หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ชี้แจงเรื่อง ธ.กรุงไทย เมื่อวันอังคารที่ 27 กรกฎาคม 2547 แล้วก็มีข่าวคราวเกี่ยวกับ ธ.กรุงไทย ตามมามากมาย มีทั้งข้อเขียนของคอลัมนิสต์ที่พยายามสร้างเรื่องขึ้นมาให้ดูสับสนวุ่นวาย มีทั้งข้อมูลจากเอกสารลับที่ไม่พึงเปิดเผย และมีทั้งข่าวที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงอย่างขัดแย้ง แต่ผมก็นิ่งไว้ตลอดระยะ 7 วัน ไม่ออกมาโต้ตอบ เพราะไม่ต้องการให้สับสนไปมากกว่าที่เป็นอยู่ เนื่องด้วยเห็นว่าที่ได้ชี้แจงไปเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2547 นั้น ชัดเจนครบถ้วนแล้ว
แต่เมื่อวันพุธ (11 ส.ค.) ที่ผ่านมาในตอนบ่าย มีการปล่อยข่าวที่ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริงเลย และเป็นข่าวลือโดยแท้ ซึ่งมีผลกระทบต่อราคาหุ้นของ ธ.กรุงไทย อย่างไม่เป็นธรรม ผมจึงเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องชี้แจงเรื่อง ธ.กรุงไทยให้ชัดเจน เพื่อป้องกันความสับสนไม่ให้เกิดขึ้นต่อไป
ข่าวลือ 3 เรื่องที่ขอชี้แจง คือ
1. ข่าวลือว่า กองทุนฟื้นฟูฯ จะขายหุ้น ธ.กรุงไทยออกจำนวน 10% ของที่ถืออยู่ ซึ่งมีผลทำให้ราคาหุ้น ธ.กรุงไทยตกลงอย่างเห็นได้ชัด ผมในฐานะประธานกองทุนฟื้นฟูฯ ขอชี้แจงว่า ยังไม่เคยคิดจะขายหุ้น ธ.กรุงไทยที่มีอยู่ในขณะนี้เลย และยังไม่เคยมีเจ้าหน้าที่ของกองทุนฟื้นฟูฯ คนใดที่คิด อย่างนี้ เป็นข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริงแต่ประการใด
2. ข่าวลือว่า ธปท. สั่งให้ธนาคารที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ตั้งสำรองหนี้สูญ 20% ของจำนวนที่ลงทุน เรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิดอย่างไม่น่าให้อภัย ที่จริงแล้วเป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติเมื่อเดือนกรกฎาคม 2547 ว่า เงินลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนวายุภักษ์นั้น ให้คิดน้ำหนักความเสี่ยงเพียง 0.2% ซึ่งหมายความว่า เป็นการลดน้ำหนักความเสี่ยงจากเดิม 1 เหลือเพียง 0.2 ซึ่งเป็นผลดีต่อ ธพ. และเป็นที่พอใจของ ธพ.
ผลก็คือ เมื่อลดน้ำหนักความเสี่ยงจาก 1 เหลือ 0.2 แล้ว ธนาคารนั้นจะมีเงินลงทุนเหลือ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการตั้งสำรองหนี้สูญแต่อย่างใดเลย เพราะการลงทุนในกองทุนวายุภักษ์ถือว่าเป็นการลงทุนที่ดี ไม่มีความจำเป็นต้องตั้งหนี้สูญใด ๆ ทั้งสิ้น
3. มีข่าวลือว่า ธ.กรุงไทย มีแนวโน้มที่เงินกองทุนจะไม่เพียงพอ และจำเป็นต้องเพิ่มทุน ผมขอชี้แจงว่า ขณะนี้ ธ.กรุงไทย ยังมีเงินกองทุนเพียงพอ ยิ่งเมื่อมีประกาศให้ลดน้ำหนักความเสี่ยงในหน่วยลงทุนวายุภักษ์จาก 1 เหลือ 0.2 ก็ยิ่งทำให้มีเงินกองทุนเหลือมากขึ้น ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน แต่อย่างใด
4. นอกจากข่าวลือ 3 เรื่อง เมื่อวันพุธที่ 11 ส.ค. แล้ว เมื่อวันอังคารที่ 10 ส.ค. หนังสือ- พิมพ์เกือบทุกฉบับ ลงข่าวว่า "ผู้ว่าการ ธปท. ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อสอบการรั่วไหลของ 2 ข้อมูลว่า รั่วออกจากหน่วยงานใดใน ธปท. นอกจากนี้ ธปท. ยังได้มีหนังสือไปยัง ธ.กรุงไทย เพื่อให้สอบหาเรื่องนี้ด้วย" ผมอ่านแล้วประหลาดใจมาก เพราะไม่เคยสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน และไม่เคยมีหนังสือถึง ธ.กรุงไทยให้สอบสวนแต่อย่างใด ตั้งแต่แรกที่ผมอ่านข่าวพบว่ามีข้อมูลจากเอกสารที่ไม่พึงเปิดเผยปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ ผมได้ขอให้คุณธาริษา ช่วยเจาะดูว่าข้อมูลรั่วจาก ธปท. หรือไม่ คุณธาริษา ได้ดูรายละเอียดแล้วพบว่า ข้อมูลดังกล่าวมิได้รั่วจาก ธปท. แน่นอน และชี้แจงผมจนเป็นที่ พอใจแล้ว ส่วนที่ว่าข้อมูลจะรั่วจาก ธ.กรุงไทยหรือไม่ ผมก็ไม่มีอำนาจจะไปสั่งการให้สอบสวนอันใดได้ เนื่องจากเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับตัวเขาเอง ถึงเขาจะปล่อยให้รั่วเขาก็เสียหายเอง ธปท. มิใช่เป็นผู้เสียหาย ไม่สามารถไปสั่งการในเรื่องนี้ได้ แต่ถ้าคณะกรรมการ ธ.กรุงไทย ต้องการจะหาตัวบุคคลที่ทำให้ข้อมูลรั่วออกไป คณะกรรมการธนาคารก็มีอำนาจที่จะทำได้เอง
5. เรื่องต่อไป เป็นเรื่องที่คอลัมนิสต์ 2-3 ฉบับ เขียนในลักษณะที่ว่า ธปท. ปฏิบัติต่อ ธพ. ต่าง ๆ ไม่เท่าเทียมกันในการตรวจสอบหลายครั้งใช้คำว่า ธปท. เลือกปฏิบัติและนำมาตรการที่เข้มงวดมาใช้เฉพาะกับ ธ.กรุงไทย และเป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่มีหลักเกณฑ์ ผมขอยืนยันว่า ธปท. ไม่เคยเลือกปฏิบัติ ใช้หลักเกณฑ์เดียวกันสำหรับทุกธนาคารเสมอกัน
เมื่อผมเริ่มเข้ามาเป็นผู้ว่าการ หลักเกณฑ์ NPL ที่ใช้อยู่ก็คือ
- ค้างชำระเกิน 3 เดือน สำรอง 20 % (พร้อมหลักประกัน) เกิน 6 เดือน สำรอง 50% (หลังหักหลักประกัน) เกิน 12 เดือน สำรอง 100 % (หลังหักหลักประกัน) ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่ยังไม่ เคร่งครัดเท่ามาตรฐานสากล ผมเห็นว่าในระยะนั้นสถาบันการเงินต่างๆ ยังทำกำไรได้น้อย จึงเห็นว่า ควรใช้หลักเกณฑ์ดังกล่าวไปอีกระยะหนึ่งก่อน
- ต่อมา เมื่อ ธพ. ทุกธนาคารมีกำไรดีขึ้น แข็งแรงขึ้นแล้ว ผมเห็นว่าถึงเวลาที่จะใช้ มาตรการที่เคร่งครัดขึ้นตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ธนาคารมีฐานะมั่นคงขึ้น และเป็นที่ยอมรับของ นักลงทุนได้อย่างแท้จริง จึงได้นำหลักเกณฑ์การพิจารณา NPL มาใช้เพิ่มเติมขึ้นมากอีก หลักเกณฑ์ คือ การพิจารณากระแสเงินสดรับจ่ายของกิจการหรือโครงการที่ได้รับสินเชื่อนั้น เพื่อดูว่าจะมีกระแสเงินสดมาชำระหนี้ได้หมดในที่สุดหรือไม่ หลักเกณฑ์นี้ได้เริ่มใช้สำหรับทุกธนาคารเสมอกันหมด ตั้งแต่การตรวจสอบงวดแรกของปี 2546
- การพิจารณาจากกระแสเงินสดเพิ่มเติมขึ้นจากหลักเกณฑ์เดิมนี้ ทำให้ทราบถึง สินเชื่อที่จะมีปัญหาชำระคืนไม่ได้ของ ธพ. ทุกธนาคารชัดเจนและแม่นยำมากขึ้น สามารถสั่งการให้ตั้งสำรองเพื่อป้องกันความเสียหายได้รวดเร็วขึ้น สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้มากขึ้น ได้มีการสั่งตั้งสำรองหนี้สูญ สำหรับ NPL เนื่องจากหลักเกณฑ์เพิ่มเติมนี้ไปในหลายธนาคาร โดยจะมีการชี้แจงให้แต่ละธนาคารทราบก่อนจะสั่งการเสมอ ซึ่งทุกธนาคารก็เข้าใจและยอมรับโดยดี ในกรณีของ ธ.กรุงไทย ก็ใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน เมื่อตรวจสอบแล้วเห็นเป็นประการใด ก็ได้ชี้แจงเจ้าหน้าที่ระดับจัดการของ ธนาคาร จนชัดเจนแล้วก่อนที่จะสั่งการไป
6. นอกจากมีความพยายามของคอลัมนิสต์บางคนที่จะทำให้คนเข้าใจผิดว่า ธปท. เลือก ปฏิบัติ และยังมีความพยายามที่จะป้ายสีตัวผมว่า ผมสั่งให้เลือกปฏิบัติ เพราะต้องการทำลายคู่แข่งทาง ธุรกิจ และเพื่อประโยชน์ให้แก่บริษัทที่ผมมีผลประโยชน์ อ่านแล้วก็รู้สึกงงว่า ทำไม่ถึงปั้นน้ำเป็นตัวกันได้ขนาดนี้
ผมอยากจะเล่าว่า เมื่อผมตกลงรับตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. นี้ ผมได้ลาออกจากการเป็นกรรมการในบริษัทต่าง ๆ กว่าสิบบริษัท บางบริษัทขอให้ผมเป็นกรรมการต่อไปเนื่องจากไม่มีกฎหมายข้อใดห้ามมิให้ผู้ว่าการ ธปท. เป็นกรรมการบริษัทนั้น ๆ ผมก็แจ้งว่าไม่เหมาะสมเพราะตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. จะดูเรื่องหลายเรื่องที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ธุรกิจได้ และขณะที่ผมปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าการ ธปท. ใน 3 ปีกว่าที่ผ่านมานี้ ผมยังไม่เคยอนุมัติหรือดำเนินการใดที่เอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทธุรกิจที่ผมเคยเกี่ยวข้องในอดีตแต่อย่างใดเลย ตระกูลผมรับราชการเป็นข้าในแผ่นดินมา 3 ชั่วคนแล้ว ไม่เคยคิดจะเอาประโยชน์ ให้ตัวเองหรือพวกพ้องเลย แม้แต่สตางค์แดงเดียว ขณะรับใช้แผ่นดินก็ตั้งหน้าที่จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้
เมื่อโดนกล่าวหากันเช่นนี้ ก็ถึงกับงงไปเลย ความจริงแล้วรู้สึกโมโหว่า ทำไมจึงหา เรื่องกันได้ถึงขนาดนี้ แต่พอตกเย็นกลับบ้านกราบพระแล้ว ก็รู้สึกสบายใจขึ้น นึกเสียว่า ถ้าเราทำในสิ่งที่ ถูกต้องแล้ว ก็ไม่ควรหวั่นไหวต่อการกระทำของผู้ที่มีเจตนาไม่ดีต่อเรา ไม่ว่าผู้นั้นจะมีจุดประสงค์ใดก็ตาม
โดยสรุป ธปท. ได้เพิ่มเติมมาตรฐานการตรวจสอบ NPL และตั้งสำรองหนี้สูญให้เคร่ง ครัดตามมาตรฐานสากลตั้งแต่งวดแรกของปี 2546 และได้ใช้มาตรฐานนี้กับทุกธนาคารเสมอกัน มีการเพิ่มการพิจารณากระแสเงินสดรับจ่าย ซึ่งช่วยให้ทราบในเรื่อง NPL ได้ชัดเจนขึ้น รู้ปัญหาได้เร็วขึ้น และสามารถตั้งหนี้สูญเพื่อรองรับปัญหาได้เร็วขึ้น ด้วยความตั้งใจที่จะให้ฐานะการเงินของธนาคารทุกแห่งมั่นคงและเป็นที่ยอมรับของนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติได้โดยไม่คลางแคลงใจ
เป็นที่น่ายินดีว่า แม้จะใช้มาตรการที่เคร่งครัดนี้ และได้สั่งตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นไปแล้วหลายธนาคาร ปรากฏว่า ธนาคารทุกธนาคารก็ยังมีกำไรหลังสำรองที่แข็งแรง และมีเงินกองทุนเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวของสินเชื่อได้เป็นอย่างดีต่อไป
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
แต่เมื่อวันพุธ (11 ส.ค.) ที่ผ่านมาในตอนบ่าย มีการปล่อยข่าวที่ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริงเลย และเป็นข่าวลือโดยแท้ ซึ่งมีผลกระทบต่อราคาหุ้นของ ธ.กรุงไทย อย่างไม่เป็นธรรม ผมจึงเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องชี้แจงเรื่อง ธ.กรุงไทยให้ชัดเจน เพื่อป้องกันความสับสนไม่ให้เกิดขึ้นต่อไป
ข่าวลือ 3 เรื่องที่ขอชี้แจง คือ
1. ข่าวลือว่า กองทุนฟื้นฟูฯ จะขายหุ้น ธ.กรุงไทยออกจำนวน 10% ของที่ถืออยู่ ซึ่งมีผลทำให้ราคาหุ้น ธ.กรุงไทยตกลงอย่างเห็นได้ชัด ผมในฐานะประธานกองทุนฟื้นฟูฯ ขอชี้แจงว่า ยังไม่เคยคิดจะขายหุ้น ธ.กรุงไทยที่มีอยู่ในขณะนี้เลย และยังไม่เคยมีเจ้าหน้าที่ของกองทุนฟื้นฟูฯ คนใดที่คิด อย่างนี้ เป็นข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริงแต่ประการใด
2. ข่าวลือว่า ธปท. สั่งให้ธนาคารที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ตั้งสำรองหนี้สูญ 20% ของจำนวนที่ลงทุน เรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิดอย่างไม่น่าให้อภัย ที่จริงแล้วเป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติเมื่อเดือนกรกฎาคม 2547 ว่า เงินลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนวายุภักษ์นั้น ให้คิดน้ำหนักความเสี่ยงเพียง 0.2% ซึ่งหมายความว่า เป็นการลดน้ำหนักความเสี่ยงจากเดิม 1 เหลือเพียง 0.2 ซึ่งเป็นผลดีต่อ ธพ. และเป็นที่พอใจของ ธพ.
ผลก็คือ เมื่อลดน้ำหนักความเสี่ยงจาก 1 เหลือ 0.2 แล้ว ธนาคารนั้นจะมีเงินลงทุนเหลือ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการตั้งสำรองหนี้สูญแต่อย่างใดเลย เพราะการลงทุนในกองทุนวายุภักษ์ถือว่าเป็นการลงทุนที่ดี ไม่มีความจำเป็นต้องตั้งหนี้สูญใด ๆ ทั้งสิ้น
3. มีข่าวลือว่า ธ.กรุงไทย มีแนวโน้มที่เงินกองทุนจะไม่เพียงพอ และจำเป็นต้องเพิ่มทุน ผมขอชี้แจงว่า ขณะนี้ ธ.กรุงไทย ยังมีเงินกองทุนเพียงพอ ยิ่งเมื่อมีประกาศให้ลดน้ำหนักความเสี่ยงในหน่วยลงทุนวายุภักษ์จาก 1 เหลือ 0.2 ก็ยิ่งทำให้มีเงินกองทุนเหลือมากขึ้น ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน แต่อย่างใด
4. นอกจากข่าวลือ 3 เรื่อง เมื่อวันพุธที่ 11 ส.ค. แล้ว เมื่อวันอังคารที่ 10 ส.ค. หนังสือ- พิมพ์เกือบทุกฉบับ ลงข่าวว่า "ผู้ว่าการ ธปท. ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อสอบการรั่วไหลของ 2 ข้อมูลว่า รั่วออกจากหน่วยงานใดใน ธปท. นอกจากนี้ ธปท. ยังได้มีหนังสือไปยัง ธ.กรุงไทย เพื่อให้สอบหาเรื่องนี้ด้วย" ผมอ่านแล้วประหลาดใจมาก เพราะไม่เคยสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน และไม่เคยมีหนังสือถึง ธ.กรุงไทยให้สอบสวนแต่อย่างใด ตั้งแต่แรกที่ผมอ่านข่าวพบว่ามีข้อมูลจากเอกสารที่ไม่พึงเปิดเผยปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ ผมได้ขอให้คุณธาริษา ช่วยเจาะดูว่าข้อมูลรั่วจาก ธปท. หรือไม่ คุณธาริษา ได้ดูรายละเอียดแล้วพบว่า ข้อมูลดังกล่าวมิได้รั่วจาก ธปท. แน่นอน และชี้แจงผมจนเป็นที่ พอใจแล้ว ส่วนที่ว่าข้อมูลจะรั่วจาก ธ.กรุงไทยหรือไม่ ผมก็ไม่มีอำนาจจะไปสั่งการให้สอบสวนอันใดได้ เนื่องจากเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับตัวเขาเอง ถึงเขาจะปล่อยให้รั่วเขาก็เสียหายเอง ธปท. มิใช่เป็นผู้เสียหาย ไม่สามารถไปสั่งการในเรื่องนี้ได้ แต่ถ้าคณะกรรมการ ธ.กรุงไทย ต้องการจะหาตัวบุคคลที่ทำให้ข้อมูลรั่วออกไป คณะกรรมการธนาคารก็มีอำนาจที่จะทำได้เอง
5. เรื่องต่อไป เป็นเรื่องที่คอลัมนิสต์ 2-3 ฉบับ เขียนในลักษณะที่ว่า ธปท. ปฏิบัติต่อ ธพ. ต่าง ๆ ไม่เท่าเทียมกันในการตรวจสอบหลายครั้งใช้คำว่า ธปท. เลือกปฏิบัติและนำมาตรการที่เข้มงวดมาใช้เฉพาะกับ ธ.กรุงไทย และเป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่มีหลักเกณฑ์ ผมขอยืนยันว่า ธปท. ไม่เคยเลือกปฏิบัติ ใช้หลักเกณฑ์เดียวกันสำหรับทุกธนาคารเสมอกัน
เมื่อผมเริ่มเข้ามาเป็นผู้ว่าการ หลักเกณฑ์ NPL ที่ใช้อยู่ก็คือ
- ค้างชำระเกิน 3 เดือน สำรอง 20 % (พร้อมหลักประกัน) เกิน 6 เดือน สำรอง 50% (หลังหักหลักประกัน) เกิน 12 เดือน สำรอง 100 % (หลังหักหลักประกัน) ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่ยังไม่ เคร่งครัดเท่ามาตรฐานสากล ผมเห็นว่าในระยะนั้นสถาบันการเงินต่างๆ ยังทำกำไรได้น้อย จึงเห็นว่า ควรใช้หลักเกณฑ์ดังกล่าวไปอีกระยะหนึ่งก่อน
- ต่อมา เมื่อ ธพ. ทุกธนาคารมีกำไรดีขึ้น แข็งแรงขึ้นแล้ว ผมเห็นว่าถึงเวลาที่จะใช้ มาตรการที่เคร่งครัดขึ้นตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ธนาคารมีฐานะมั่นคงขึ้น และเป็นที่ยอมรับของ นักลงทุนได้อย่างแท้จริง จึงได้นำหลักเกณฑ์การพิจารณา NPL มาใช้เพิ่มเติมขึ้นมากอีก หลักเกณฑ์ คือ การพิจารณากระแสเงินสดรับจ่ายของกิจการหรือโครงการที่ได้รับสินเชื่อนั้น เพื่อดูว่าจะมีกระแสเงินสดมาชำระหนี้ได้หมดในที่สุดหรือไม่ หลักเกณฑ์นี้ได้เริ่มใช้สำหรับทุกธนาคารเสมอกันหมด ตั้งแต่การตรวจสอบงวดแรกของปี 2546
- การพิจารณาจากกระแสเงินสดเพิ่มเติมขึ้นจากหลักเกณฑ์เดิมนี้ ทำให้ทราบถึง สินเชื่อที่จะมีปัญหาชำระคืนไม่ได้ของ ธพ. ทุกธนาคารชัดเจนและแม่นยำมากขึ้น สามารถสั่งการให้ตั้งสำรองเพื่อป้องกันความเสียหายได้รวดเร็วขึ้น สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้มากขึ้น ได้มีการสั่งตั้งสำรองหนี้สูญ สำหรับ NPL เนื่องจากหลักเกณฑ์เพิ่มเติมนี้ไปในหลายธนาคาร โดยจะมีการชี้แจงให้แต่ละธนาคารทราบก่อนจะสั่งการเสมอ ซึ่งทุกธนาคารก็เข้าใจและยอมรับโดยดี ในกรณีของ ธ.กรุงไทย ก็ใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน เมื่อตรวจสอบแล้วเห็นเป็นประการใด ก็ได้ชี้แจงเจ้าหน้าที่ระดับจัดการของ ธนาคาร จนชัดเจนแล้วก่อนที่จะสั่งการไป
6. นอกจากมีความพยายามของคอลัมนิสต์บางคนที่จะทำให้คนเข้าใจผิดว่า ธปท. เลือก ปฏิบัติ และยังมีความพยายามที่จะป้ายสีตัวผมว่า ผมสั่งให้เลือกปฏิบัติ เพราะต้องการทำลายคู่แข่งทาง ธุรกิจ และเพื่อประโยชน์ให้แก่บริษัทที่ผมมีผลประโยชน์ อ่านแล้วก็รู้สึกงงว่า ทำไม่ถึงปั้นน้ำเป็นตัวกันได้ขนาดนี้
ผมอยากจะเล่าว่า เมื่อผมตกลงรับตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. นี้ ผมได้ลาออกจากการเป็นกรรมการในบริษัทต่าง ๆ กว่าสิบบริษัท บางบริษัทขอให้ผมเป็นกรรมการต่อไปเนื่องจากไม่มีกฎหมายข้อใดห้ามมิให้ผู้ว่าการ ธปท. เป็นกรรมการบริษัทนั้น ๆ ผมก็แจ้งว่าไม่เหมาะสมเพราะตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. จะดูเรื่องหลายเรื่องที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ธุรกิจได้ และขณะที่ผมปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าการ ธปท. ใน 3 ปีกว่าที่ผ่านมานี้ ผมยังไม่เคยอนุมัติหรือดำเนินการใดที่เอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทธุรกิจที่ผมเคยเกี่ยวข้องในอดีตแต่อย่างใดเลย ตระกูลผมรับราชการเป็นข้าในแผ่นดินมา 3 ชั่วคนแล้ว ไม่เคยคิดจะเอาประโยชน์ ให้ตัวเองหรือพวกพ้องเลย แม้แต่สตางค์แดงเดียว ขณะรับใช้แผ่นดินก็ตั้งหน้าที่จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้
เมื่อโดนกล่าวหากันเช่นนี้ ก็ถึงกับงงไปเลย ความจริงแล้วรู้สึกโมโหว่า ทำไมจึงหา เรื่องกันได้ถึงขนาดนี้ แต่พอตกเย็นกลับบ้านกราบพระแล้ว ก็รู้สึกสบายใจขึ้น นึกเสียว่า ถ้าเราทำในสิ่งที่ ถูกต้องแล้ว ก็ไม่ควรหวั่นไหวต่อการกระทำของผู้ที่มีเจตนาไม่ดีต่อเรา ไม่ว่าผู้นั้นจะมีจุดประสงค์ใดก็ตาม
โดยสรุป ธปท. ได้เพิ่มเติมมาตรฐานการตรวจสอบ NPL และตั้งสำรองหนี้สูญให้เคร่ง ครัดตามมาตรฐานสากลตั้งแต่งวดแรกของปี 2546 และได้ใช้มาตรฐานนี้กับทุกธนาคารเสมอกัน มีการเพิ่มการพิจารณากระแสเงินสดรับจ่าย ซึ่งช่วยให้ทราบในเรื่อง NPL ได้ชัดเจนขึ้น รู้ปัญหาได้เร็วขึ้น และสามารถตั้งหนี้สูญเพื่อรองรับปัญหาได้เร็วขึ้น ด้วยความตั้งใจที่จะให้ฐานะการเงินของธนาคารทุกแห่งมั่นคงและเป็นที่ยอมรับของนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติได้โดยไม่คลางแคลงใจ
เป็นที่น่ายินดีว่า แม้จะใช้มาตรการที่เคร่งครัดนี้ และได้สั่งตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นไปแล้วหลายธนาคาร ปรากฏว่า ธนาคารทุกธนาคารก็ยังมีกำไรหลังสำรองที่แข็งแรง และมีเงินกองทุนเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวของสินเชื่อได้เป็นอย่างดีต่อไป
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-