย !แผนปฎิบัติการเลือกตั้งทั่วไปพร้อมที่จะเป็นทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน
โฆษกปชป.ชี้ย้ายพรรคส่วนน้อย
วันนี้ ( 12 ส.ค. 47) เวลา 13.15น. ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีการย้ายพรรคของส.ส.ว่า บรรดาส.ส.ที่ย้ายไปนั้นเป็นเพียงส่วนน้อยของส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่มีอยู่ และเชื่อว่า ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ที่เหลืออยู่นี้ จะร่วมกันสร้างพรรคให้เป็นที่พึ่งของประชาชนทั้งชาติต่อไป และมั่นใจว่าส.ส.ที่ออกไป 10 กว่าคนนั้นน่าจะเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ย้ายออกมา อย่างไรก็ตามส.ส.ที่ยังมุ่งมั่นที่จะอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า จะทำงานหนักมากยิ่งขึ้น ทั้งงานในพรรคฯ สภาฯ และพื้นที่ของตนเอง
ส่วนกรณีที่นายบูราฮานูดิน อุเซ็ง ส.ส.ยะลา พรรคไทยรักไทย ระบุว่าเหตุที่นายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ ส.ส.ยะลา พรรคประชาธิปัตย์ไม่ย้ายไปอยู่กับพรรคไทยรักไทย เพราะต่อรองเรื่องเงินไม่ได้ว่า เรื่องนี้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคปฏิเสธมาโดยตลอดว่า ไม่มีพฤติกรรมดูด ส.ส.นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะนายบูราฮานุดินได้เปิดเผยตัวเองต่อหน้าสาธารณชนแล้ว จนไม่ต้องหาอะไรมาพิสูจน์อีก เพราะคงไม่มีใครรู้ความจริงในเรื่องนี้ดีเท่ากับคนที่ดำเนินการในเรื่องนี้ และข่าวที่เกิดขึ้นคงไม่จำเป็นต้องสอบถามนายประเสริฐ เพราะเชื่อว่า ส.ส.ของพรรคไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างนั้น
ปชป. เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือ 21 เขต
รายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ที่ผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการได้อนุมัติผู้สมัครส.ส.ภาคเหนือ ทั้งหมด 21 เขต อาทิ
ภาคเหนือ / จังหวัด เขต ชื่อ - สกุล
เชียงใหม่ เขต 1 ดร.สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
เชียงใหม่ เขต 5 นางพงษ์ประยูร ราชอาภัย
เชียงใหม่ เขต 8 นายศุภชัย นิมมานเหมินท์
น่าน เขต 1 นางสุกัญญา ณ ลำพูน
น่าน เขต 2 นายชัยวุฒิ คูอาริยะกุล
น่าน เขต 3 นายตะวัน สวนนันท์
นครสวรรค์ เขต 1 นายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร
นครสวรรค์ เขต 3 นายสมควร โอบอ้อม
นครสวรรค์ เขต 4 นายสันตสิริ อินทรสูต
นครสวรรค์ เขต 6 นายนายพรพิศืษฐ์ แจ่มใส
นครสวรรค์ เขต 7 นายสำรอง เยี่ยงยงค์
พิษณุโลก เขต 1 นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม
พิษณุโลก เขต 2 นายมนต์ชัย วิวัฒนนาฒย์
พิษณุโลก เขต 3 นายนพดล เหลืองทองนารา
เพชรบูรณ์ เขต 5 นายชัยวัฒน์ อุ้ยตา
แม่ฮ่องสอน เขต 2 นายจีรพงษ์ พวงทอง
ลำปาง เขต 3 พล.ต.ท.สมเกียรติ พ่วงทรัพย์
สุโขทัย เขต 1 นายวิรัตน์ วิริยัพันธ์
สุโขทัย เขต 2 นายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล
สุโขทัย เขต 4 นายพลวัฒน์ เล็กสมบูรณ์ไชย
อุตรดิตถ์ เขต 1 นายชัยวัฒน์ เอื้อประเสริฐ
คณะกรรมการฯอนุมัติแผนการเลือกตั้งทั่วไป
นายองอาจ ยังกล่าวอีกว่า ทางคณะกรรมการฯได้อนุมัติแผนการเลือกตั้งทั่วไปของพรรคฯเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งแผนการในครั้งนี้นับได้ว่าเป็นแผนที่สมบูรณ์ที่สุด และทางพรรคก็เชื่อมั่นว่า หากทำตามแผนการนี้ ก็จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์สามารถได้รับการเลือกตั้งอย่างน้อยที่สุดไม่น่าจะต่ำกว่าครั้งที่ผ่านมา และทางพรรคก็ได้ตั้งความหวังว่า ถ้าทางพรรคฯได้รับโอกาสได้ปฏิบัติตามแผนอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว อาจจะมีความเป็นได้ที่ทางพรรคจะได้ส.ส.ในสภามากกว่า 200 ที่นั่งขึ้นไป ซึ่งนับแต่นี้ไปทางพรรคเองก็กำลังฝึกอบรมแกนนำพื้นที่ เพื่อที่จะให้เป็นสื่อในการเพิ่มความนิยมของพรรคประชาธิปัตย์และสร้างส.ส.ในพื้นที่เพิ่มขึ้น
หลังจากที่พรรคฯได้อนุมัติแผนการ ณ ขณะนี้ พรรคก็กำลังฝึกอบรมแกนนำในพื้นที่ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน อยู่ในขณะนี้นะครับ ทำไมเราถึงต้องมาฝึกอบรมแกนนำในพื้นที่ ก็เพื่อที่จะให้ประสบการณ์และความรู้ใหม่ๆ รวมทั้งกลยุทธ์ต่างๆในการเลือกตั้ง เพื่อให้แกนนำไปสร้างและขยายเครือข่ายเพิ่มความนิยมในพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ที่เราไม่มีส.ส.ของพรรคฯเราก็จะพยายามเป็นพิเศษ นายองอาจ กล่าว
ยุบรวมพรรคอันตรายต่อประชาธิปไตย
ทั้งนี้ นายองอาจ เห็นว่า การยุบรวมของพรรคชาติพัฒนา ถ้าเป็นการยุบพรรคตามวิถีของธรรมชาติ ก็คงจะไม่มีใครมาวิพากษ์วิจารณ์ แต่ปรากฎว่าการยุบพรรคชาติพัฒนาในครั้งนี้ ตนคิดว่าประชาชนทั้งประเทศคงรู้ดีว่า เป็นขบวนการดูดพรรคชาติพัฒนาเข้าไปทั้งพรรค ซึ่งเห็นว่าเป็นสิ่งที่ทางรัฐบาลมีความพยายามที่จะทำเพื่อให้บรรลุถึงยุทธศาสตร์ 400 เสียง ซึ่งเรื่องนี้เองถือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างยิ่ง
ถึงแม้ท่านนายกฯปฎิเสธอย่างไร ก็คงจะไม่มีใครเชื่อถือคำปฎิเสธของท่านนายกฯหรอกนะครับ เพราะปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น ในการดูดพรรคชพน.ในครั้งนี้ เป็นการทำให้เห็นชัดเจนถึงความพยายามที่จะเข้าไปถึงเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ 400 เสียงของรัฐบาลในขณะนี้ ถือว่าเป็นความพยายามทุกวิถีทางนะครับ ที่จะทำให้รัฐบาลปัจจุบัน กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งมีเสียงสนับสนุนเกินกว่า 400 เสียง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องอันตรายของระบอบประชาธิปไตยนะครับ นายองอาจ กล่าวพร้อมกับระบุอีกว่า ระบอบประชาธิปไตยแตกต่างจากระบอบเผด็จการ อยู่ตรงที่ความเข้มแข็งของการตรวจสอบ เพราะฉะนั้นถ้าการตรวจสอบอ่อนแอ ก็จะชี้ให้เห็นถึงอันตรายของระบอบประชาธิปไตยทันที เพราะฉะนั้นในขณะนี้เองรัฐบาลค่อนข้างมีความเข้มแข็งทั้งอำนาจรัฐและอำนาจเงิน และเห็นว่ารัฐบาลควรจะสร้างคน สร้างเครืองข่าย องค์กรของตนเองขึ้นมาด้วยตัวเองดีกว่าที่จะใช้วิธีดูดพรรคและดูดคนจากพรรคการเมืองอื่น ซึ่งเป็นวิธีที่คล้ายกับการทำการค้า ธุรกิจทั่วไปที่มุ่งหวังแต่กำไร แต่ทางการเมืองแล้วไม่ได้มุ่งหวังถึงกำไรเป็นหลัก
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง แผนปฎิบัติการเลือกตั้งทั่วไปว่า ณ ขณะนี้ยัง ไม่สามารถเปิดเผยอะไรได้มากกว่านี้ เพราะว่าเป็นไปตามระเบียบของพรรค แต่ที่บอกได้ในขณะนี้บอกได้แต่เพียงว่า แผนต่างๆที่ออกมาจะต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะผู้บริหารและกรรมการบริหารพรรคฯ แผนปฎิบัติการฯในการเลือกตั้ง ก็คือการเตรียมความพร้อมทั้งเรื่องของตัวบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง และนับจากนี้ไปทางพรรคก็จะอนุมัติตัวบุคคลเรื่อยๆ และคาดว่า ถ้าทางพรรคทำตามแผนปฎิบัติการดังกล่าวแล้ว จะสามารถประกาศตัวผู้สมัครส.ส.ครบทุกพื้นที่ไม่เกินเดือนกันยายนนี้
โดยเฉพาะในเขตที่เราไม่มีส.ส.นะครับ ประชาชนยังขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องของส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อรวมทั้งขาดความเข้าในบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะฉะนั้นแผนนี้ก็จะไปกำหนดไปเพิ่มคะแนนในบัญชีรายชื่อพื้นที่เขตเลือกตั้งต่างๆด้วย โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
โฆษกปชป. ระบุพร้อมที่จะเป็นทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน
นอกจากนี้แผนดังกล่าวยังคำนึงถึง คะแนนในส่วนของบัญชีรายชื่อด้วย เพราะฉะนั้นแผนดังกล่าวนี้ก็จะมีการกำหนดการเคลื่อนไหวที่จะเพิ่มคะแนนในบัญชีรายชื่อขึ้นมาอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น และในแผนนี้เองก็ยังครอบคลุมถึงนโยบายบางเรื่อง เพื่อที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติมให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น และพร้อมที่จะนำเสนอต่อพี่น้องประชาชนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
ทั้งนี้ตนได้ยืนยันว่า แผนปฎิบัติการในครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะเป็นทั้งรัฐบาลและพร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้าน และเชื่อว่าเมื่อทุกอย่างครบสมบูรณ์ทุกอย่างพร้อมที่จะเปิดเผย นายองอาจ เองก็ให้ความมั่นใจว่า พี่น้องประชาชนทั้งประเทศ จะมีพรรคการเมืองไว้พิจารณาอีกพรรคหนึ่ง ว่าเหมาะสมที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาลหรือไม่ ?
แน่นอนที่สุดถ้าเราได้เสียงข้างมาก เราก็พร้อมที่จะเข้าไปเป็นรัฐบาล แต่อย่างไรก็ดีถ้าเราได้เสียงข้างน้อยไม่สามารถที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ เราก็พร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้นแผนการเลือกตั้งทั่วไปนี้ ก็จะเป็นเรื่องของตัวบุคคลต่างๆนะครับที่จะลงทั้งระบบเขต บัญชีรายชื่อ แนวนโยบาย และที่สำคัญที่สุดก็คือ กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทั้งหมดนะครับ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 12 ส.ค. 2547--จบ--
-ดท-
โฆษกปชป.ชี้ย้ายพรรคส่วนน้อย
วันนี้ ( 12 ส.ค. 47) เวลา 13.15น. ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีการย้ายพรรคของส.ส.ว่า บรรดาส.ส.ที่ย้ายไปนั้นเป็นเพียงส่วนน้อยของส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่มีอยู่ และเชื่อว่า ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ที่เหลืออยู่นี้ จะร่วมกันสร้างพรรคให้เป็นที่พึ่งของประชาชนทั้งชาติต่อไป และมั่นใจว่าส.ส.ที่ออกไป 10 กว่าคนนั้นน่าจะเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ย้ายออกมา อย่างไรก็ตามส.ส.ที่ยังมุ่งมั่นที่จะอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า จะทำงานหนักมากยิ่งขึ้น ทั้งงานในพรรคฯ สภาฯ และพื้นที่ของตนเอง
ส่วนกรณีที่นายบูราฮานูดิน อุเซ็ง ส.ส.ยะลา พรรคไทยรักไทย ระบุว่าเหตุที่นายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ ส.ส.ยะลา พรรคประชาธิปัตย์ไม่ย้ายไปอยู่กับพรรคไทยรักไทย เพราะต่อรองเรื่องเงินไม่ได้ว่า เรื่องนี้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคปฏิเสธมาโดยตลอดว่า ไม่มีพฤติกรรมดูด ส.ส.นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะนายบูราฮานุดินได้เปิดเผยตัวเองต่อหน้าสาธารณชนแล้ว จนไม่ต้องหาอะไรมาพิสูจน์อีก เพราะคงไม่มีใครรู้ความจริงในเรื่องนี้ดีเท่ากับคนที่ดำเนินการในเรื่องนี้ และข่าวที่เกิดขึ้นคงไม่จำเป็นต้องสอบถามนายประเสริฐ เพราะเชื่อว่า ส.ส.ของพรรคไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างนั้น
ปชป. เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือ 21 เขต
รายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ที่ผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการได้อนุมัติผู้สมัครส.ส.ภาคเหนือ ทั้งหมด 21 เขต อาทิ
ภาคเหนือ / จังหวัด เขต ชื่อ - สกุล
เชียงใหม่ เขต 1 ดร.สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
เชียงใหม่ เขต 5 นางพงษ์ประยูร ราชอาภัย
เชียงใหม่ เขต 8 นายศุภชัย นิมมานเหมินท์
น่าน เขต 1 นางสุกัญญา ณ ลำพูน
น่าน เขต 2 นายชัยวุฒิ คูอาริยะกุล
น่าน เขต 3 นายตะวัน สวนนันท์
นครสวรรค์ เขต 1 นายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร
นครสวรรค์ เขต 3 นายสมควร โอบอ้อม
นครสวรรค์ เขต 4 นายสันตสิริ อินทรสูต
นครสวรรค์ เขต 6 นายนายพรพิศืษฐ์ แจ่มใส
นครสวรรค์ เขต 7 นายสำรอง เยี่ยงยงค์
พิษณุโลก เขต 1 นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม
พิษณุโลก เขต 2 นายมนต์ชัย วิวัฒนนาฒย์
พิษณุโลก เขต 3 นายนพดล เหลืองทองนารา
เพชรบูรณ์ เขต 5 นายชัยวัฒน์ อุ้ยตา
แม่ฮ่องสอน เขต 2 นายจีรพงษ์ พวงทอง
ลำปาง เขต 3 พล.ต.ท.สมเกียรติ พ่วงทรัพย์
สุโขทัย เขต 1 นายวิรัตน์ วิริยัพันธ์
สุโขทัย เขต 2 นายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล
สุโขทัย เขต 4 นายพลวัฒน์ เล็กสมบูรณ์ไชย
อุตรดิตถ์ เขต 1 นายชัยวัฒน์ เอื้อประเสริฐ
คณะกรรมการฯอนุมัติแผนการเลือกตั้งทั่วไป
นายองอาจ ยังกล่าวอีกว่า ทางคณะกรรมการฯได้อนุมัติแผนการเลือกตั้งทั่วไปของพรรคฯเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งแผนการในครั้งนี้นับได้ว่าเป็นแผนที่สมบูรณ์ที่สุด และทางพรรคก็เชื่อมั่นว่า หากทำตามแผนการนี้ ก็จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์สามารถได้รับการเลือกตั้งอย่างน้อยที่สุดไม่น่าจะต่ำกว่าครั้งที่ผ่านมา และทางพรรคก็ได้ตั้งความหวังว่า ถ้าทางพรรคฯได้รับโอกาสได้ปฏิบัติตามแผนอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว อาจจะมีความเป็นได้ที่ทางพรรคจะได้ส.ส.ในสภามากกว่า 200 ที่นั่งขึ้นไป ซึ่งนับแต่นี้ไปทางพรรคเองก็กำลังฝึกอบรมแกนนำพื้นที่ เพื่อที่จะให้เป็นสื่อในการเพิ่มความนิยมของพรรคประชาธิปัตย์และสร้างส.ส.ในพื้นที่เพิ่มขึ้น
หลังจากที่พรรคฯได้อนุมัติแผนการ ณ ขณะนี้ พรรคก็กำลังฝึกอบรมแกนนำในพื้นที่ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน อยู่ในขณะนี้นะครับ ทำไมเราถึงต้องมาฝึกอบรมแกนนำในพื้นที่ ก็เพื่อที่จะให้ประสบการณ์และความรู้ใหม่ๆ รวมทั้งกลยุทธ์ต่างๆในการเลือกตั้ง เพื่อให้แกนนำไปสร้างและขยายเครือข่ายเพิ่มความนิยมในพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ที่เราไม่มีส.ส.ของพรรคฯเราก็จะพยายามเป็นพิเศษ นายองอาจ กล่าว
ยุบรวมพรรคอันตรายต่อประชาธิปไตย
ทั้งนี้ นายองอาจ เห็นว่า การยุบรวมของพรรคชาติพัฒนา ถ้าเป็นการยุบพรรคตามวิถีของธรรมชาติ ก็คงจะไม่มีใครมาวิพากษ์วิจารณ์ แต่ปรากฎว่าการยุบพรรคชาติพัฒนาในครั้งนี้ ตนคิดว่าประชาชนทั้งประเทศคงรู้ดีว่า เป็นขบวนการดูดพรรคชาติพัฒนาเข้าไปทั้งพรรค ซึ่งเห็นว่าเป็นสิ่งที่ทางรัฐบาลมีความพยายามที่จะทำเพื่อให้บรรลุถึงยุทธศาสตร์ 400 เสียง ซึ่งเรื่องนี้เองถือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างยิ่ง
ถึงแม้ท่านนายกฯปฎิเสธอย่างไร ก็คงจะไม่มีใครเชื่อถือคำปฎิเสธของท่านนายกฯหรอกนะครับ เพราะปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น ในการดูดพรรคชพน.ในครั้งนี้ เป็นการทำให้เห็นชัดเจนถึงความพยายามที่จะเข้าไปถึงเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ 400 เสียงของรัฐบาลในขณะนี้ ถือว่าเป็นความพยายามทุกวิถีทางนะครับ ที่จะทำให้รัฐบาลปัจจุบัน กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งมีเสียงสนับสนุนเกินกว่า 400 เสียง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องอันตรายของระบอบประชาธิปไตยนะครับ นายองอาจ กล่าวพร้อมกับระบุอีกว่า ระบอบประชาธิปไตยแตกต่างจากระบอบเผด็จการ อยู่ตรงที่ความเข้มแข็งของการตรวจสอบ เพราะฉะนั้นถ้าการตรวจสอบอ่อนแอ ก็จะชี้ให้เห็นถึงอันตรายของระบอบประชาธิปไตยทันที เพราะฉะนั้นในขณะนี้เองรัฐบาลค่อนข้างมีความเข้มแข็งทั้งอำนาจรัฐและอำนาจเงิน และเห็นว่ารัฐบาลควรจะสร้างคน สร้างเครืองข่าย องค์กรของตนเองขึ้นมาด้วยตัวเองดีกว่าที่จะใช้วิธีดูดพรรคและดูดคนจากพรรคการเมืองอื่น ซึ่งเป็นวิธีที่คล้ายกับการทำการค้า ธุรกิจทั่วไปที่มุ่งหวังแต่กำไร แต่ทางการเมืองแล้วไม่ได้มุ่งหวังถึงกำไรเป็นหลัก
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง แผนปฎิบัติการเลือกตั้งทั่วไปว่า ณ ขณะนี้ยัง ไม่สามารถเปิดเผยอะไรได้มากกว่านี้ เพราะว่าเป็นไปตามระเบียบของพรรค แต่ที่บอกได้ในขณะนี้บอกได้แต่เพียงว่า แผนต่างๆที่ออกมาจะต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะผู้บริหารและกรรมการบริหารพรรคฯ แผนปฎิบัติการฯในการเลือกตั้ง ก็คือการเตรียมความพร้อมทั้งเรื่องของตัวบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง และนับจากนี้ไปทางพรรคก็จะอนุมัติตัวบุคคลเรื่อยๆ และคาดว่า ถ้าทางพรรคทำตามแผนปฎิบัติการดังกล่าวแล้ว จะสามารถประกาศตัวผู้สมัครส.ส.ครบทุกพื้นที่ไม่เกินเดือนกันยายนนี้
โดยเฉพาะในเขตที่เราไม่มีส.ส.นะครับ ประชาชนยังขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องของส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อรวมทั้งขาดความเข้าในบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะฉะนั้นแผนนี้ก็จะไปกำหนดไปเพิ่มคะแนนในบัญชีรายชื่อพื้นที่เขตเลือกตั้งต่างๆด้วย โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
โฆษกปชป. ระบุพร้อมที่จะเป็นทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน
นอกจากนี้แผนดังกล่าวยังคำนึงถึง คะแนนในส่วนของบัญชีรายชื่อด้วย เพราะฉะนั้นแผนดังกล่าวนี้ก็จะมีการกำหนดการเคลื่อนไหวที่จะเพิ่มคะแนนในบัญชีรายชื่อขึ้นมาอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น และในแผนนี้เองก็ยังครอบคลุมถึงนโยบายบางเรื่อง เพื่อที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติมให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น และพร้อมที่จะนำเสนอต่อพี่น้องประชาชนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
ทั้งนี้ตนได้ยืนยันว่า แผนปฎิบัติการในครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะเป็นทั้งรัฐบาลและพร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้าน และเชื่อว่าเมื่อทุกอย่างครบสมบูรณ์ทุกอย่างพร้อมที่จะเปิดเผย นายองอาจ เองก็ให้ความมั่นใจว่า พี่น้องประชาชนทั้งประเทศ จะมีพรรคการเมืองไว้พิจารณาอีกพรรคหนึ่ง ว่าเหมาะสมที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาลหรือไม่ ?
แน่นอนที่สุดถ้าเราได้เสียงข้างมาก เราก็พร้อมที่จะเข้าไปเป็นรัฐบาล แต่อย่างไรก็ดีถ้าเราได้เสียงข้างน้อยไม่สามารถที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ เราก็พร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้นแผนการเลือกตั้งทั่วไปนี้ ก็จะเป็นเรื่องของตัวบุคคลต่างๆนะครับที่จะลงทั้งระบบเขต บัญชีรายชื่อ แนวนโยบาย และที่สำคัญที่สุดก็คือ กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทั้งหมดนะครับ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 12 ส.ค. 2547--จบ--
-ดท-