เมื่อเช้าวันนี้ (25 ส.ค.47 ) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘ข่าวยามเช้า’ ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 101.0 เมกกะเฮิร์ท ถึงผลการพิจารณาคัดเลือกคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) 7 คน ว่า เรื่อง กทช. นี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเป็นคณะกรรมการที่ต้องดูแลทรัพยากรที่มีมูลค่ามหาศาล และหากใช้ให้เป็นประโยชน์ก็จะช่วยพัฒนาประเทศได้มาก ซึ่งต้องยอมรับว่าการที่เสียเวลามาหลายปี เพราะมีปัญหาเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เมื่อผ่านขั้นตอนของวุฒิสภาแล้วก็ถือว่าจบกัน ยกเว้นในกรณีที่ศาลปกครองไปวินิจฉัยตามคำร้อง
โดยนายอภิสิทธิ์ตั้งข้อสังเกตว่าจะมั่นใจได้อย่างไรว่ากรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติที่ได้รับเลือกจะไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับคนที่มีผลประโยชน์ในเรื่องนี้ ‘เรามั่นใจได้หรือไม่ว่าคนที่เราคัดเลือกนั้น ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับคนที่มีผลประโยชน์ จะเป็นร่างทรงหรือเปล่า ซึ่งต้องยอมรับว่าบางท่านก็ยังมีความสัมพันธ์อยู่อย่างชัดเจน เช่นดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโทรคมนาคมอย่างนี้เป็นต้น และการลงคะแนนว่ากันว่า ใบที่ลงคะแนนทั้ง 7 ท่านนี้เหมือนกันเลย 80 กว่าใบ ซึงก็น่าสังเกต เพราะว่าใจตรงกันพร้อมเพรียงกัน 80 กว่าคนนั้นไม่ธรรมดา’ นายอภิสิทธ์กล่าว และกล่าวต่อว่าจากนี้ไป กทช.ต้องสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนในการทำงาน อย่าใช้วิธีเสียงข้างมากแต่ต้องให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมและรับฟังเสียงของประชาชนให้มากที่สุด รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นในด้านความโปร่งใส ซึ่งเมื่อทำเช่นนี้ได้ก็จะไม่มีใครครหา และจะทำให้สังคมได้รับประโยชน์ทางด้านโทรคมนาคมจากทรัพยากรที่เป็นสมบัติสาธารณะจริงๆ
เมื่อถามว่ามีความสับสนว่า กทช.มีอำนาจที่จะมาดูแลเรื่องการแปรสัญญาสัมปทานหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จะบอกว่ามีอำนาจโดยตรงหรือไม่มีไม่ได้ เพราะต้องยอมรับว่ากติกาของสัญญาที่มีอยู่แล้ว ย่อมกระทบต่อสภาวะแวดล้อมของการแข่งขัน และสภาพของการจัดสรรคลื่นความถี่ เพราะฉะนั้นหาก กทช. มีจุดยืนที่ชัดเจนก็ต้องส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม และตนคิดว่าคนที่มีหน้าที่แปรสัญญาก็ควรจะเคารพในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25 ส.ค. 2547--จบ--
-ดท-
โดยนายอภิสิทธิ์ตั้งข้อสังเกตว่าจะมั่นใจได้อย่างไรว่ากรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติที่ได้รับเลือกจะไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับคนที่มีผลประโยชน์ในเรื่องนี้ ‘เรามั่นใจได้หรือไม่ว่าคนที่เราคัดเลือกนั้น ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับคนที่มีผลประโยชน์ จะเป็นร่างทรงหรือเปล่า ซึ่งต้องยอมรับว่าบางท่านก็ยังมีความสัมพันธ์อยู่อย่างชัดเจน เช่นดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโทรคมนาคมอย่างนี้เป็นต้น และการลงคะแนนว่ากันว่า ใบที่ลงคะแนนทั้ง 7 ท่านนี้เหมือนกันเลย 80 กว่าใบ ซึงก็น่าสังเกต เพราะว่าใจตรงกันพร้อมเพรียงกัน 80 กว่าคนนั้นไม่ธรรมดา’ นายอภิสิทธ์กล่าว และกล่าวต่อว่าจากนี้ไป กทช.ต้องสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนในการทำงาน อย่าใช้วิธีเสียงข้างมากแต่ต้องให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมและรับฟังเสียงของประชาชนให้มากที่สุด รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นในด้านความโปร่งใส ซึ่งเมื่อทำเช่นนี้ได้ก็จะไม่มีใครครหา และจะทำให้สังคมได้รับประโยชน์ทางด้านโทรคมนาคมจากทรัพยากรที่เป็นสมบัติสาธารณะจริงๆ
เมื่อถามว่ามีความสับสนว่า กทช.มีอำนาจที่จะมาดูแลเรื่องการแปรสัญญาสัมปทานหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จะบอกว่ามีอำนาจโดยตรงหรือไม่มีไม่ได้ เพราะต้องยอมรับว่ากติกาของสัญญาที่มีอยู่แล้ว ย่อมกระทบต่อสภาวะแวดล้อมของการแข่งขัน และสภาพของการจัดสรรคลื่นความถี่ เพราะฉะนั้นหาก กทช. มีจุดยืนที่ชัดเจนก็ต้องส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม และตนคิดว่าคนที่มีหน้าที่แปรสัญญาก็ควรจะเคารพในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25 ส.ค. 2547--จบ--
-ดท-