นายโพธิพงษ์ ล่ำซำ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการวางตัวผู้สมัครเขต 3 ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ มีนโยบายที่จะให้สิทธิ์กับส.ส.เดิม แต่เนื่องจากส.ส.เขต 3 คือ ร.ต.อ. พเยาว์ พูลธรัตน์ ประสบปัญหาเรื่องสุขภาพ ซึ่งไม่สามารถจะหาเสียงได้ จึงต้องหาผู้สมัครมาลงพื้นที่นี้ ซึ่งมีผู้แจ้งความจำนงค์มา 2 ท่าน คือ 1. นางอดาวัลย์ พูลธรัตน์ 2. ส.จ.ประมวล พงษาวราเดช
นายโพธิพงษ์ กล่าวว่า ตนในฐานะที่รับผิดชอบภาคกลางจึงได้สอบถามส.ส.ในจังหวัด และสาขาพรรค รวมทั้งทำโพลต์สำรวจความคิดเห็นว่าผู้ใดมีความเหมาะสมที่จะได้รับการคัดเลือก ผลปรากฏว่า นายประมวล พงษาวราเดช มีความเหมาะสมมากกว่า โดยส่วนตัวแล้วตนรักและเห็นใจคุณพเยาว์ พูลธรัตน์ มาก เพราะท่านทำงานให้พรรคประชาธิปัตย์มายาวนาน แต่ว่าในทางการเมืองไม่สามารถที่จะเอาความรู้สึกส่วนตัวมาเป็นเครื่องตัดสินได้ในเรื่องนี้
“แต่เนื่องจากคุณพเยาว์อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ มานานจึงได้นำเรื่องเข้าเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและได้รับความเห็นชอบว่า ได้เสนอตำแหน่งส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ ให้คุณพเยาว์ แต่ยังไม่ทราบว่าจะอยู่ในอันดับที่เท่าไร แต่ตนขอยืนยันว่า อันดับที่จะให้คุณพเยาว์ นั้นอยู่ในอันดับที่จะได้เป็นส.ส. แน่นอน ซึ่งตนได้นำข้อเสนอนี้บอกกล่าวคุณพเยาว์ได้รับทราบแล้ว คุณพเยาว์ก็ตอบรับต่อข้อเสนอ” นายโพธิพงษ์ กล่าวและว่า พรรคไม่ได้ทอดทิ้งคุณพเยาว์ เราได้รวบรวมเงินส.ส.ในพรรค และตัวพรรคฯ เองเป็นจำนวนเงิน 7 หลักและตนก็ให้เป็นครั้งเป็นคราวตลอดมาในการรักษาพยาบาล พรรคไม่ได้ทอดทิ้งเลยและอย่างที่ผมเรียนถ้าพรรคทอดทิ้งก็คงไม่ช่วยกันรักษาพยาบาลเป็นจำนวนเงินถึง 7 หลัก 2. คงไม่หยิบยื่น ข้อเสนอที่จะให้ดำรงตำแหน่งส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ
ต่อข้อซักถามที่ว่าทางพรรคจะยังให้การช่วยเหลือครอบครัวคุณพเยาว์ ต่อไปหรือไม่ นายโพธิพงษ์ กล่าวว่า ถ้าคุณอดาวัลย์ ไปประกาศตัวและแถลงโจมตีพรรคและผู้นำของพรรค รวมทั้งตัวผมด้วยถึงแม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อ ก็เป็นเรื่องที่จะต้องนำไปคุยในคณะผู้บริหารพรรคอีกครั้งหนึ่งในวันอังคารหน้า
ด้านนายอลงกรณ์ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า เป็นกรณีที่เราให้ความใส่ใจมาโดยตลอดทั้งในฐานะความสัมพันธ์เหมือนพี่เหมือนน้อง เหมือนครอบครัวเดียวกัน ให้การดูแล รวมถึงเรื่องของการรักษาพยาบาลและอื่นๆ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นตนคิดว่า เป็นเรื่องที่ทางพรรคฯ ก็รู้สึกเสียใจ และเราคิดว่าทางออกที่เราเสนอให้นั้นเป็นทางออกที่ดีที่สุด และยังอยู่ในส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ส่วนส.สเขต ก็ได้มีการพิจาณาอย่างยาวนานในเรื่องนี้ และให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ โดยคำนึงถึงเหตุผลรอบด้าน และในที่สุดแล้วเมื่อคณะผู้บริหารมีมติให้คุณประมวลเป็นผู้สมัคร ก็เป็นเรื่องของมติพรรค ที่ต้องปฏิบัติตาม
‘ในกรณีนี้ทางพรรครู้สึกเสียใจก็คือ การจะอยู่หรือไม่อยู่สำหรับสมาชิกพรรคฯก็เป็นสิทธิที่พึงทำได้เพียงแต่ว่า การกล่าวการโจมตีพรรคโดยเฉพาะในประเด็นที่ไม่เป็นความจริงนั้นไม่ควรเกิดขึ้น และในเรื่องนี้คุณพเยาว์ ทราบดีที่สุด’ นายอลงกรณ์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 21 ส.ค. 2547--จบ--
-ดท-
นายโพธิพงษ์ กล่าวว่า ตนในฐานะที่รับผิดชอบภาคกลางจึงได้สอบถามส.ส.ในจังหวัด และสาขาพรรค รวมทั้งทำโพลต์สำรวจความคิดเห็นว่าผู้ใดมีความเหมาะสมที่จะได้รับการคัดเลือก ผลปรากฏว่า นายประมวล พงษาวราเดช มีความเหมาะสมมากกว่า โดยส่วนตัวแล้วตนรักและเห็นใจคุณพเยาว์ พูลธรัตน์ มาก เพราะท่านทำงานให้พรรคประชาธิปัตย์มายาวนาน แต่ว่าในทางการเมืองไม่สามารถที่จะเอาความรู้สึกส่วนตัวมาเป็นเครื่องตัดสินได้ในเรื่องนี้
“แต่เนื่องจากคุณพเยาว์อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ มานานจึงได้นำเรื่องเข้าเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและได้รับความเห็นชอบว่า ได้เสนอตำแหน่งส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ ให้คุณพเยาว์ แต่ยังไม่ทราบว่าจะอยู่ในอันดับที่เท่าไร แต่ตนขอยืนยันว่า อันดับที่จะให้คุณพเยาว์ นั้นอยู่ในอันดับที่จะได้เป็นส.ส. แน่นอน ซึ่งตนได้นำข้อเสนอนี้บอกกล่าวคุณพเยาว์ได้รับทราบแล้ว คุณพเยาว์ก็ตอบรับต่อข้อเสนอ” นายโพธิพงษ์ กล่าวและว่า พรรคไม่ได้ทอดทิ้งคุณพเยาว์ เราได้รวบรวมเงินส.ส.ในพรรค และตัวพรรคฯ เองเป็นจำนวนเงิน 7 หลักและตนก็ให้เป็นครั้งเป็นคราวตลอดมาในการรักษาพยาบาล พรรคไม่ได้ทอดทิ้งเลยและอย่างที่ผมเรียนถ้าพรรคทอดทิ้งก็คงไม่ช่วยกันรักษาพยาบาลเป็นจำนวนเงินถึง 7 หลัก 2. คงไม่หยิบยื่น ข้อเสนอที่จะให้ดำรงตำแหน่งส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ
ต่อข้อซักถามที่ว่าทางพรรคจะยังให้การช่วยเหลือครอบครัวคุณพเยาว์ ต่อไปหรือไม่ นายโพธิพงษ์ กล่าวว่า ถ้าคุณอดาวัลย์ ไปประกาศตัวและแถลงโจมตีพรรคและผู้นำของพรรค รวมทั้งตัวผมด้วยถึงแม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อ ก็เป็นเรื่องที่จะต้องนำไปคุยในคณะผู้บริหารพรรคอีกครั้งหนึ่งในวันอังคารหน้า
ด้านนายอลงกรณ์ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า เป็นกรณีที่เราให้ความใส่ใจมาโดยตลอดทั้งในฐานะความสัมพันธ์เหมือนพี่เหมือนน้อง เหมือนครอบครัวเดียวกัน ให้การดูแล รวมถึงเรื่องของการรักษาพยาบาลและอื่นๆ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นตนคิดว่า เป็นเรื่องที่ทางพรรคฯ ก็รู้สึกเสียใจ และเราคิดว่าทางออกที่เราเสนอให้นั้นเป็นทางออกที่ดีที่สุด และยังอยู่ในส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ส่วนส.สเขต ก็ได้มีการพิจาณาอย่างยาวนานในเรื่องนี้ และให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ โดยคำนึงถึงเหตุผลรอบด้าน และในที่สุดแล้วเมื่อคณะผู้บริหารมีมติให้คุณประมวลเป็นผู้สมัคร ก็เป็นเรื่องของมติพรรค ที่ต้องปฏิบัติตาม
‘ในกรณีนี้ทางพรรครู้สึกเสียใจก็คือ การจะอยู่หรือไม่อยู่สำหรับสมาชิกพรรคฯก็เป็นสิทธิที่พึงทำได้เพียงแต่ว่า การกล่าวการโจมตีพรรคโดยเฉพาะในประเด็นที่ไม่เป็นความจริงนั้นไม่ควรเกิดขึ้น และในเรื่องนี้คุณพเยาว์ ทราบดีที่สุด’ นายอลงกรณ์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 21 ส.ค. 2547--จบ--
-ดท-