เลขานุการคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ‘ดร.สรรเสริญ สมะลาภา’ ชี้นโยบายตรึงราคาน้ำมันของ รบ.ไม่ตรงกับที่กล่าวอ้าง พร้อมระบุนโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายด้านการเมือง
วันนี้(17ส.ค.47) เวลา 11.00น. ณ ห้องประชุมวิปฝ่ายค้าน อาคารรัฐสภา ดร.สรรเสริญ สมะลาภา กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงข่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวขึ้น ทั้งที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามที่จะตรึงราคาน้ำมันไว้ว่า ในเรื่องของการตรึงราคาน้ำมันเป็นสิทธิ์ที่รัฐบาลสามารถทำได้ แต่ในขณะนี้ผลของการตรึงราคาน้ำมันไม่ได้เป็นอย่างที่รัฐบาลเคยกล่าวอ้าง ซึ่งจะดูได้จากในเรื่องของเงินเฟ้อ รัฐบาลอ้างว่า การกระทำดังกล่าวเพื่อจะตรึงราคาสินค้า หรือ อัตราเงินเฟ้อไม่ให้สูงขึ้น แต่ราคาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันดิบก็สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญดัชนีราคาอาหารล่าสุดเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 4.3% ดัชนีราคาผู้ผลิตภาคเกษตร ซึ่งอันนี้เป็นต้นทุนของเกษตรกรเพิ่มขึ้นถึง 16 .4 % ด้วยกัน
ทั้งนี้รัฐบาลยังได้อ้างถึงการตรึงราคาน้ำมันเพื่อที่จะตรึงอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ซึ่งข้อเท็จจริงก็คือว่า แม้ประชาชนจะใช้จ่ายตามปกติ จีดีพีก็จะเพิ่มขึ้นเหมือนอย่างที่ประชาชนใช้ แต่ก็ยังมีช่องทางที่จะสูญเสียจากการนำเข้าน้ำมัน คือถ้าหากจีดีพีเพิ่มขึ้น 1 ลิตร จากการใช้น้ำมันของประชาชน จีดีพีก็จะต้องลดลง 1 ลิตรจากการนำเข้าน้ำมันของประเทศเช่นเดียวกัน อีกทั้งในกรณีนี้ยังจะรุกรามไปจนถึงในเรื่องของเงินบัญชีดุลสะพัด และดุลการค้า
ดร.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า ตนต้องการที่จะให้รัฐบาลยอมรับความเป็นจริงจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเชื่อว่านโยบายในการตรึงราคาน้ำมันของรัฐบาลที่จริงแล้วไม่ได้เป็นนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ แต่กลับเป็นนโยบายทางด้านเมือง‘อยากให้รัฐบาลยอมรับความเป็นจริงในเรื่องนี้ ที่สำคัญก็คือ ดัชนีการบริโภค หรือดัชนีความมั่นใจในการบริโภคของประชาชนก็ได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้ทำให้เชื่อได้ว่านโยบายในการตรึงราคาน้ำมัน แท้ที่จริงแล้วไม่ได้เป็นนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ แต่เป็นนโยบายทางด้านการเมือง และยังตอกย้ำจากการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ตอบกระทู้สดเมื่อสัปดาห์ก่อน ว่าจะตรึงราคาน้ำมันถึงสิ้นปี คำถามที่ตามมาก็คือว่าทำไมต้องสิ้นปี รัฐมนตรีกล่าวตอบว่า หลังจากนั้นจะมีการเลือกตั้งตามมา ‘ ดร.สรรเสริญ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 17 ส.ค. 2547--จบ--
-ดท-
วันนี้(17ส.ค.47) เวลา 11.00น. ณ ห้องประชุมวิปฝ่ายค้าน อาคารรัฐสภา ดร.สรรเสริญ สมะลาภา กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงข่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวขึ้น ทั้งที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามที่จะตรึงราคาน้ำมันไว้ว่า ในเรื่องของการตรึงราคาน้ำมันเป็นสิทธิ์ที่รัฐบาลสามารถทำได้ แต่ในขณะนี้ผลของการตรึงราคาน้ำมันไม่ได้เป็นอย่างที่รัฐบาลเคยกล่าวอ้าง ซึ่งจะดูได้จากในเรื่องของเงินเฟ้อ รัฐบาลอ้างว่า การกระทำดังกล่าวเพื่อจะตรึงราคาสินค้า หรือ อัตราเงินเฟ้อไม่ให้สูงขึ้น แต่ราคาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันดิบก็สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญดัชนีราคาอาหารล่าสุดเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 4.3% ดัชนีราคาผู้ผลิตภาคเกษตร ซึ่งอันนี้เป็นต้นทุนของเกษตรกรเพิ่มขึ้นถึง 16 .4 % ด้วยกัน
ทั้งนี้รัฐบาลยังได้อ้างถึงการตรึงราคาน้ำมันเพื่อที่จะตรึงอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ซึ่งข้อเท็จจริงก็คือว่า แม้ประชาชนจะใช้จ่ายตามปกติ จีดีพีก็จะเพิ่มขึ้นเหมือนอย่างที่ประชาชนใช้ แต่ก็ยังมีช่องทางที่จะสูญเสียจากการนำเข้าน้ำมัน คือถ้าหากจีดีพีเพิ่มขึ้น 1 ลิตร จากการใช้น้ำมันของประชาชน จีดีพีก็จะต้องลดลง 1 ลิตรจากการนำเข้าน้ำมันของประเทศเช่นเดียวกัน อีกทั้งในกรณีนี้ยังจะรุกรามไปจนถึงในเรื่องของเงินบัญชีดุลสะพัด และดุลการค้า
ดร.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า ตนต้องการที่จะให้รัฐบาลยอมรับความเป็นจริงจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเชื่อว่านโยบายในการตรึงราคาน้ำมันของรัฐบาลที่จริงแล้วไม่ได้เป็นนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ แต่กลับเป็นนโยบายทางด้านเมือง‘อยากให้รัฐบาลยอมรับความเป็นจริงในเรื่องนี้ ที่สำคัญก็คือ ดัชนีการบริโภค หรือดัชนีความมั่นใจในการบริโภคของประชาชนก็ได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้ทำให้เชื่อได้ว่านโยบายในการตรึงราคาน้ำมัน แท้ที่จริงแล้วไม่ได้เป็นนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ แต่เป็นนโยบายทางด้านการเมือง และยังตอกย้ำจากการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ตอบกระทู้สดเมื่อสัปดาห์ก่อน ว่าจะตรึงราคาน้ำมันถึงสิ้นปี คำถามที่ตามมาก็คือว่าทำไมต้องสิ้นปี รัฐมนตรีกล่าวตอบว่า หลังจากนั้นจะมีการเลือกตั้งตามมา ‘ ดร.สรรเสริญ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 17 ส.ค. 2547--จบ--
-ดท-