นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศได้เปิดเผยข้อมูลส่งออกผลิตภัณฑ์มัน
สำปะหลังว่า
ตั้งแต่เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2547 มีการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังคิดเป็นมูลค่า
20,103.92 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปี 2546 ร้อยละ 36.11 เฉพาะผลิตภัณฑ์มัน
เส้นและมันอัดเม็ดมีปริมาณและมูลค่าการ
ส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีการส่งออกมันเส้นจำนวน 1.74 ล้านตัน มูลค่า 5,178.85 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2546 ร้อยละ 44.17 และ 49.52 ตามลำดับ และส่งออกในรูปมันอัด
เม็ดจำนวน 1.95 ล้านตัน มูลค่า 5,584.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2546 ร้อยละ 102.96 และ 118.84
ตามลำดับ โดยมีตลาดหลักในการส่งออกมันเส้นและมันอัดเม็ด คือ ตลาดจีน สหภาพยุโรป สวิตเซอร์แลนด์
เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และไต้หวัน
สำหรับการส่งออกแป้งมันสำปะหลังตั้งแต่เดือนมกราคม - มิถุนายน 2547 มีมูลค่าประมาณ
8,998.53 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปี 2546 ร้อยละ 4.95 แยกเป็นการส่งออกในรูป
ของแป้งมันสำปะหลังดิบประมาณ 0.59 ล้านตัน มูลค่า 4,026.92 ล้านบาท ตลาดหลัก ได้แก่
ตลาดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก ได้แก่ ไต้หวัน ญี่ปุ่น จีน
มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฮ่องกง และฟิลิปปินส์ และการส่งออกในรูปแป้งมันสำปะหลังแปรรูปประมาณ
0.32 ล้านตัน มูลค่า 4,971.61 ล้านบาท ในตลาดหลัก คือ ญี่ปุ่น จีน เนเธอร์แลนด์ และอินโดนีเซีย ใน
ส่วนของผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอื่นๆ เช่น เม็ดสาคู และกากมันสำปะหลัง มีมูลค่าการส่งออกรวมประมาณ
342.34 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2546 ร้อยละ 88.93
นอกจากนี้ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ยังเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตลาดต่าง
ประเทศนั้น ตลาดจีนและ
สหภาพยุโรปยังคงเป็นตลาดหลักในการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทย แต่ด้วยสภาวะการค้า
ในปัจจุบันซึ่งต้องแข่งขันกันสูงในตลาดโลก ทั้งในแง่ของคุณภาพและราคาสินค้า ดังนั้น กรมฯ จึงได้ดำเนิน
กลยุทธ์เชิงรุกในการขยายตลาดการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เพื่อกระจายความเสี่ยงที่ผู้ประกอบการไทย
จะต้องเผชิญหากตลาดส่งออกหลักเกิดความผันผวน โดยในขั้นแรกนี้ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของตลาดประเทศ
มาเลเซียเพราะอุตสาหกรรมการผลิตอาหารสัตว์และฟาร์มเลี้ยงสัตว์มาเลเซียเป็นตลาดที่ต้องพึ่งพาการนำเข้า
วัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์จากต่างประเทศในสัดส่วนที่สูงมาก จึงได้เชิญคณะผู้แทนการค้ามาเลเซียซึ่ง
ประกอบด้วยผู้ผลิตอาหารสัตว์และผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงสัตว์มาเยือนไทยระหว่างวันที่ 20 - 23 กรกฎาคม
2547 เพื่อเจรจาการค้ากับผู้ส่งออกไทย และเยี่ยมชมแหล่งผลิตมันเส้นสะอาด รวมทั้งฟาร์มสุกรที่ใช้มัน
สำปะหลังเป็นวัตถุดิบ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวประสบผลสำเร็จในระดับสูงในการประชาสัมพันธ์คุณภาพของ
ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย และมีแนวโน้มว่ามาเลเซียจะมีการการขยายการนำเข้าจากไทยเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตามการดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าวจะประสบผลสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อผู้ส่งออกไทยใส่ใจกับคุณภาพ
และมาตรฐานสินค้า อันจะส่งผลให้สินค้าไทยได้รับความเชื่อถือในตลาดโลกและสามารถครองความเป็นหนึ่งใน
การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังได้ต่อไป
--กรมการค้าต่างประเทศ สิงหาคม 2547--
-สส-
สำปะหลังว่า
ตั้งแต่เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2547 มีการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังคิดเป็นมูลค่า
20,103.92 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปี 2546 ร้อยละ 36.11 เฉพาะผลิตภัณฑ์มัน
เส้นและมันอัดเม็ดมีปริมาณและมูลค่าการ
ส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีการส่งออกมันเส้นจำนวน 1.74 ล้านตัน มูลค่า 5,178.85 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2546 ร้อยละ 44.17 และ 49.52 ตามลำดับ และส่งออกในรูปมันอัด
เม็ดจำนวน 1.95 ล้านตัน มูลค่า 5,584.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2546 ร้อยละ 102.96 และ 118.84
ตามลำดับ โดยมีตลาดหลักในการส่งออกมันเส้นและมันอัดเม็ด คือ ตลาดจีน สหภาพยุโรป สวิตเซอร์แลนด์
เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และไต้หวัน
สำหรับการส่งออกแป้งมันสำปะหลังตั้งแต่เดือนมกราคม - มิถุนายน 2547 มีมูลค่าประมาณ
8,998.53 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปี 2546 ร้อยละ 4.95 แยกเป็นการส่งออกในรูป
ของแป้งมันสำปะหลังดิบประมาณ 0.59 ล้านตัน มูลค่า 4,026.92 ล้านบาท ตลาดหลัก ได้แก่
ตลาดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก ได้แก่ ไต้หวัน ญี่ปุ่น จีน
มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฮ่องกง และฟิลิปปินส์ และการส่งออกในรูปแป้งมันสำปะหลังแปรรูปประมาณ
0.32 ล้านตัน มูลค่า 4,971.61 ล้านบาท ในตลาดหลัก คือ ญี่ปุ่น จีน เนเธอร์แลนด์ และอินโดนีเซีย ใน
ส่วนของผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอื่นๆ เช่น เม็ดสาคู และกากมันสำปะหลัง มีมูลค่าการส่งออกรวมประมาณ
342.34 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2546 ร้อยละ 88.93
นอกจากนี้ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ยังเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตลาดต่าง
ประเทศนั้น ตลาดจีนและ
สหภาพยุโรปยังคงเป็นตลาดหลักในการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทย แต่ด้วยสภาวะการค้า
ในปัจจุบันซึ่งต้องแข่งขันกันสูงในตลาดโลก ทั้งในแง่ของคุณภาพและราคาสินค้า ดังนั้น กรมฯ จึงได้ดำเนิน
กลยุทธ์เชิงรุกในการขยายตลาดการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เพื่อกระจายความเสี่ยงที่ผู้ประกอบการไทย
จะต้องเผชิญหากตลาดส่งออกหลักเกิดความผันผวน โดยในขั้นแรกนี้ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของตลาดประเทศ
มาเลเซียเพราะอุตสาหกรรมการผลิตอาหารสัตว์และฟาร์มเลี้ยงสัตว์มาเลเซียเป็นตลาดที่ต้องพึ่งพาการนำเข้า
วัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์จากต่างประเทศในสัดส่วนที่สูงมาก จึงได้เชิญคณะผู้แทนการค้ามาเลเซียซึ่ง
ประกอบด้วยผู้ผลิตอาหารสัตว์และผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงสัตว์มาเยือนไทยระหว่างวันที่ 20 - 23 กรกฎาคม
2547 เพื่อเจรจาการค้ากับผู้ส่งออกไทย และเยี่ยมชมแหล่งผลิตมันเส้นสะอาด รวมทั้งฟาร์มสุกรที่ใช้มัน
สำปะหลังเป็นวัตถุดิบ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวประสบผลสำเร็จในระดับสูงในการประชาสัมพันธ์คุณภาพของ
ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย และมีแนวโน้มว่ามาเลเซียจะมีการการขยายการนำเข้าจากไทยเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตามการดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าวจะประสบผลสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อผู้ส่งออกไทยใส่ใจกับคุณภาพ
และมาตรฐานสินค้า อันจะส่งผลให้สินค้าไทยได้รับความเชื่อถือในตลาดโลกและสามารถครองความเป็นหนึ่งใน
การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังได้ต่อไป
--กรมการค้าต่างประเทศ สิงหาคม 2547--
-สส-