นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการรับเงินสนับสนุนจากนักธุรกิจ ว่าได้มีนักธุรกิจกลุ่มหนึ่งได้มาพบกับคณะบริหารของพรรคประชาธิปัตย์ และมีการเจรจาถึงการแก้ไขกฎหมาย ในรูปแบบของการปรับปรุงแนวนโยบาย ในการบริหารประเทศ
‘ในการพบว่ากันวันนั่น ผมก็อยุ่ในเหตุการณ์ ขอยืนยันว่าไม่มีการพูดถึงเรื่องถึงการสนับสนุนทางการเงินจำนวน 1,000 ล้านบาท แก่พรรคประชาธิปัตย์ แต่อย่างใดทั้งสิ้น นอกจากนั้นก็เป็นการปรึกษาหารือกันในเรื่องการเมืองทั่วไป’นายองอาจกล่าว
นายองอาจ กล่าวว่า นักธุรกิจกลุ่มนี้ได้พยายามย้ำกับพรรคฯว่าอย่างตั้งเป้าหมายว่าจะเข้ามาเป็นฝ่ายค้านเพื่อตรวจสอบรัฐบาล ขอให้ตั้งยุทธศาสตร์เข้ามาเป็นรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศ และแก้ปัญหาที่รัฐบาลชุดปัจจุบันทำไว้มาก และหมักหมมอยู่ นายองอาจ กล่าวอธิบายว่า ไม่มีพรรคการเมืองไหนตั้งยุทธศาสตร์ที่จะเป็นฝ่ายค้าน ยุทธศาสตร์ที่พรรคตั้งไว้ก็คือการเข้าไปเป็นรัฐบาลเพื่อบริหารบ้านเมือง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์พร้อมยอมรับความจริงอยู่เสมอว่าไม่ว่าจะอยู่ในฐานะฝ่ายค้าน หรือรัฐบาล ต้องพร้อมที่จะรับใช้พี่น้องประชาชน
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่าพรรคขอยืนยันเรื่อง หลัก 3 ข้อ คือ1.พรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่มีมติใดๆ ที่จะรับสนับสนุนทางการเงิน 1,000ล้านบาทจากนักธุรกิจทั้งสิ้นในขณะนี้ 2.พรรคขอเรียนว่าพรรคไม่เคยรับเงินสนับสนุนจากต่างชาติ ทั้งก่อนและหลังกฎหมายบังคับประกาศใช้ ‘พรรคเชื่อว่าพรรคการเมืองที่จะดำรงอยู่ได้อย่างต่อเนื่องยาวนานต่อไป จะต้องเป็นพรรคการเมืองที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในประเทศ ด้วยความสมัครและบริสุทธิ์ใจ’ 3.พรรคพร้อมที่จะให้ กกต.เข้ามาตรวจสอบการรับเงินสนันสนุน จากองค์กร หรือบุคคล ได้ตลอดเวลา
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังจากมีข่าวเรื่องดังกล่าวปรากฎออกไปได้มีความพยายามที่จะบิดเบือนจากพรรคไทยรักไทย โดยพยายามตั้งข้อสังเกต และให้กกต.เข้ามาตรวจสอบการรับเงินสนับสนุนของพรรค เพื่อให้ประชาชนไขว้เขว เป็นการเมืองที่ไม่สร้างสรร ทั้งที่เรียกร้องให้พรรคการเมืองอื่นเล่นการเมืองอย่างสร้างสรร ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ขอยืนยันว่าเรื่องใดๆที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมนั้น คงไม่สามารถดำเนินการได้แน่นอน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 ส.ค. 2547--จบ--
-ดท-
‘ในการพบว่ากันวันนั่น ผมก็อยุ่ในเหตุการณ์ ขอยืนยันว่าไม่มีการพูดถึงเรื่องถึงการสนับสนุนทางการเงินจำนวน 1,000 ล้านบาท แก่พรรคประชาธิปัตย์ แต่อย่างใดทั้งสิ้น นอกจากนั้นก็เป็นการปรึกษาหารือกันในเรื่องการเมืองทั่วไป’นายองอาจกล่าว
นายองอาจ กล่าวว่า นักธุรกิจกลุ่มนี้ได้พยายามย้ำกับพรรคฯว่าอย่างตั้งเป้าหมายว่าจะเข้ามาเป็นฝ่ายค้านเพื่อตรวจสอบรัฐบาล ขอให้ตั้งยุทธศาสตร์เข้ามาเป็นรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศ และแก้ปัญหาที่รัฐบาลชุดปัจจุบันทำไว้มาก และหมักหมมอยู่ นายองอาจ กล่าวอธิบายว่า ไม่มีพรรคการเมืองไหนตั้งยุทธศาสตร์ที่จะเป็นฝ่ายค้าน ยุทธศาสตร์ที่พรรคตั้งไว้ก็คือการเข้าไปเป็นรัฐบาลเพื่อบริหารบ้านเมือง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์พร้อมยอมรับความจริงอยู่เสมอว่าไม่ว่าจะอยู่ในฐานะฝ่ายค้าน หรือรัฐบาล ต้องพร้อมที่จะรับใช้พี่น้องประชาชน
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่าพรรคขอยืนยันเรื่อง หลัก 3 ข้อ คือ1.พรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่มีมติใดๆ ที่จะรับสนับสนุนทางการเงิน 1,000ล้านบาทจากนักธุรกิจทั้งสิ้นในขณะนี้ 2.พรรคขอเรียนว่าพรรคไม่เคยรับเงินสนับสนุนจากต่างชาติ ทั้งก่อนและหลังกฎหมายบังคับประกาศใช้ ‘พรรคเชื่อว่าพรรคการเมืองที่จะดำรงอยู่ได้อย่างต่อเนื่องยาวนานต่อไป จะต้องเป็นพรรคการเมืองที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในประเทศ ด้วยความสมัครและบริสุทธิ์ใจ’ 3.พรรคพร้อมที่จะให้ กกต.เข้ามาตรวจสอบการรับเงินสนันสนุน จากองค์กร หรือบุคคล ได้ตลอดเวลา
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังจากมีข่าวเรื่องดังกล่าวปรากฎออกไปได้มีความพยายามที่จะบิดเบือนจากพรรคไทยรักไทย โดยพยายามตั้งข้อสังเกต และให้กกต.เข้ามาตรวจสอบการรับเงินสนับสนุนของพรรค เพื่อให้ประชาชนไขว้เขว เป็นการเมืองที่ไม่สร้างสรร ทั้งที่เรียกร้องให้พรรคการเมืองอื่นเล่นการเมืองอย่างสร้างสรร ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ขอยืนยันว่าเรื่องใดๆที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมนั้น คงไม่สามารถดำเนินการได้แน่นอน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 ส.ค. 2547--จบ--
-ดท-