นางสาวสุชาดา วราภรณ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหรรม เปิดเผยว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในประเทศ มีประสิทธิภาพทางการผลิตและจำหน่ายอยู่ในเกณฑ์ที่ดี สามารถแข่งขันกับคู่อย่าง อินเดีย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ และไต้หวันได้เป็นอย่างดีเนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนในโครงการหลักของภาครัฐ อาทิ กรุงเทพเมืองแฟชั่นครัวของโลก โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ และการส่งเสริมและกลุ่มธุรกิจ SMEs ทำให้อุตสาหกรรมนี้ขยายตัวเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ปริมาณการบริโภคเม้ดพลาสติกมีจำนวนสุงที่ขึ้น
สำหรับผลการศึกษาความสามารถในการแข่งขันเม็ดพลาสติกหลัก ได้แก่ PE,PP,PVC,PS/EPS,ABS/SAN และ PET พบว่าประเทศอินเดีย โครงสร้างพื้นฐานยังไม่ดีและมีความล่าช้าในการจัดการขนถ่ายสินค้า (Handing) ทั้งนี้ อินเเดียมีนโยบายที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมเม็ดพลาสติกภายในประเทศ อันจะส่งผลให้ความต้องการเม็ดพลาสติกเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าในอนาคตอินเดียอาจผลิตเม็ดพลาสติกไม่เพียงพอกับความต้องการ และต้องมีการนำเข้าจากต่างประเทศ ด้านประเทศอินโดนีเซีย มีทรัพยากรที่ใช้ผลิตผลิตภัณฑ์ปิโครเคมีอยู่จำนวนมาก แต่ไม่ได้นำมาผลิตปิโครเคมีเลย เนื่องจาก ภูมิประเทศเป็นเกาะในทะเลลึก จึงไม่สามารถวางท่อได้ และยังมีปัญหาเรื่องความมั่นคงภายในประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมปิโครเคมี ส่วนประเทศเกาหลีใต้ มีข้อจำกัดเรื่องทรัพยากรปิโครเลียมในประเทศและประสบปัญหาอย่างหนักในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ในปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายเสริมสร้างอุตสาหกรรมแปรรูปพลาสติก เพื่อสร้างตลาดในประเทศ และส่งเสริมการผลิตผลิตภัณฑ์เกรดพิเศษซึ่งมีมุลค่าเพิ่มสูง ทั้งนี้ ผู้ผลิตไทยมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าผู้ผลิตเกาหลีใต้ แต่อาจเสียเปรียบเรื่องต้นทุนต่าขนส่งไปยังตลาดจีน ขณะที่ประเทศมาเลเซีย จัดเป็นคู่แข่งสำคัญของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของไทย เพราะมีความได้เปรียบในเรื่องของต้นทุนการผลิต เพราะผู้ผลิตส่วนใหญ่ใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิต อีกทั้ง รัฐบาลเร่งสร้างระบบขนส่งและสาธารณูปโภคพื้นฐานรองรับการขยายตัวของปิโตรเคมี อย่างไรก็ตาม หากประเทศไทยมีการ พัฒนาก๊าซธรรมชาติมาใช้มากขึ้น ศักยภาพในการแข่งขันก็จะเพิ่มขึ้น สำหรับประเทศสิงคโปร์ มีข้อได้เปรียบในเรื่องของการมีท่าเรือที่ทันสมัย จนได้การยอมรับให้เป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาคเอเซีย และคุณภาพแรงงาน ทั้งในด้านกาษาอังกฤษและทักษะแรงงงาน แต่เสียเปรียบมากในเรื่องตลาดที่มีขนาดเล็กทำให้ต้องพึ่งพาตลาดส่งออกเป็นหลัก ขณะที่ ประเทศไต้หวัน กำลังเผชิญปัญหา ผู้ผลิตย้ายฐานการผลิตไปยังจีน ไต้หวันจึงควรเร่งปรับนโยบายการค้า และส่งเสริมการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง นอกจากนี้รัฐบาลไต้หวันได้จัดทำแผนพัฒนาประเทศระยะ 6 ปี เน้นพัฒนาอุตปิโตรเคมีเป็นสำคัญ และไต้หวันมีเป้าหมายจะเป็น Green Silicon Island ในปี 2008
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-
สำหรับผลการศึกษาความสามารถในการแข่งขันเม็ดพลาสติกหลัก ได้แก่ PE,PP,PVC,PS/EPS,ABS/SAN และ PET พบว่าประเทศอินเดีย โครงสร้างพื้นฐานยังไม่ดีและมีความล่าช้าในการจัดการขนถ่ายสินค้า (Handing) ทั้งนี้ อินเเดียมีนโยบายที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมเม็ดพลาสติกภายในประเทศ อันจะส่งผลให้ความต้องการเม็ดพลาสติกเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าในอนาคตอินเดียอาจผลิตเม็ดพลาสติกไม่เพียงพอกับความต้องการ และต้องมีการนำเข้าจากต่างประเทศ ด้านประเทศอินโดนีเซีย มีทรัพยากรที่ใช้ผลิตผลิตภัณฑ์ปิโครเคมีอยู่จำนวนมาก แต่ไม่ได้นำมาผลิตปิโครเคมีเลย เนื่องจาก ภูมิประเทศเป็นเกาะในทะเลลึก จึงไม่สามารถวางท่อได้ และยังมีปัญหาเรื่องความมั่นคงภายในประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมปิโครเคมี ส่วนประเทศเกาหลีใต้ มีข้อจำกัดเรื่องทรัพยากรปิโครเลียมในประเทศและประสบปัญหาอย่างหนักในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ในปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายเสริมสร้างอุตสาหกรรมแปรรูปพลาสติก เพื่อสร้างตลาดในประเทศ และส่งเสริมการผลิตผลิตภัณฑ์เกรดพิเศษซึ่งมีมุลค่าเพิ่มสูง ทั้งนี้ ผู้ผลิตไทยมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าผู้ผลิตเกาหลีใต้ แต่อาจเสียเปรียบเรื่องต้นทุนต่าขนส่งไปยังตลาดจีน ขณะที่ประเทศมาเลเซีย จัดเป็นคู่แข่งสำคัญของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของไทย เพราะมีความได้เปรียบในเรื่องของต้นทุนการผลิต เพราะผู้ผลิตส่วนใหญ่ใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิต อีกทั้ง รัฐบาลเร่งสร้างระบบขนส่งและสาธารณูปโภคพื้นฐานรองรับการขยายตัวของปิโตรเคมี อย่างไรก็ตาม หากประเทศไทยมีการ พัฒนาก๊าซธรรมชาติมาใช้มากขึ้น ศักยภาพในการแข่งขันก็จะเพิ่มขึ้น สำหรับประเทศสิงคโปร์ มีข้อได้เปรียบในเรื่องของการมีท่าเรือที่ทันสมัย จนได้การยอมรับให้เป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาคเอเซีย และคุณภาพแรงงาน ทั้งในด้านกาษาอังกฤษและทักษะแรงงงาน แต่เสียเปรียบมากในเรื่องตลาดที่มีขนาดเล็กทำให้ต้องพึ่งพาตลาดส่งออกเป็นหลัก ขณะที่ ประเทศไต้หวัน กำลังเผชิญปัญหา ผู้ผลิตย้ายฐานการผลิตไปยังจีน ไต้หวันจึงควรเร่งปรับนโยบายการค้า และส่งเสริมการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง นอกจากนี้รัฐบาลไต้หวันได้จัดทำแผนพัฒนาประเทศระยะ 6 ปี เน้นพัฒนาอุตปิโตรเคมีเป็นสำคัญ และไต้หวันมีเป้าหมายจะเป็น Green Silicon Island ในปี 2008
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-