วันนี้ (24 ส.ค.47) เวลา 15.45 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารพรรค ว่า ที่ประชุมได้มีมติให้ส.ส.ของพรรคทั้งหมดไปช่วยหาเสียงให้แก่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. หมายเลข 1 พรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. โดยใช้ชื่อว่า ‘ยุทธศาสตร์เคาะกระจกรถ’ ซึ่งจะมีการระดม ส.ส.ของพรรคไปตามสี่แยกใหญ่ๆในกทม. และบริเวณทางออกหมู่บ้านต่างๆในช่วงเช้า-เย็น เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งกันมากขึ้น นอกจากนี้ ในวันที่ 27 ส.ค. เวลา 17.00 น. พรรคจะเปิดปราศรัยใหญ่ที่ลานคนเดิน ด้านหน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร โดยมีแกนนำและส.ส.ของพรรคไปร่วมปราศรัยด้วยหลายคน
นายองอาจ กล่าวอีกว่า พรรคได้รับร้องเรียนจากข้าราชการชั้นผู้น้อยหลายหน่วยงานว่า ถูกผู้บังคับบัญชาพูดเชิงบีบบังคับให้ลงคะแนนเลือกผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.บางราย ซึ่งพรรคได้ขอให้ข้าราชการอย่ากลัวการกระทำดังกล่าว เพราะการลงคะแนนเลือกผู้ว่าฯกทม.นั้น ไม่มีใครทราบได้ว่าใครเลือกผู้สมัครคนใด เพราะทุกหน่วยเลือกตั้งจะนำหีบบัตรไปนับคะแนนรวมกันที่ที่ว่าการเขต ส่วนกรณีที่มีการทำใบปลิวโจมตี ซึ่งมีการใส่ร้ายผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.นั้น พรรคประชาธิปัตย์ขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เข้าไปตรวจสอบหาผู้กระทำผิดและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและไม่สร้างสรรค์
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะผู้บริหารพรรคและส.ส.ได้รับทราบถึงการจัดอบรมแกนนำเขตพื้นที่ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสาน ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 25-26 ส.ค.นี้ ที่โรงแรมรัชดาซิตี้ ถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ โดยจะมีผู้เข้ารับการอบรมจำนวน 403 คน ทั้งนี้ การอบรมดังกล่าวจะเป็นการสัมมนาสร้างวิสัยทัศน์ ฝึกอบรมกลยุทธ์การสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนในเรื่องนโยบายของพรรค โดยแกนนำของพรรคและนักวิชการจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ส่วนเป้าหมายของการจัดอบรมนี้ คือ การทำให้บรรดาแกนนำเขตพื้นที่ลงไปเคลื่อนไหวชี้แจงแก่ประชาชนในพื้นที่ของตัวเองถึงนโยบาย 4 ภารกิจเร่งด่วนของพรรค ซึ่งจะช่วยทำให้ประชาชนในหลายๆพื้นที่ โดยเฉพาะเขตที่พรรคไม่มีส.ส. จะมีความเข้าใจในแนวนโยบายของพรรคมากขึ้นกว่าเดิม
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่านายสุทัศน์ เงินหมื่น รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งดูแลการเลือกตั้งพื้นที่ภาคอีสาน จะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไปอยู่พรรคมหาชน เพราะเกิดความรู้สึกอึดอัดในการทำงานในพรรคนั้น นายองอาจกล่าวว่า นายสุทัศน์ได้กล่าวชี้แจงอย่างชัดเจนในที่ประชุมผู้บริหารพรรควันนี้แล้วว่าไม่เคยไประบายความอึดอัดใจภายนอกพรรค และไม่เคยคิดย้ายไปอยู่กับพรรคมหาชน โดยยังต้องการทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์ในเขตพื้นที่รับผิดชอบต่อไปอย่างเต็มที่ อีกทั้งนายสุทัศน์ ยังได้เสนอรายชื่อผู้สมัครส.ส.ในภาคอีสานต่อที่ประชุม รวมถึงในส่วนที่นายไชยยศ จิรเมธากร ส.ส.อุดรธานี พรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอรายชื่อผู้สมัครในพื้นที่ 10 เขตในจ.อุดรธานี แต่ขณะนี้พรรคมุ่งเน้นไปที่สถานการณ์ช่วงโค้งสุดท้ายในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ทางที่ประชุมคณะผู้บริหารของพรรคจึงมีมติเลื่อนการพิจารณารายชื่อดังกล่าวออกไปเป็นหลังจากเสร็จสิ้นการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาพิจารณามากพอสมควร ส่วนกรณีที่จะให้นายสุทัศน์ ลงสมัครส.ส.ระบบเขตในพื้นที่จ.อำนาจเจริญ แทนนายไพศาล จันทวารา อดีตส.ส.เจ้าของพื้นที่ของพรรค ซึ่งลาออกไปอยู่พรรคชาติไทยนั้น ยังไม่ได้มีการพิจารณาเช่นเดียวกัน
ส่วนการพิจารณาวางตัวผู้สมัครส.ส.ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แทนอดีตส.ส.กลุ่มดารุสซาราม พรรคประชาธิปัตย์ 4 คนที่ลาออกไปอยู่พรรคไทยรักไทยนั้น กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะผู้รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว ซึ่งนอกจากจะมีการสำรวจความนิยมในพื้นที่ และคุณสมบัติของผู้เสนอตัวแล้ว ยังต้องมีการพิจารณาด้วยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้หรือไม่ ซึ่งต้องใช้เวลาพิจารณาให้เกิดความรอบคอบ เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งต่อพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถเปิดรายชื่อผู้สมัครในพื้นที่นี้ได้ประมาณต้นเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 ส.ค. 2547--จบ--
-ดท-
นายองอาจ กล่าวอีกว่า พรรคได้รับร้องเรียนจากข้าราชการชั้นผู้น้อยหลายหน่วยงานว่า ถูกผู้บังคับบัญชาพูดเชิงบีบบังคับให้ลงคะแนนเลือกผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.บางราย ซึ่งพรรคได้ขอให้ข้าราชการอย่ากลัวการกระทำดังกล่าว เพราะการลงคะแนนเลือกผู้ว่าฯกทม.นั้น ไม่มีใครทราบได้ว่าใครเลือกผู้สมัครคนใด เพราะทุกหน่วยเลือกตั้งจะนำหีบบัตรไปนับคะแนนรวมกันที่ที่ว่าการเขต ส่วนกรณีที่มีการทำใบปลิวโจมตี ซึ่งมีการใส่ร้ายผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.นั้น พรรคประชาธิปัตย์ขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เข้าไปตรวจสอบหาผู้กระทำผิดและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและไม่สร้างสรรค์
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะผู้บริหารพรรคและส.ส.ได้รับทราบถึงการจัดอบรมแกนนำเขตพื้นที่ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสาน ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 25-26 ส.ค.นี้ ที่โรงแรมรัชดาซิตี้ ถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ โดยจะมีผู้เข้ารับการอบรมจำนวน 403 คน ทั้งนี้ การอบรมดังกล่าวจะเป็นการสัมมนาสร้างวิสัยทัศน์ ฝึกอบรมกลยุทธ์การสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนในเรื่องนโยบายของพรรค โดยแกนนำของพรรคและนักวิชการจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ส่วนเป้าหมายของการจัดอบรมนี้ คือ การทำให้บรรดาแกนนำเขตพื้นที่ลงไปเคลื่อนไหวชี้แจงแก่ประชาชนในพื้นที่ของตัวเองถึงนโยบาย 4 ภารกิจเร่งด่วนของพรรค ซึ่งจะช่วยทำให้ประชาชนในหลายๆพื้นที่ โดยเฉพาะเขตที่พรรคไม่มีส.ส. จะมีความเข้าใจในแนวนโยบายของพรรคมากขึ้นกว่าเดิม
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่านายสุทัศน์ เงินหมื่น รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งดูแลการเลือกตั้งพื้นที่ภาคอีสาน จะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไปอยู่พรรคมหาชน เพราะเกิดความรู้สึกอึดอัดในการทำงานในพรรคนั้น นายองอาจกล่าวว่า นายสุทัศน์ได้กล่าวชี้แจงอย่างชัดเจนในที่ประชุมผู้บริหารพรรควันนี้แล้วว่าไม่เคยไประบายความอึดอัดใจภายนอกพรรค และไม่เคยคิดย้ายไปอยู่กับพรรคมหาชน โดยยังต้องการทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์ในเขตพื้นที่รับผิดชอบต่อไปอย่างเต็มที่ อีกทั้งนายสุทัศน์ ยังได้เสนอรายชื่อผู้สมัครส.ส.ในภาคอีสานต่อที่ประชุม รวมถึงในส่วนที่นายไชยยศ จิรเมธากร ส.ส.อุดรธานี พรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอรายชื่อผู้สมัครในพื้นที่ 10 เขตในจ.อุดรธานี แต่ขณะนี้พรรคมุ่งเน้นไปที่สถานการณ์ช่วงโค้งสุดท้ายในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ทางที่ประชุมคณะผู้บริหารของพรรคจึงมีมติเลื่อนการพิจารณารายชื่อดังกล่าวออกไปเป็นหลังจากเสร็จสิ้นการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาพิจารณามากพอสมควร ส่วนกรณีที่จะให้นายสุทัศน์ ลงสมัครส.ส.ระบบเขตในพื้นที่จ.อำนาจเจริญ แทนนายไพศาล จันทวารา อดีตส.ส.เจ้าของพื้นที่ของพรรค ซึ่งลาออกไปอยู่พรรคชาติไทยนั้น ยังไม่ได้มีการพิจารณาเช่นเดียวกัน
ส่วนการพิจารณาวางตัวผู้สมัครส.ส.ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แทนอดีตส.ส.กลุ่มดารุสซาราม พรรคประชาธิปัตย์ 4 คนที่ลาออกไปอยู่พรรคไทยรักไทยนั้น กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะผู้รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว ซึ่งนอกจากจะมีการสำรวจความนิยมในพื้นที่ และคุณสมบัติของผู้เสนอตัวแล้ว ยังต้องมีการพิจารณาด้วยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้หรือไม่ ซึ่งต้องใช้เวลาพิจารณาให้เกิดความรอบคอบ เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งต่อพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถเปิดรายชื่อผู้สมัครในพื้นที่นี้ได้ประมาณต้นเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 ส.ค. 2547--จบ--
-ดท-