‘จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์’ ชี้รัฐบาลใจแคบ กรณีการสั่งห้าม นายชวน หลีกภัย กล่าวปิดงานวันเทศกาลลองกอง จ.สงขลา พร้อมระบุ เป็นฝ่ายค้านยุคนี้ต้องทำใจ เพราะการทำงานถูกสกัดกั้นทุกรูปแบบ วอนปชช.ทำความเข้าใจ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเหนือชาย จิระอมรรัตน์ นายอำเภอสะเดา จ.สงขลา ขัดขวางไม่ให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นเวทีในพิธีปิดงานวันเทศกาลลองกอง ที่ อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อค่ำวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า จากการตรวจสอบพบว่านายชวน หลีกภัย ได้รับเชิญจากเทศบาลซึ่งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ไปร่วมงานดังกล่าว โดยหลักสำคัญก็คือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็ควรจะมีอิสระตามหลักของกฎหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งอย่างน้อยก็ควรจะมีอิสระที่จะเชิญใครไปร่วมงานหรือเชิญใครไปเป็นประธานเปิดหรือปิดงาน แต่จากเหตุการณ์ดังกล่าวเหมือนกับว่าความเป็นอิสระนั้นถูกกดดันโดยหน่วยงานราชการส่วนภูมิภาค
‘ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่ที่มาที่ไปส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากความกลัวในเรื่องของการใช้อำนาจรัฐ ซึ่งเป็นเรื่องที่พวกเราเป็นห่วงมาโดยตลอด และเห็นมาเป็นลำดับว่าเท่าที่ปฏิบัติกันมา รัฐบาลมักจะใช้อำนาจหรือสิทธิในการดำเนินการกับประชาชนหรือมวลชนด้านเดียวมาโดยตลอด เช่น รายการนายกฯทักษิณพบประชาชนในทุกเช้าวันเสาร์ ซึ่งแสดงให้เห็นโดยชัดเจนว่าฝ่ายอื่นไม่เคยมีโอกาสที่จะพบประชาชนโดยใช้สื่อของรัฐ ซึ่งไม่ใช่สื่อส่วนตัวของรัฐบาลเลยทั้งนี้ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาการทำงานของพรรคฝ่ายค้านเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะมีข้อจำกัดมากในการสื่อข้อความหรือการทำงานผ่านสื่อของรัฐไปยังประชาชน แม้กระทั่งการจะลงไปพบปะกับประชาชนยังถูกสกัดกั้นในรูปแบบต่างๆ ผมคิดว่าหลายคนคงรู้อยู่แล้วว่ายุคนี้เป็นยุคอะไร แต่อย่างน้อยที่สุดก็อยากให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจและอยากให้ประชาชนได้รู้ได้เห็น’ นายจุรินทร์กล่าว
ต่อข้อถามว่าพรรคจะดำเนินการอย่างไรหรือไม่เพราะยังไม่ถึงช่วงเลือกตั้งก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแล้ว รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนคิดว่าอย่างน้อยก็ให้ประชาชนได้รับทราบก็เป็นเรื่องที่ดี และคิดว่าตอนนี้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับความใจกว้าง ใจแคบของรัฐบาลด้วย เมื่อถามว่ากำลังมองว่าข้าราชการเกิดความกลัวไปเอง หรือกำลังมองว่ามีการสั่งการหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า อาจจะเกิดจากทั้ง 2 ส่วน คือทั้งกลัวและทั้งเคยมีการใช้อำนาจทำให้ข้าราชการเกิดความกลัว เพราะข้อเท็จจริงเท่าที่ตรวจสอบพบว่าเคยมีกรณีที่เกิดขึ้นแล้วก็ถูกย้าย ซึ่งนายอำเภอก็คงไม่ย้ายตัวเอง ก็ต้องคนที่มีอำนาจเหนือกว่ามาย้าย
เมื่อถามว่าจะทำให้ข้าราชการในพื้นที่ภาคใต้โดยเฉพาะในฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์รู้สึกอึดอัดหรือไม่ เมื่อผู้นำฝ่ายค้านหรือส.ส.ฝ่ายค้านขึ้นปราศรัยมันจะเป็นผลกระทบกับตัวเขา นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนคิดว่าข้าราชการก็ต้องมีหน้าที่ในการวางตัวเป็นกลางในทางการเมืองอยู่แล้ว แต่รัฐบาลก็ไม่ควรที่จะไปทำอะไรที่จะไปส่งสัญญาณว่าเอาข้าราชการมาเป็นเครื่องมือในทางการเมือง ซึ่งถ้าแปลความหมายอย่างชัดเจนก็คือว่า ถ้าทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับพรรครัฐบาลก็ไม่เป็นไร แต่แค่เพียงไปทำอะไรที่เกี่ยวพันกับพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ได้เป็นรัฐบาลนั้นไม่ได้ จะได้รับโทษในทางใดทางหนึ่ง ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ก็ถือว่าไม่ถูกต้อง ต่อข้อถามว่าทราบว่านายอำเภอมีแกนหนุนหลัง มีความสนิทกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดลึกไปถึงขนาดนั้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 ส.ค. 2547--จบ--
-ดท-
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเหนือชาย จิระอมรรัตน์ นายอำเภอสะเดา จ.สงขลา ขัดขวางไม่ให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นเวทีในพิธีปิดงานวันเทศกาลลองกอง ที่ อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อค่ำวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า จากการตรวจสอบพบว่านายชวน หลีกภัย ได้รับเชิญจากเทศบาลซึ่งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ไปร่วมงานดังกล่าว โดยหลักสำคัญก็คือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็ควรจะมีอิสระตามหลักของกฎหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งอย่างน้อยก็ควรจะมีอิสระที่จะเชิญใครไปร่วมงานหรือเชิญใครไปเป็นประธานเปิดหรือปิดงาน แต่จากเหตุการณ์ดังกล่าวเหมือนกับว่าความเป็นอิสระนั้นถูกกดดันโดยหน่วยงานราชการส่วนภูมิภาค
‘ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่ที่มาที่ไปส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากความกลัวในเรื่องของการใช้อำนาจรัฐ ซึ่งเป็นเรื่องที่พวกเราเป็นห่วงมาโดยตลอด และเห็นมาเป็นลำดับว่าเท่าที่ปฏิบัติกันมา รัฐบาลมักจะใช้อำนาจหรือสิทธิในการดำเนินการกับประชาชนหรือมวลชนด้านเดียวมาโดยตลอด เช่น รายการนายกฯทักษิณพบประชาชนในทุกเช้าวันเสาร์ ซึ่งแสดงให้เห็นโดยชัดเจนว่าฝ่ายอื่นไม่เคยมีโอกาสที่จะพบประชาชนโดยใช้สื่อของรัฐ ซึ่งไม่ใช่สื่อส่วนตัวของรัฐบาลเลยทั้งนี้ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาการทำงานของพรรคฝ่ายค้านเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะมีข้อจำกัดมากในการสื่อข้อความหรือการทำงานผ่านสื่อของรัฐไปยังประชาชน แม้กระทั่งการจะลงไปพบปะกับประชาชนยังถูกสกัดกั้นในรูปแบบต่างๆ ผมคิดว่าหลายคนคงรู้อยู่แล้วว่ายุคนี้เป็นยุคอะไร แต่อย่างน้อยที่สุดก็อยากให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจและอยากให้ประชาชนได้รู้ได้เห็น’ นายจุรินทร์กล่าว
ต่อข้อถามว่าพรรคจะดำเนินการอย่างไรหรือไม่เพราะยังไม่ถึงช่วงเลือกตั้งก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแล้ว รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนคิดว่าอย่างน้อยก็ให้ประชาชนได้รับทราบก็เป็นเรื่องที่ดี และคิดว่าตอนนี้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับความใจกว้าง ใจแคบของรัฐบาลด้วย เมื่อถามว่ากำลังมองว่าข้าราชการเกิดความกลัวไปเอง หรือกำลังมองว่ามีการสั่งการหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า อาจจะเกิดจากทั้ง 2 ส่วน คือทั้งกลัวและทั้งเคยมีการใช้อำนาจทำให้ข้าราชการเกิดความกลัว เพราะข้อเท็จจริงเท่าที่ตรวจสอบพบว่าเคยมีกรณีที่เกิดขึ้นแล้วก็ถูกย้าย ซึ่งนายอำเภอก็คงไม่ย้ายตัวเอง ก็ต้องคนที่มีอำนาจเหนือกว่ามาย้าย
เมื่อถามว่าจะทำให้ข้าราชการในพื้นที่ภาคใต้โดยเฉพาะในฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์รู้สึกอึดอัดหรือไม่ เมื่อผู้นำฝ่ายค้านหรือส.ส.ฝ่ายค้านขึ้นปราศรัยมันจะเป็นผลกระทบกับตัวเขา นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนคิดว่าข้าราชการก็ต้องมีหน้าที่ในการวางตัวเป็นกลางในทางการเมืองอยู่แล้ว แต่รัฐบาลก็ไม่ควรที่จะไปทำอะไรที่จะไปส่งสัญญาณว่าเอาข้าราชการมาเป็นเครื่องมือในทางการเมือง ซึ่งถ้าแปลความหมายอย่างชัดเจนก็คือว่า ถ้าทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับพรรครัฐบาลก็ไม่เป็นไร แต่แค่เพียงไปทำอะไรที่เกี่ยวพันกับพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ได้เป็นรัฐบาลนั้นไม่ได้ จะได้รับโทษในทางใดทางหนึ่ง ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ก็ถือว่าไม่ถูกต้อง ต่อข้อถามว่าทราบว่านายอำเภอมีแกนหนุนหลัง มีความสนิทกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดลึกไปถึงขนาดนั้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 ส.ค. 2547--จบ--
-ดท-