ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. จำนวนบัตรเครดิตในไตรมาสที่ 2 ปี 47 เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานการให้สินเชื่อบัตรเครดิตของ ธพ.ในไตรมาสที่ 2 ปี 47 ว่า
จำนวนบัตรเครดิต มีทั้งสิ้น 8,021,238 ใบ เพิ่มขึ้น 661,332 ใบ หรือคิดเป็นอัตรา 8.99% เมื่อเทียบกับ
ไตรมาสก่อนหน้า และเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรก โดยในไตร
มาสแรกเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าจำนวน 625,005 ใบหรือคิดเป็น 9.28% ทั้งนี้ เป็นการเพิ่มขึ้นในส่วนของ
ธพ.ไทยจำนวน 15.98% สาขา ธพ.ต่างประเทศในประเทศไทยจำนวน 3.35% และบริษัทประกอบธุรกิจบัตร
เครดิตที่มิใช่สถาบันการเงินจำนวน 6% สำหรับยอดสินเชื่อคงค้างในไตรมาส 2 ปี 47 มีจำนวน 103,585.52
ล.บาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก 6.66% ในขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า
2.94% เท่านั้น ซึ่งนางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า จำนวน
การใช้บัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้นในอัตราชะลอตัวนั้นถือเป็นสิ่งที่ดีแล้ว และคิดว่าการชะลอตัวดังกล่าว นอกจากจะมี
สาเหตุจากการที่ ธปท. ปรับเกณฑ์การให้สินเชื่อบัตรเครดิตของสถาบันการเงินเข้มงวดขึ้นในช่วงเดือน
เม.ย.ที่ผ่านมาแล้ว ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากฤดูกาล โดยในช่วงเดือน เม.ย.เป็นช่วงวันหยุดยาวคือวัน
สงกรานต์ อย่างไรก็ตาม ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตรวมในไตรมาสที่ 2 ปี 47 เพิ่มขึ้นจากไตรมาส
แรกถึงจำนวน 8,127.29 ล.บาท หรือคิดเป็น 6.77% ในขณะที่ปริมาณการใช้จ่ายของไตรมาสแรกเมื่อเทียบ
กับไตรมาสก่อนหน้าเพิ่มขึ้นในอัตรา 1.61% เท่านั้น (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์)
2. ตลท.เตรียมออกมาตรการเพิ่มคุณภาพนักวิเคราะห์ด้วยการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ(เรทติ้ง)
ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท. ได้หารือกับสำนักงานคณะ
กรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์
และสมาคมบริษัทจดทะเบียน เพื่อหามาตรการเพิ่มคุณภาพนักวิเคราะห์ ซึ่งในเบื้องต้นมีการหารือว่าอาจจะมี
การจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (เรทติ้ง) นักวิเคราะห์ โดยวัดคุณภาพจากผลงานที่ออกมา ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียว
กันการให้เรทติ้งกับบริษัทจดทะเบียน ทั้งนี้ แนวคิดในการจัดเรทติ้งดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากที่เกิดเหตุการณ์วันที่
11 ส.ค.47 ที่มีกระแสข่าวลือต่างๆ แพร่สะพัดในตลาด รวมทั้งมีข่าวการออกบทวิเคราะห์ที่ผิดไปจากข้อเท็จ
จริง ส่งผลให้ดัชนีตลาดปรับตัวลดลง (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
3. ก.คลังเตรียมออก พธบ.ออมทรัพย์วงเงิน 2 หมื่น ล.บาท รมว.คลัง เปิดเผยว่า ก.คลัง
จะออก พธบ.ออมทรัพย์เพื่อชดเชยความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพิ่ม
เติมวงเงิน 2 หมื่น ล.บาท อายุ 7 ปี และ 10 ปี ภายในเดือน ก.ย.47 นี้ โดยจะกำหนดให้ลงทุนได้ไม่
เกินรายละ 5 แสนบาท และให้ ธ.ออมสินเป็นผู้จำหน่ายเพียงแห่งเดียว เพื่อให้กระจายไปยังประชาชนได้ทั่ว
ถึง ซึ่ง ผอ.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะกล่าวว่า จะเปิดแถลงข่าวการขาย พธบ.ออมทรัพย์ชุดนี้ในวันที่ 23
ส.ค. นี้ โดยในเบื้องต้นอัตราดอกเบี้ยจะยังเท่าเดิม คือ พธบ.อายุ 7 ปีจ่ายดอกเบี้ย 5.10% และอายุ 10
ปีจ่ายดอกเบี้ย 5.90% (กรุงเทพธุรกิจ 21)
4. ห้างสรรพสินค้าและดิสเคานต์สโตร์เสนอขอผ่อนปรนการลดเวลาทำงานตามที่รัฐบาลกำหนด
อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยผลการหารือร่วมระหว่าง ก.พาณิชย์ กับผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าและ
ดิสเคานต์สโตร์ เกี่ยวกับมาตรการประหยัดพลังงานของรัฐบาลที่ให้ห้างสรรพสินค้าปิดเวลา 20.00 น. และ
ดิสเคานต์สโตร์ปิดเวลา 22.00 น. ว่า ผู้ประกอบการยินดีให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการลดเวลาทำงานลง
แต่มีการเสนอขอผ่อนปรนการลดเวลาทำงานจากที่รัฐบาลกำหนด โดยห้างสรรพสินค้าขอลดเวลาทำงานลง 1
ช.ม. ขณะที่ดิสเคานต์สโตร์ ขอลดเวลาทำงานลง 1 ถึง 1 ช.ม.ครึ่ง ซึ่งผู้ประกอบการให้เหตุผลว่า การปิด
ตามเวลาที่รัฐบาลกำหนดจะส่งผลกระทบต่อยอดขายมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลาตั้งแต่ 20.00-21.00 น.
ซึ่งเป็นช่วงที่มียอดขายสูงสุด และจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในส่วนของพนักงานขายที่ทำงานในช่วงเวลา
หลัง 22.00 น. อย่างไรก็ตาม ก.พาณิชย์ยังไม่รับตามที่เสนอ โดยจะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ใน
วันอังคารที่ 24 ส.ค.นี้ จึงจะทราบข้อสรุปที่ชัดเจน (ผู้จัดการรายวัน 21-22)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงานของ สรอ. ในไตรมาส 2 ปีนี้อาจจะชะลอตัวลง
รายงานจากนิวยอร์ค สรอ. เมื่อวันที่ 21 ส.ค.47 ธ.กลาง สรอ. มลรัฐฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยผลสำรวจ
ความคิดเห็นของนักพยากรณ์ทางเศรษฐกิจ 30 ราย ว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงานของ
สรอ. ในไตรมาส 2 ปีนี้อาจจะเติบโตลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ภาคเอกชนลังเลที่จะจ้าง
แรงงานใหม่เพิ่มขึ้น และส่งผลให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นด้วย โดยคาดว่าในไตรมาส 3 ปี 47 จีดีพีจะขยายตัวร้อย
ละ 3.5 ต่อปี เทียบกับที่เคยประมาณการณ์ไว้ร้อยละ 4.1 ในการสำรวจความคิดเห็นเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว
ส่วนไตรมาส 4 จะขยายตัวร้อยละ 4.0 ซึ่งการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานด้วย
โดยคาดว่าการเติบโตของการจ้างงานรายเดือนในภาคที่ไม่ใช่การเกษตรจะลดลงอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 104,300
ราย ต่อเดือน จาก 157,700 ราย ในการสำรวจครั้งหลังสุด แต่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 อยู่ที่ระดับ
เฉลี่ย 217,000 ราย ต่อเดือน ส่วนการเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาผู้บริโภคคาดว่าจะสูงสุดอยู่ที่ระดับร้อยละ 3
ต่อปีในไตรมาส 3 และจะชะลอตัวลงอีกครั้งอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.3 ในไตรมาส 4 ต่อเนื่องเข้าสู่ปี 48 ใน
ขณะที่การพยากรณ์อัตราเงินเฟ้อในระยะยาวในช่วง 10 ปีข้างหน้า คาดว่าจะยังทรงตัวเฉลี่ยอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.5 (รอยเตอร์)
2. สหภาพยุโรปเตือนสมาชิกเรื่องการปรับลดอัตราภาษีจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมัน รายงานจา
กบรัสเซล เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 47 กรรมาธิการสหภาพยุโรปเปิดเผยว่าสมาชิกสหภาพยุโรปควรจะรักษาสัจจะ
ในการปรับลดภาษีจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเพื่อไม่ให้กระทบต่อสมาชิกอื่นๆ ทั้งนี้เนื่องจากสมาชิกทั้ง 25
ประเทศได้มีสัญญาร่วมกันเมื่อเดือนมิ.ย. ที่จะให้ความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่
เกี่ยวกับผลกระทบจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมัน โดยหากประเทศใดมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับภาษีพลังงาน
หรือภาษีสรรพสามิตจะต้องมีการปรึกษากันระหว่างสมาชิกก่อน เนื่องจากจะมีผลกระทบต่อประเทศสมาชิกอื่นๆ
นอกจากนั้นยังมีความเห็นจากกรรมาธิการเศรษฐกิจบางคนที่ไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มภาษีธุรกิจในยูโรโซน เนื่อง
จากการที่ภาษีธุรกิจสูงจะกระทบต่อการลงทุนจากต่างประเทศแต่หากมีการปรับเพิ่มก็ต้องเป็นพื้นฐานเดียวกัน
และมีความเหมาะสม( รอยเตอร์)
3. แนวโน้มการจ้างงานในสิงคโปร์สดใสจากการลงทุนเพิ่มของธุรกิจ รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ
22 ส.ค.47 นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราการว่างงานของสิงคโปร์จะลดลงเหลือร้อยละ 3.8 ภายในสิ้นปีนี้ จาก
การลงทุนเพิ่มของบริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ระหว่างประเทศ เช่น บริษัทฟิลิปส์ ที่มีแผนจะจ้างวิศวกรและผู้
จัดการเพิ่ม 200 ตำแหน่งเพื่อทำงานในศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทซึ่งผลิตโทรทัศน์จอแบน เครื่องเล่นดีวีดี
และเตารีดไอน้ำ บริษัทผลิตยา Novartis และกลุ่มบริษํท Kimberly-Clark ซึ่งผลิตสินค้าเพื่อสุขภาพก็มี
แผนจะลงทุนเพิ่มเป็นเงิน 222 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยในช่วง 7 เดือนแรกปีนี้บริษัทอุตสาหกรรมต่างชาติได้
รับอนุมัติลงทุนเป็นเงินทั้งสิ้น 4.3 พันล้านสิงคโปร์หรือประมาณ 2.51 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้การ
จ้างงานในไตรมาสที่ 2 ปีนี้เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปีแต่อัตราการว่างงานยังอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.5 เนื่องจาก
มีผู้ที่พักงานไประหว่างที่เศรษฐกิจชะลอตัวหันเข้าสู่ตลาดแรงงานมากขึ้น จากตัวเลขของรัฐบาลยังมีคนที่ไม่มี
งานทำอีก 89,000 คน จากจำนวนประชากรที่อยู่ในวัยทำงานทั้งสิ้น 2.1 ล้านคน นักวิเคราะห์คาดว่า
ตำแหน่งงานใหม่ที่เพิ่มขึ้นจะมาจากอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิคส์มากกว่าอุตสาหกรรมยา แม้ว่ารัฐบาลจะพยายาม
ส่งเสริมอุตสาหกรรมยาเพื่อลดการพึ่งพาอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิคส์ซึ่งในช่วงหลังมีการย้ายฐานการผลิตไปยัง
ประเทศอื่นที่มีค่างานถูกกว่าในเอเชีย เช่น จีนและอินเดีย (รอยเตอร์)
4. ราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ในปี 48
รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 47 Straits Time newspaper รายงานคำพูดของรมว.การค้า
และอุตสาหกรรมว่า เศรษฐกิจสิงคโปร์ในปีนี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมัน แต่หากระดับ
ราคาน้ำมันยังสูงกว่าบาร์เรลละ 40 ดอลลาร์ สรอ.ต่อไปอีกจะกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในปีหน้า
อย่างไรก็ตามในระยะสั้นเศรษฐกิจสิงคโปร์ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง รัฐบาลสิงคโปร์คาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจจะ
ขยายตัวได้ระหว่างร้อยละ 8 — ร้อยละ 9 หลังจากที่เศรษฐกิจเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักติดต่อกันมาเป็น
เวลา 4 ไตรมาส ถึงไตรมาสที่ 2 ปี 47 ส่วนในปี 48 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 3 — ร้อยละ 5
ซึ่งขึ้นอยู่กับการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนและอินเดีย ( รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 23 ส.ค. 47 20 ส.ค. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.434 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.2347/41.5293 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.1000-1.3750 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 598.55/7.40 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,900/8,000 7,850/7,950 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 39.65 41.73 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 21.19*/14.59 21.19*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 17 ส.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. จำนวนบัตรเครดิตในไตรมาสที่ 2 ปี 47 เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานการให้สินเชื่อบัตรเครดิตของ ธพ.ในไตรมาสที่ 2 ปี 47 ว่า
จำนวนบัตรเครดิต มีทั้งสิ้น 8,021,238 ใบ เพิ่มขึ้น 661,332 ใบ หรือคิดเป็นอัตรา 8.99% เมื่อเทียบกับ
ไตรมาสก่อนหน้า และเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรก โดยในไตร
มาสแรกเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าจำนวน 625,005 ใบหรือคิดเป็น 9.28% ทั้งนี้ เป็นการเพิ่มขึ้นในส่วนของ
ธพ.ไทยจำนวน 15.98% สาขา ธพ.ต่างประเทศในประเทศไทยจำนวน 3.35% และบริษัทประกอบธุรกิจบัตร
เครดิตที่มิใช่สถาบันการเงินจำนวน 6% สำหรับยอดสินเชื่อคงค้างในไตรมาส 2 ปี 47 มีจำนวน 103,585.52
ล.บาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก 6.66% ในขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า
2.94% เท่านั้น ซึ่งนางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า จำนวน
การใช้บัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้นในอัตราชะลอตัวนั้นถือเป็นสิ่งที่ดีแล้ว และคิดว่าการชะลอตัวดังกล่าว นอกจากจะมี
สาเหตุจากการที่ ธปท. ปรับเกณฑ์การให้สินเชื่อบัตรเครดิตของสถาบันการเงินเข้มงวดขึ้นในช่วงเดือน
เม.ย.ที่ผ่านมาแล้ว ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากฤดูกาล โดยในช่วงเดือน เม.ย.เป็นช่วงวันหยุดยาวคือวัน
สงกรานต์ อย่างไรก็ตาม ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตรวมในไตรมาสที่ 2 ปี 47 เพิ่มขึ้นจากไตรมาส
แรกถึงจำนวน 8,127.29 ล.บาท หรือคิดเป็น 6.77% ในขณะที่ปริมาณการใช้จ่ายของไตรมาสแรกเมื่อเทียบ
กับไตรมาสก่อนหน้าเพิ่มขึ้นในอัตรา 1.61% เท่านั้น (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์)
2. ตลท.เตรียมออกมาตรการเพิ่มคุณภาพนักวิเคราะห์ด้วยการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ(เรทติ้ง)
ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท. ได้หารือกับสำนักงานคณะ
กรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์
และสมาคมบริษัทจดทะเบียน เพื่อหามาตรการเพิ่มคุณภาพนักวิเคราะห์ ซึ่งในเบื้องต้นมีการหารือว่าอาจจะมี
การจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (เรทติ้ง) นักวิเคราะห์ โดยวัดคุณภาพจากผลงานที่ออกมา ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียว
กันการให้เรทติ้งกับบริษัทจดทะเบียน ทั้งนี้ แนวคิดในการจัดเรทติ้งดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากที่เกิดเหตุการณ์วันที่
11 ส.ค.47 ที่มีกระแสข่าวลือต่างๆ แพร่สะพัดในตลาด รวมทั้งมีข่าวการออกบทวิเคราะห์ที่ผิดไปจากข้อเท็จ
จริง ส่งผลให้ดัชนีตลาดปรับตัวลดลง (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
3. ก.คลังเตรียมออก พธบ.ออมทรัพย์วงเงิน 2 หมื่น ล.บาท รมว.คลัง เปิดเผยว่า ก.คลัง
จะออก พธบ.ออมทรัพย์เพื่อชดเชยความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพิ่ม
เติมวงเงิน 2 หมื่น ล.บาท อายุ 7 ปี และ 10 ปี ภายในเดือน ก.ย.47 นี้ โดยจะกำหนดให้ลงทุนได้ไม่
เกินรายละ 5 แสนบาท และให้ ธ.ออมสินเป็นผู้จำหน่ายเพียงแห่งเดียว เพื่อให้กระจายไปยังประชาชนได้ทั่ว
ถึง ซึ่ง ผอ.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะกล่าวว่า จะเปิดแถลงข่าวการขาย พธบ.ออมทรัพย์ชุดนี้ในวันที่ 23
ส.ค. นี้ โดยในเบื้องต้นอัตราดอกเบี้ยจะยังเท่าเดิม คือ พธบ.อายุ 7 ปีจ่ายดอกเบี้ย 5.10% และอายุ 10
ปีจ่ายดอกเบี้ย 5.90% (กรุงเทพธุรกิจ 21)
4. ห้างสรรพสินค้าและดิสเคานต์สโตร์เสนอขอผ่อนปรนการลดเวลาทำงานตามที่รัฐบาลกำหนด
อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยผลการหารือร่วมระหว่าง ก.พาณิชย์ กับผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าและ
ดิสเคานต์สโตร์ เกี่ยวกับมาตรการประหยัดพลังงานของรัฐบาลที่ให้ห้างสรรพสินค้าปิดเวลา 20.00 น. และ
ดิสเคานต์สโตร์ปิดเวลา 22.00 น. ว่า ผู้ประกอบการยินดีให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการลดเวลาทำงานลง
แต่มีการเสนอขอผ่อนปรนการลดเวลาทำงานจากที่รัฐบาลกำหนด โดยห้างสรรพสินค้าขอลดเวลาทำงานลง 1
ช.ม. ขณะที่ดิสเคานต์สโตร์ ขอลดเวลาทำงานลง 1 ถึง 1 ช.ม.ครึ่ง ซึ่งผู้ประกอบการให้เหตุผลว่า การปิด
ตามเวลาที่รัฐบาลกำหนดจะส่งผลกระทบต่อยอดขายมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลาตั้งแต่ 20.00-21.00 น.
ซึ่งเป็นช่วงที่มียอดขายสูงสุด และจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในส่วนของพนักงานขายที่ทำงานในช่วงเวลา
หลัง 22.00 น. อย่างไรก็ตาม ก.พาณิชย์ยังไม่รับตามที่เสนอ โดยจะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ใน
วันอังคารที่ 24 ส.ค.นี้ จึงจะทราบข้อสรุปที่ชัดเจน (ผู้จัดการรายวัน 21-22)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงานของ สรอ. ในไตรมาส 2 ปีนี้อาจจะชะลอตัวลง
รายงานจากนิวยอร์ค สรอ. เมื่อวันที่ 21 ส.ค.47 ธ.กลาง สรอ. มลรัฐฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยผลสำรวจ
ความคิดเห็นของนักพยากรณ์ทางเศรษฐกิจ 30 ราย ว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงานของ
สรอ. ในไตรมาส 2 ปีนี้อาจจะเติบโตลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ภาคเอกชนลังเลที่จะจ้าง
แรงงานใหม่เพิ่มขึ้น และส่งผลให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นด้วย โดยคาดว่าในไตรมาส 3 ปี 47 จีดีพีจะขยายตัวร้อย
ละ 3.5 ต่อปี เทียบกับที่เคยประมาณการณ์ไว้ร้อยละ 4.1 ในการสำรวจความคิดเห็นเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว
ส่วนไตรมาส 4 จะขยายตัวร้อยละ 4.0 ซึ่งการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานด้วย
โดยคาดว่าการเติบโตของการจ้างงานรายเดือนในภาคที่ไม่ใช่การเกษตรจะลดลงอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 104,300
ราย ต่อเดือน จาก 157,700 ราย ในการสำรวจครั้งหลังสุด แต่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 อยู่ที่ระดับ
เฉลี่ย 217,000 ราย ต่อเดือน ส่วนการเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาผู้บริโภคคาดว่าจะสูงสุดอยู่ที่ระดับร้อยละ 3
ต่อปีในไตรมาส 3 และจะชะลอตัวลงอีกครั้งอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.3 ในไตรมาส 4 ต่อเนื่องเข้าสู่ปี 48 ใน
ขณะที่การพยากรณ์อัตราเงินเฟ้อในระยะยาวในช่วง 10 ปีข้างหน้า คาดว่าจะยังทรงตัวเฉลี่ยอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.5 (รอยเตอร์)
2. สหภาพยุโรปเตือนสมาชิกเรื่องการปรับลดอัตราภาษีจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมัน รายงานจา
กบรัสเซล เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 47 กรรมาธิการสหภาพยุโรปเปิดเผยว่าสมาชิกสหภาพยุโรปควรจะรักษาสัจจะ
ในการปรับลดภาษีจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเพื่อไม่ให้กระทบต่อสมาชิกอื่นๆ ทั้งนี้เนื่องจากสมาชิกทั้ง 25
ประเทศได้มีสัญญาร่วมกันเมื่อเดือนมิ.ย. ที่จะให้ความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่
เกี่ยวกับผลกระทบจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมัน โดยหากประเทศใดมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับภาษีพลังงาน
หรือภาษีสรรพสามิตจะต้องมีการปรึกษากันระหว่างสมาชิกก่อน เนื่องจากจะมีผลกระทบต่อประเทศสมาชิกอื่นๆ
นอกจากนั้นยังมีความเห็นจากกรรมาธิการเศรษฐกิจบางคนที่ไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มภาษีธุรกิจในยูโรโซน เนื่อง
จากการที่ภาษีธุรกิจสูงจะกระทบต่อการลงทุนจากต่างประเทศแต่หากมีการปรับเพิ่มก็ต้องเป็นพื้นฐานเดียวกัน
และมีความเหมาะสม( รอยเตอร์)
3. แนวโน้มการจ้างงานในสิงคโปร์สดใสจากการลงทุนเพิ่มของธุรกิจ รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ
22 ส.ค.47 นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราการว่างงานของสิงคโปร์จะลดลงเหลือร้อยละ 3.8 ภายในสิ้นปีนี้ จาก
การลงทุนเพิ่มของบริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ระหว่างประเทศ เช่น บริษัทฟิลิปส์ ที่มีแผนจะจ้างวิศวกรและผู้
จัดการเพิ่ม 200 ตำแหน่งเพื่อทำงานในศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทซึ่งผลิตโทรทัศน์จอแบน เครื่องเล่นดีวีดี
และเตารีดไอน้ำ บริษัทผลิตยา Novartis และกลุ่มบริษํท Kimberly-Clark ซึ่งผลิตสินค้าเพื่อสุขภาพก็มี
แผนจะลงทุนเพิ่มเป็นเงิน 222 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยในช่วง 7 เดือนแรกปีนี้บริษัทอุตสาหกรรมต่างชาติได้
รับอนุมัติลงทุนเป็นเงินทั้งสิ้น 4.3 พันล้านสิงคโปร์หรือประมาณ 2.51 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้การ
จ้างงานในไตรมาสที่ 2 ปีนี้เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปีแต่อัตราการว่างงานยังอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.5 เนื่องจาก
มีผู้ที่พักงานไประหว่างที่เศรษฐกิจชะลอตัวหันเข้าสู่ตลาดแรงงานมากขึ้น จากตัวเลขของรัฐบาลยังมีคนที่ไม่มี
งานทำอีก 89,000 คน จากจำนวนประชากรที่อยู่ในวัยทำงานทั้งสิ้น 2.1 ล้านคน นักวิเคราะห์คาดว่า
ตำแหน่งงานใหม่ที่เพิ่มขึ้นจะมาจากอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิคส์มากกว่าอุตสาหกรรมยา แม้ว่ารัฐบาลจะพยายาม
ส่งเสริมอุตสาหกรรมยาเพื่อลดการพึ่งพาอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิคส์ซึ่งในช่วงหลังมีการย้ายฐานการผลิตไปยัง
ประเทศอื่นที่มีค่างานถูกกว่าในเอเชีย เช่น จีนและอินเดีย (รอยเตอร์)
4. ราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ในปี 48
รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 47 Straits Time newspaper รายงานคำพูดของรมว.การค้า
และอุตสาหกรรมว่า เศรษฐกิจสิงคโปร์ในปีนี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมัน แต่หากระดับ
ราคาน้ำมันยังสูงกว่าบาร์เรลละ 40 ดอลลาร์ สรอ.ต่อไปอีกจะกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในปีหน้า
อย่างไรก็ตามในระยะสั้นเศรษฐกิจสิงคโปร์ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง รัฐบาลสิงคโปร์คาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจจะ
ขยายตัวได้ระหว่างร้อยละ 8 — ร้อยละ 9 หลังจากที่เศรษฐกิจเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักติดต่อกันมาเป็น
เวลา 4 ไตรมาส ถึงไตรมาสที่ 2 ปี 47 ส่วนในปี 48 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 3 — ร้อยละ 5
ซึ่งขึ้นอยู่กับการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนและอินเดีย ( รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 23 ส.ค. 47 20 ส.ค. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.434 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.2347/41.5293 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.1000-1.3750 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 598.55/7.40 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,900/8,000 7,850/7,950 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 39.65 41.73 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 21.19*/14.59 21.19*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 17 ส.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-