นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำที่สูงขึ้น และการประหยัดพลังงานว่า จากการศึกษาของพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อมั่นว่าราคาน้ำมันในตลาดโลก มีแนวโน้มว่าจะพุ่งสูงขึ้นอีกอย่างต่อเนื่องและอาจจะถึงบาล์เรล ละ 50 เหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ราคาน้ำมันในประเทศสูงขึ้น ซึ่งรัฐบาลควรมีมาตราการในการประหยัดพลังออกมา
‘จากการตรวจสอบพบว่ารัฐบาลยังแก้ปัญหาไม่ตรงจุด รัฐบาลพยามยามที่จะแก้ปัญหาในเรื่องประหยัดพลังงาน แต่ปรากฏว่าไปเพิ่มปัญหาต่างๆมากขึ้น โดยไม่มีมาตรการรองรับอย่างเพียงพอ เช่น ไปเพิ่มปัญหาทางด้านแรงงาน ซึ่งจะการใช้มาตรการประหยัดพลังงานของรัฐบาลในครั้งนี้ อาจจะก่อให้เกิดการว่างงานมากขึ้น โดยที่รัฐบาลยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจน ที่จะมารองรับแต่อย่างใด’ นายองอาจกล่าว
องอาจ ชี้ นโยบายประหยัดพลังงานของรัฐบาล เป็นแบบ ‘สุกเอา เผากิน’
นายองอาจ กล่าวว่า เพราะฉะนั้นชี้ให้เห็นว่ามาตรการประหยัดพลังงานของรัฐบาล เป็นมาตรการแก้ปัญหาหนึ่ง แต่ไปเพิ่มปัญหาใหม่ ซึ่งเป็นมาตรการที่เรียกว่า สุกเอา เผากิน โดยไม่ใช้องค์ความรู้และข้อมูล ในการประกอบการตัดสินใจอย่างเพียงพอแก้ปัญหา เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าเมื่อรัฐบาลมีมาตราการออกมาแล้ว ก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์ไม่ยอมรับมาตรการของรัฐบาล ซึ่งเป็นที่ทราบว่าไม่เคยมีมาก่อน ในอดีตเมื่อรัฐบาลมีมาตราการใดออกมานั้น โดยเฉพาะช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ ประชาชน หรือผู้ประกอบการ มักจะยอมรับเพราะผ่านการกลั่นกรองมาเป็นอย่างดี แต่ในครั้งนี้ จะเห็นได้ว่าเกิดกระแสการคัดค้านค่อนข้างมาก
‘ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าคนไทยส่วนมากพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาล พรรคฯก็พร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาล โดยพรรคจะแจ้งให้สาขาพรรคทั่วประเทศ รณรงค์ ขอความร่วมมือ กับพี่น้องประชาชน ในการประหยัดพลังงาน เพื่อสนับสนุนรัฐบาลในการแก้วิกฤติชาติ’
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่นายกฯ ออกมากล่าวตอบโต้ ผู้ประกอบการที่ออกมาคัดค้านมาตราการขิงรัฐบาล พรรคฯ เห็นว่านายกฯ ควรพูดจาอย่างสุภาพ และขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการต่าง ไม่ควรออกมาพูดจา ประณามผู้ประกอบการผ่านรายการนายกฯคุยกับประชาชน เพราะเป็นการใช้อารมณ์ มากกว่าเหตุผลในการแก้ปัญหา พรรคเชื่อว่าผู้ประกอบการ และประชาชน พร้อมที่จะรับฟังเหตุผล และให้ความร่วมมือ ‘ผู้ประกอบการ และประชาชนไทย ไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของผู้นำประเทศ(นายกฯ) ในสถานความเป็นคนสาธารณะ ต้องพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง หรือรับฟังปัญหาของประชาชนและนำมาแก้ไข มากกว่า การใช้รายการวิทยุ เป็นที่ระบายอารมณ์ หรือทวงบุญคุณจากประชาชน และผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ นายกฯควรใช้เหตุผลในการแก้ไขปัญหามากกว่า’ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22 ส.ค. 2547--จบ--
-ดท-
‘จากการตรวจสอบพบว่ารัฐบาลยังแก้ปัญหาไม่ตรงจุด รัฐบาลพยามยามที่จะแก้ปัญหาในเรื่องประหยัดพลังงาน แต่ปรากฏว่าไปเพิ่มปัญหาต่างๆมากขึ้น โดยไม่มีมาตรการรองรับอย่างเพียงพอ เช่น ไปเพิ่มปัญหาทางด้านแรงงาน ซึ่งจะการใช้มาตรการประหยัดพลังงานของรัฐบาลในครั้งนี้ อาจจะก่อให้เกิดการว่างงานมากขึ้น โดยที่รัฐบาลยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจน ที่จะมารองรับแต่อย่างใด’ นายองอาจกล่าว
องอาจ ชี้ นโยบายประหยัดพลังงานของรัฐบาล เป็นแบบ ‘สุกเอา เผากิน’
นายองอาจ กล่าวว่า เพราะฉะนั้นชี้ให้เห็นว่ามาตรการประหยัดพลังงานของรัฐบาล เป็นมาตรการแก้ปัญหาหนึ่ง แต่ไปเพิ่มปัญหาใหม่ ซึ่งเป็นมาตรการที่เรียกว่า สุกเอา เผากิน โดยไม่ใช้องค์ความรู้และข้อมูล ในการประกอบการตัดสินใจอย่างเพียงพอแก้ปัญหา เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าเมื่อรัฐบาลมีมาตราการออกมาแล้ว ก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์ไม่ยอมรับมาตรการของรัฐบาล ซึ่งเป็นที่ทราบว่าไม่เคยมีมาก่อน ในอดีตเมื่อรัฐบาลมีมาตราการใดออกมานั้น โดยเฉพาะช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ ประชาชน หรือผู้ประกอบการ มักจะยอมรับเพราะผ่านการกลั่นกรองมาเป็นอย่างดี แต่ในครั้งนี้ จะเห็นได้ว่าเกิดกระแสการคัดค้านค่อนข้างมาก
‘ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าคนไทยส่วนมากพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาล พรรคฯก็พร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาล โดยพรรคจะแจ้งให้สาขาพรรคทั่วประเทศ รณรงค์ ขอความร่วมมือ กับพี่น้องประชาชน ในการประหยัดพลังงาน เพื่อสนับสนุนรัฐบาลในการแก้วิกฤติชาติ’
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่นายกฯ ออกมากล่าวตอบโต้ ผู้ประกอบการที่ออกมาคัดค้านมาตราการขิงรัฐบาล พรรคฯ เห็นว่านายกฯ ควรพูดจาอย่างสุภาพ และขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการต่าง ไม่ควรออกมาพูดจา ประณามผู้ประกอบการผ่านรายการนายกฯคุยกับประชาชน เพราะเป็นการใช้อารมณ์ มากกว่าเหตุผลในการแก้ปัญหา พรรคเชื่อว่าผู้ประกอบการ และประชาชน พร้อมที่จะรับฟังเหตุผล และให้ความร่วมมือ ‘ผู้ประกอบการ และประชาชนไทย ไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของผู้นำประเทศ(นายกฯ) ในสถานความเป็นคนสาธารณะ ต้องพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง หรือรับฟังปัญหาของประชาชนและนำมาแก้ไข มากกว่า การใช้รายการวิทยุ เป็นที่ระบายอารมณ์ หรือทวงบุญคุณจากประชาชน และผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ นายกฯควรใช้เหตุผลในการแก้ไขปัญหามากกว่า’ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22 ส.ค. 2547--จบ--
-ดท-