นายสมใจนึก เองตระกูล ปลัดกระทรวงการคลัง ได้เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการรวมกิจการระหว่าง บริษัท ข้อมูลเครดิตไทย จำกัด และ บริษัท ข้อมูลเครดิตกลาง จำกัด การรวมกิจการในครั้งนี้เกิดจากความตกลงร่วมกันของบริษัททั้งสองที่จะควบรวมกิจการเข้าด้วยกันเพื่อให้ระบบข้อมูลเครดิตของประเทศมีความเป็นเอกภาพและสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความสะดวกรวดเร็ว และมีความคุ้มค่าในเชิงเศรษฐกิจยิ่งขึ้น
ความคิดริเริ่มในการรวมกิจการข้อมูลเครดิตเกิดจากการที่ทั้งสองบริษัทได้เล็งเห็นถึงปัญหาของการให้บริการข้อมูลเครดิตในช่วงที่ผ่านมาว่ามีปัญหาของความซ้ำซ้อนเนื่องจากประเทศไทยมีบริษัทผู้ให้บริการข้อมูลเครดิตสองรายนับแต่ช่วงเริ่มต้น ส่งผลให้สถาบันการเงินสมาชิกต้องจัดส่ง ค้นหา และตรวจสอบข้อมูลเครดิตลูกค้าจากบริษัทข้อมูลเครดิตทั้งสองแห่ง จึงเป็นการเพิ่มปริมาณงานและค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อนเกินจำเป็น แม้ว่าฐานข้อมูลลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นฐานข้อมูลลูกค้ากลุ่มเดียวกันก็ตาม
ดังนั้น เพื่อให้ระบบข้อมูลเครดิตของไทยมีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างเสถียรภาพให้กับระบบการเงินได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเกิดการประหยัดต่อขนาด กระทรวงการคลังจึงได้ให้ความสนับสนุนต่อความคิดริเริ่มในการรวมกิจการระหว่างกันของบริษัทข้อมูลเครดิตทั้งสอง และได้มอบหมายให้สำนักวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลังทำการศึกษาเพื่อกำหนดรูปแบบการรวมกิจการที่มีความเหมาะสม ที่สุด โดยทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม จากการศึกษาพบว่ารูปแบบการรวมกิจการที่เหมาะสม คือ การรวมกิจการบริษัท ข้อมูลเครดิตไทย จำกัด เข้ากับบริษัท ข้อมูลเครดิตกลาง จำกัด โดยมีกระทรวงการคลังเข้าร่วมถือหุ้นด้วยบางส่วน ซึ่งจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อระบบข้อมูลเครดิตของไทย ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้รับความเป็นธรรม และช่วยลดต้นทุนค่าบริการให้ต่ำลง และจะเป็นกลไกหนึ่งในการช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพของระบบการเงิน และความสามารถในการแข่งขันของระบบการเงินในระยะยาว
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 63/2547 19 สิงหาคม 2547--
ความคิดริเริ่มในการรวมกิจการข้อมูลเครดิตเกิดจากการที่ทั้งสองบริษัทได้เล็งเห็นถึงปัญหาของการให้บริการข้อมูลเครดิตในช่วงที่ผ่านมาว่ามีปัญหาของความซ้ำซ้อนเนื่องจากประเทศไทยมีบริษัทผู้ให้บริการข้อมูลเครดิตสองรายนับแต่ช่วงเริ่มต้น ส่งผลให้สถาบันการเงินสมาชิกต้องจัดส่ง ค้นหา และตรวจสอบข้อมูลเครดิตลูกค้าจากบริษัทข้อมูลเครดิตทั้งสองแห่ง จึงเป็นการเพิ่มปริมาณงานและค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อนเกินจำเป็น แม้ว่าฐานข้อมูลลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นฐานข้อมูลลูกค้ากลุ่มเดียวกันก็ตาม
ดังนั้น เพื่อให้ระบบข้อมูลเครดิตของไทยมีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างเสถียรภาพให้กับระบบการเงินได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเกิดการประหยัดต่อขนาด กระทรวงการคลังจึงได้ให้ความสนับสนุนต่อความคิดริเริ่มในการรวมกิจการระหว่างกันของบริษัทข้อมูลเครดิตทั้งสอง และได้มอบหมายให้สำนักวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลังทำการศึกษาเพื่อกำหนดรูปแบบการรวมกิจการที่มีความเหมาะสม ที่สุด โดยทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม จากการศึกษาพบว่ารูปแบบการรวมกิจการที่เหมาะสม คือ การรวมกิจการบริษัท ข้อมูลเครดิตไทย จำกัด เข้ากับบริษัท ข้อมูลเครดิตกลาง จำกัด โดยมีกระทรวงการคลังเข้าร่วมถือหุ้นด้วยบางส่วน ซึ่งจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อระบบข้อมูลเครดิตของไทย ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้รับความเป็นธรรม และช่วยลดต้นทุนค่าบริการให้ต่ำลง และจะเป็นกลไกหนึ่งในการช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพของระบบการเงิน และความสามารถในการแข่งขันของระบบการเงินในระยะยาว
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 63/2547 19 สิงหาคม 2547--