นายสมชัย สัจจพงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกระทรวง การคลัง เปิดเผยรายงานฐานะการคลังตามระบบกระแสเงินสด และระบบ สศค. ประจำเดือนกรกฎาคม 2547 สรุปได้ว่า ตัวชี้วัดทางการคลังตามระบบ สศค. และตามระบบกระแสเงินสดสะท้อนถึงฐานะการคลังอันแข็งแกร่ง ภาคเอกชนมีการขยายตัวอย่างมาก ซึ่งสะท้อนได้จากการที่รัฐบาลสามารถจัดเก็บภาษีจากฐานรายได้ (ภาษีเงินได้) และจากฐานการบริโภค (ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิต) ได้เพิ่มสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนภาครายจ่ายของรัฐบาลยังมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ตัววัดผลกระทบทางการคลังยังแสดงถึงการดำเนินงานทางการคลังที่ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น สอดรับกับฐานะทางการคลังและการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
1 ฐานะการคลังตามระบบกระแสเงินสด (Cash Basis)
1.1 เดือนกรกฎาคม 2547
รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 82,369 ล้านบาท และมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ 98,056 ล้านบาท ประกอบด้วยรายจ่ายปีปัจจุบัน 94,429 ล้านบาท และรายจ่ายปีก่อน 3,627 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลงบประมาณขาดดุล15,687 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลนอกงบประมาณซึ่งเกินดุล 3,555 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสด 12,132 ล้านบาท (ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วซึ่งขาดดุล 794 ล้านบาท ) เมื่อพิจารณาดุลการคลังเบื้องต้น (รายรับที่ไม่รวมดอกเบี้ยรับ หักด้วยรายจ่ายที่ไม่รวมดอกเบี้ยจ่าย) รัฐบาลขาดดุลจำนวน 8,203 ล้านบาท
1.2 ในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2547 (ต.ค.46 - ก.ค.47)
รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังรวมทั้งสิ้น 913,781 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 121,430 ล้านบาท หรือร้อยละ 15.3 ขณะที่การเบิกจ่ายมีจำนวนทั้งสิ้น 933,632 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 128,333 ล้านบาท หรือร้อยละ 15.9 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการจ่ายบำเหน็จดำรงชีพจำนวน 42,777 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลงบประมาณขาดดุล 19,851 ล้านบาท เมื่อรวมกับการขาดดุลนอกงบประมาณ 73,431 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสด 93,282 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลชดเชยการขาดดุลโดยการใช้เงินคงคลัง จำนวน 50,282 ล้านบาท และโดยการกู้เงิน จำนวน 43,000 ล้านบาท ด้วยการออกตั๋วเงินคลัง และพันธบัตร 13,000 และ 30,000 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับดุลการคลังเบื้องต้นเกินดุล 58,292 ล้านบาท (ดังรายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 1)
2 เงินคงคลังรัฐบาล
เงินคงคลังเบื้องต้น ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2547 มีจำนวน 80,935 ล้านบาท (ประมาณ 20 วันทำการ) ลดลงจากเดือนที่แล้ว 12,132 ล้านบาท
3 ฐานะการคลังตามระบบ สศค. (GFS Basis)
3.1 เดือนกรกฎาคม 2547
3.1.1 ด้านรายได้
รัฐบาลมีรายได้รวมทั้งสิ้น 96,751 ล้านบาท ประกอบด้วยรายได้นำส่งคลัง 82,369 ล้านบาท และรายได้จากกองทุนและเงินฝากนอกงบประมาณ รวมทั้งเงินช่วยเหลืออีกจำนวน 14,382 ล้านบาท ซึ่งเมื่อหักรายการนับซ้ำออกแล้ว รัฐบาลมีรายได้สุทธิจำนวน 95,973 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 17.0 เป็นผลกรมจัดเก็บภาษีสามารถจัดเก็บภาษีได้มากจากภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น
3.1.2 ด้านรายจ่าย
รัฐบาลมีรายจ่ายรวมทั้งสิ้น 104,962 ล้านบาท ประกอบด้วยรายจ่ายจากงบประมาณปีปัจจุบันและปีก่อนจำนวน 96,069 ล้านบาท รายจ่ายเงินกู้ต่างประเทศและเงินช่วยเหลือจำนวน 900 ล้านบาท และรายจ่ายจากกองทุนและเงินฝากนอกงบประมาณอีก 7,993 ล้านบาท ส่งผลให้ มีเม็ดเงินอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ (หลังจากหักนับซ้ำแล้ว) จำนวน 104,184 ล้านบาท (ประกอบด้วยรายจ่ายประจำ 94,763 ล้านบาทและรายจ่ายลงทุน 9,421 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ร้อยละ 20.7
3.1.3 ดุลการคลังรัฐบาล
ดุลการคลัง (Fiscal Balance) ของรัฐบาลตามระบบ สศค.เดือนกรกฎาคม 2547 ขาดดุล 11,812 ล้านบาท เปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้วขาดดุลเพียง 6,588 ล้านบาท
3.2 ในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2547 (ต.ค.46 - ก.ค.47)
3.2.1 ด้านรายได้
รัฐบาลมีรายได้รวม 1,156,455 ล้านบาท โดยมีรายได้นำส่งคลัง 899,824 ล้านบาท รายได้จากกองทุนและเงินฝากนอกงบประมาณ และเงินช่วยเหลืออีกจำนวน 256,631 ล้านบาท ซึ่งเมื่อหักรายการนับซ้ำออกแล้ว รัฐบาลมีรายได้สุทธิ (หลังหักนับซ้ำแล้ว) จำนวน 1,087,788 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึงร้อยละ 22.4 สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องส่งผลให้รัฐบาลจัดเก็บรายได้ได้เพิ่มขึ้นมาก รวมทั้งเป็นผลจากหน่วยงานจัดเก็บได้นำเทคโนโลยีมาใช้ใน การบริหารจัดเก็บภาษี
3.2.2 ด้านรายจ่าย
รัฐบาลได้จ่ายเงินไปแล้วรวมทั้งสิ้น 1,115,808 ล้านบาท โดยจ่ายจากงบประมาณจำนวน 936,018 ล้านบาท จากรายจ่ายเงินกู้ต่างประเทศและเงินช่วยเหลือจำนวน 9,206 ล้านบาท รายจ่ายจากกองทุนและเงินฝากนอกงบประมาณอีก 170,583 ล้านบาท ส่งผลให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ (หลังหักนับซ้ำแล้ว) จำนวน 1,047,142 ล้านบาท (แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ 985,749 ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน 88,392 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึงร้อยละ 24.4 ซึ่งเป็น การเพิ่มขึ้นของรายจ่ายประจำร้อยละ 27.1 ในขณะที่รายจ่ายลงทุนเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.7
3.2.3 ดุลการคลัง
รัฐบาลเกินดุลการดำเนินงานเบื้องต้น 129,039 ล้านบาท และเกินดุลการให้กู้ยืมสุทธิจำนวน 40,647 ล้านบาท และเมื่อหักผลของการให้กู้ยืมตามนโยบายรัฐบาลสุทธิจำนวน 29,574 ล้านบาท ทำให้ดุลการคลังเกินดุลทั้งสิ้น 11,072 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปีที่แล้วเกินดุลลดลง 14,184 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 56.2
4. ผลกระทบของผลการดำเนินงานรัฐบาลในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2547 ที่มีต่อภาคเศรษฐกิจอื่นๆ
4.1 ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง
รายจ่ายของรัฐบาลที่ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของ GDP โดยตรงมี 2 ส่วนคือรายจ่ายเพื่อการบริโภคขั้นสุดท้ายของรัฐบาล (ประกอบด้วยรายจ่ายเงินเดือน ค่าจ้าง การใช้สินค้าและบริการ) และรายจ่ายเพื่อการลงทุนของรัฐบาล ในขณะเดียวกันรายได้หลักของรัฐบาล คือ ภาษี และเงินสมทบประกันสังคม เป็นการดึงอำนาจซื้อจากภาคเอกชนไปสู่ภาครัฐบาล ซึ่งจะส่งผลให้ภาคเอกชนมีอำนาจซื้อลดลง
รายจ่ายเพื่อการบริโภคขั้นสุดท้ายของรัฐบาลในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2547 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากการขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการ ในขณะที่รายจ่ายลงทุนของรัฐบาลเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 ด้านภาระภาษีและเงินสมทบประกันสังคมของภาคเอกชนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 1.2 แสดงถึงนโยบายการคลังไม่ได้สร้างภาระเพิ่มเติมให้แก่ภาคเอกชนและภาคครัวเรือน (ดังรายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 3)
4.2 ภาคการเงิน
ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2547 ขาดดุลเงินสดทั้งสิ้น 89,782 ล้านบาท และได้ชดเชยการขาดดุลโดยใช้เงินคงคลังจำนวน 46,782 ล้านบาท และการกู้ยืมเงินโดยการออกตั๋วเงินคลังและพันธบัตรจำนวน 13,000 และ 30,000 ล้านบาท ตามลำดับ
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 66/2547 27 สิงหาคม 2547--
1 ฐานะการคลังตามระบบกระแสเงินสด (Cash Basis)
1.1 เดือนกรกฎาคม 2547
รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 82,369 ล้านบาท และมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ 98,056 ล้านบาท ประกอบด้วยรายจ่ายปีปัจจุบัน 94,429 ล้านบาท และรายจ่ายปีก่อน 3,627 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลงบประมาณขาดดุล15,687 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลนอกงบประมาณซึ่งเกินดุล 3,555 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสด 12,132 ล้านบาท (ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วซึ่งขาดดุล 794 ล้านบาท ) เมื่อพิจารณาดุลการคลังเบื้องต้น (รายรับที่ไม่รวมดอกเบี้ยรับ หักด้วยรายจ่ายที่ไม่รวมดอกเบี้ยจ่าย) รัฐบาลขาดดุลจำนวน 8,203 ล้านบาท
1.2 ในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2547 (ต.ค.46 - ก.ค.47)
รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังรวมทั้งสิ้น 913,781 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 121,430 ล้านบาท หรือร้อยละ 15.3 ขณะที่การเบิกจ่ายมีจำนวนทั้งสิ้น 933,632 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 128,333 ล้านบาท หรือร้อยละ 15.9 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการจ่ายบำเหน็จดำรงชีพจำนวน 42,777 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลงบประมาณขาดดุล 19,851 ล้านบาท เมื่อรวมกับการขาดดุลนอกงบประมาณ 73,431 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสด 93,282 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลชดเชยการขาดดุลโดยการใช้เงินคงคลัง จำนวน 50,282 ล้านบาท และโดยการกู้เงิน จำนวน 43,000 ล้านบาท ด้วยการออกตั๋วเงินคลัง และพันธบัตร 13,000 และ 30,000 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับดุลการคลังเบื้องต้นเกินดุล 58,292 ล้านบาท (ดังรายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 1)
2 เงินคงคลังรัฐบาล
เงินคงคลังเบื้องต้น ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2547 มีจำนวน 80,935 ล้านบาท (ประมาณ 20 วันทำการ) ลดลงจากเดือนที่แล้ว 12,132 ล้านบาท
3 ฐานะการคลังตามระบบ สศค. (GFS Basis)
3.1 เดือนกรกฎาคม 2547
3.1.1 ด้านรายได้
รัฐบาลมีรายได้รวมทั้งสิ้น 96,751 ล้านบาท ประกอบด้วยรายได้นำส่งคลัง 82,369 ล้านบาท และรายได้จากกองทุนและเงินฝากนอกงบประมาณ รวมทั้งเงินช่วยเหลืออีกจำนวน 14,382 ล้านบาท ซึ่งเมื่อหักรายการนับซ้ำออกแล้ว รัฐบาลมีรายได้สุทธิจำนวน 95,973 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 17.0 เป็นผลกรมจัดเก็บภาษีสามารถจัดเก็บภาษีได้มากจากภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น
3.1.2 ด้านรายจ่าย
รัฐบาลมีรายจ่ายรวมทั้งสิ้น 104,962 ล้านบาท ประกอบด้วยรายจ่ายจากงบประมาณปีปัจจุบันและปีก่อนจำนวน 96,069 ล้านบาท รายจ่ายเงินกู้ต่างประเทศและเงินช่วยเหลือจำนวน 900 ล้านบาท และรายจ่ายจากกองทุนและเงินฝากนอกงบประมาณอีก 7,993 ล้านบาท ส่งผลให้ มีเม็ดเงินอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ (หลังจากหักนับซ้ำแล้ว) จำนวน 104,184 ล้านบาท (ประกอบด้วยรายจ่ายประจำ 94,763 ล้านบาทและรายจ่ายลงทุน 9,421 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ร้อยละ 20.7
3.1.3 ดุลการคลังรัฐบาล
ดุลการคลัง (Fiscal Balance) ของรัฐบาลตามระบบ สศค.เดือนกรกฎาคม 2547 ขาดดุล 11,812 ล้านบาท เปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้วขาดดุลเพียง 6,588 ล้านบาท
3.2 ในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2547 (ต.ค.46 - ก.ค.47)
3.2.1 ด้านรายได้
รัฐบาลมีรายได้รวม 1,156,455 ล้านบาท โดยมีรายได้นำส่งคลัง 899,824 ล้านบาท รายได้จากกองทุนและเงินฝากนอกงบประมาณ และเงินช่วยเหลืออีกจำนวน 256,631 ล้านบาท ซึ่งเมื่อหักรายการนับซ้ำออกแล้ว รัฐบาลมีรายได้สุทธิ (หลังหักนับซ้ำแล้ว) จำนวน 1,087,788 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึงร้อยละ 22.4 สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องส่งผลให้รัฐบาลจัดเก็บรายได้ได้เพิ่มขึ้นมาก รวมทั้งเป็นผลจากหน่วยงานจัดเก็บได้นำเทคโนโลยีมาใช้ใน การบริหารจัดเก็บภาษี
3.2.2 ด้านรายจ่าย
รัฐบาลได้จ่ายเงินไปแล้วรวมทั้งสิ้น 1,115,808 ล้านบาท โดยจ่ายจากงบประมาณจำนวน 936,018 ล้านบาท จากรายจ่ายเงินกู้ต่างประเทศและเงินช่วยเหลือจำนวน 9,206 ล้านบาท รายจ่ายจากกองทุนและเงินฝากนอกงบประมาณอีก 170,583 ล้านบาท ส่งผลให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ (หลังหักนับซ้ำแล้ว) จำนวน 1,047,142 ล้านบาท (แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ 985,749 ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน 88,392 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึงร้อยละ 24.4 ซึ่งเป็น การเพิ่มขึ้นของรายจ่ายประจำร้อยละ 27.1 ในขณะที่รายจ่ายลงทุนเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.7
3.2.3 ดุลการคลัง
รัฐบาลเกินดุลการดำเนินงานเบื้องต้น 129,039 ล้านบาท และเกินดุลการให้กู้ยืมสุทธิจำนวน 40,647 ล้านบาท และเมื่อหักผลของการให้กู้ยืมตามนโยบายรัฐบาลสุทธิจำนวน 29,574 ล้านบาท ทำให้ดุลการคลังเกินดุลทั้งสิ้น 11,072 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปีที่แล้วเกินดุลลดลง 14,184 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 56.2
4. ผลกระทบของผลการดำเนินงานรัฐบาลในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2547 ที่มีต่อภาคเศรษฐกิจอื่นๆ
4.1 ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง
รายจ่ายของรัฐบาลที่ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของ GDP โดยตรงมี 2 ส่วนคือรายจ่ายเพื่อการบริโภคขั้นสุดท้ายของรัฐบาล (ประกอบด้วยรายจ่ายเงินเดือน ค่าจ้าง การใช้สินค้าและบริการ) และรายจ่ายเพื่อการลงทุนของรัฐบาล ในขณะเดียวกันรายได้หลักของรัฐบาล คือ ภาษี และเงินสมทบประกันสังคม เป็นการดึงอำนาจซื้อจากภาคเอกชนไปสู่ภาครัฐบาล ซึ่งจะส่งผลให้ภาคเอกชนมีอำนาจซื้อลดลง
รายจ่ายเพื่อการบริโภคขั้นสุดท้ายของรัฐบาลในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2547 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากการขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการ ในขณะที่รายจ่ายลงทุนของรัฐบาลเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 ด้านภาระภาษีและเงินสมทบประกันสังคมของภาคเอกชนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 1.2 แสดงถึงนโยบายการคลังไม่ได้สร้างภาระเพิ่มเติมให้แก่ภาคเอกชนและภาคครัวเรือน (ดังรายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 3)
4.2 ภาคการเงิน
ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2547 ขาดดุลเงินสดทั้งสิ้น 89,782 ล้านบาท และได้ชดเชยการขาดดุลโดยใช้เงินคงคลังจำนวน 46,782 ล้านบาท และการกู้ยืมเงินโดยการออกตั๋วเงินคลังและพันธบัตรจำนวน 13,000 และ 30,000 ล้านบาท ตามลำดับ
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 66/2547 27 สิงหาคม 2547--