แนวโน้มเศรษฐกิจประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2547 ยังมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ แต่การลงทุนจากภาคเอกชนมีอัตราการขยายตัวที่ค่อนข้างสูง ด้านการค้าระหว่างประเทศ มีการเร่งตัวของมูลค่ากการนำเข้าทำให้ดุลการค้าระหว่างการนำเข้าและการส่งออกมีอัตราที่ใกล้เคียงกันหรือขาดทุนเล็กน้อยในบางเดือนของไตรมาสที่สอง
ส่วนภาพรวมของอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนของไทยในไตรมาสที่สองในปี 2547นั้น ก็ยังคงมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในการส่งออกไปยังตลาดในต่างประเทศ ที่มีปริมาณการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่หนึ่งของปีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับภาคธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งในส่วนของธุรกิจที่อยู่อาศัยและการก่อสร้างภายในประเทศยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ทำให้สินค้าในอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนของไทยในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2547 มีการขยายตัวส่งผลดีต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
1. การผลิต
ปริมาณการผลิตในอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนไม้ในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2547 มีปริมาณการผลิตประมาณ 8.2 ล้านชิ้นเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 31.4 และเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 2547 ปรับตัวลดลงร้อยละ 20 อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากเป็นการลดลงตามปัจจัยของฤดูกาลเพราะเนื่องจากในช่วง เดือนเมษายนเป็นช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์และวันครอบครัว ประกอบกับในไตรมาสก่อนๆ มีการเร่งการผลิตในอัตราที่ค่อนข้างสูง จึงทำให้ในไตรมาสที่สองผู้ประกอบการมีการชะลอการผลิตลง และรอรับกับกระแสแนวโน้มรูปแบบใหม่ ๆ สินค้าตามความเปลี่ยนแปลงของความต้องการภายในตลาด อย่างไรก็ตามการปรับตัวลดลงของภาคการผลิตดังกล่าวคงเป็นผลการปรับตัวลดลงเพียงช่วงสั้น และแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังของการผลิตของอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนน่าจะมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจาก ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งความต้องการสินค้าประเภทไม้และเครื่องเรือนของไทย โดยเฉพาะสินค้าประเภทไม้และเครื่องเรือนที่ทำมาจากไม้ยางพารา ยังเป็นที่นิยมในตลาดต่างประเทศเป็นอย่างมาก ส่วนความต้องการของตลาดภายในประเทศ การขยายตัวของธุรกิจประเภทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง ซึ่งสินค้าประเภทไม้และเครื่องเรือนเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ใช้ในการก่อสร้าง และเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่ใช้ในการตกแต่งอาคารสถานที่และสินค้าเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งภายใน จึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยสร้างอุปสงค์ต่อสินค้าประเภทไม้และเครื่องเรือนภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง
2. การส่งออกและนำเข้า
2.1 การส่งออก
ภาวะการส่งออกของกลุ่มอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.97 หากเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาของปีเดียวกัน ด้วยมูลค่าการส่งออก 480.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 2546 ในอัตราร้อยละ 25.54 เพื่ออธิบายรายละเอียดในแต่ประเภทผลิตภัณฑ์ของกลุ่มสินค้าประเภทไม้และเครื่องเรือน จึงขอแยกการพิจารณาออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
1). กลุ่มเครื่องเรือนและชิ้นส่วนเครื่องเรือน (ตารางกลุ่มที่ 1) มีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 50 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดในสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือน โดยในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2547 มีมูลค่าการส่งออก 258.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมาหรือไตรมาสแรก ของปี 2547 ร้อยละ 0.47 หากเปรียบเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหรือปี 2546 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 23.49 โดยผลิตภัณฑ์สินค้าภายในกลุ่มที่มีสัดส่วนการขยายตัวในการส่งออกสูงที่สุดคือ สินค้าประเภทชิ้นส่วนเครื่องเรือน โดยมีอตราการขยายตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว ร้อยละ 5.25 และเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีก่อน ในอัตราร้อยละ 34.87 โดยมีตลาดส่งออกสำคัญ คือ ประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร
2). กลุ่มผลิตภัณฑ์ไม้ (ตารางกลุ่มที่ 2) มีสัดส่วนมูลค่าการส่งออกร้อยละ 20 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าประเภทไม้และเครื่องเรือนทั้งหมด ผลิตภัณฑ์ไม้จะประกอบด้วย เครื่องใช้ทำด้วยไม้ อุปกรณ์ ก่อสร้างไม้ กรอบรูปไม้ รูปแกะสลักและเครื่องประดับทำด้วยไม้ โดยมีมูลค่าการส่งออกในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2547 จำนวน 88.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาสแรกของปี 2547 ในอัตราร้อยละ 1.84 หากเปรียบเทียบช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.97 ตลาดส่งออกที่สำคัญในกลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์ไม้ ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร
3). กลุ่มไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์ไม้แผ่น (ตารางกลุ่มที่ 3) มีสัดส่วนมูลค่าการส่งออกคิดเป็น ร้อยละ 30 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าประเภทไม้และเครื่องเรือนทั้งหมด ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูป แผ่นไม้วีเนียร์ ไม้อัด ไฟเบอร์บอร์ด (Fiber Board) และผลิตภัณฑ์ไม้อื่น ๆ โดยมีมูลค่าการส่งออกในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2547 มูลค่า 134 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาสที่แล้วของปีเดียวกันร้อยละ 22.15 และหากเปรียบเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 43.78 โดยมีผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูปมีสัดส่วนมูลค่าการส่งออกสูงที่สุดในกลุ่ม ตลาดส่งออกที่สำคัญของกลุ่มไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์ไม้แผ่น ได้แก่ ประเทศจีน ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศญี่ปุ่น
2.2 การนำเข้า ภาวะการนำเข้าของสินค้าประเภทไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ส่วนใหญ่จะเน้นในการนำเข้าวัตถุดิบไม้ท่อนประเภทไม้เนื้อแข็ง ซึ่งได้แก่ ไม้ซุง หรือผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูปประเภทต่าง ๆ โดยในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2547 มีมูลค่าการนำเข้ารวมกันจำนวน 171.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมาในอัตราร้อยละ 7.54 และหากเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2546 ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 34.30 แหล่งนำเข้าที่สำคัญในกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ กล่าวคือ ไม้ซุงท่อนมีการนำเข้ามาจากประเทศพม่า และประเทศมาเลเซีย เป็นส่วนใหญ่ ส่วนผลิตภัณฑ์ประเภทไม้แปรรูป มีการนำเข้ามาจาก ประเทศมาเลเซีย ประเทศลาว และประเทศสหรัฐอเมริกา
3. สรุปและแนวโน้ม
ในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2547 สภาวะโดยร่วมของอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนของไทยยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยบวกมาจากทั้งความต้องการของตลาดภายในประเทศเองและความต้องการจากตลาดต่างประเทศที่สร้างอุปสงค์ต่อสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนของไทย ประกอบกับวัตถุดิบที่ใช้ผลิตเครื่องเรือนไม้ส่วนใหญ่ทำมาจากไม้ยางพารา ซึ่งประเทศไทยมีความได้เปรียบ เพราะเป็นแหล่งผลิตน้ำยางพาราอันดับหนึ่งของโลก โดยมีพื้นที่ปลูกไม้ยางพาราเป็นอันดับที่สองของโลก และเครื่องเรือนที่ทำจากไม้ยางพาราเป็นที่นิยมในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะ ตลาดประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา แต่อย่างไรก็ตามการที่น้ำยางพาราในปัจจุบันอยู่ในระดับที่สูง เป็นเหตุให้ชาวสวนยางไม่นิยมที่จะเร่งตัดไม้ยางออกขาย ทำให้วัตถุดิบไม้ยางพารามีแนวโน้มที่จะขาดแคลนในอนาคต จึงเห็นสมควรต้องหามาตรการรองรับกับปัญหา โดยเร่งการจัดสรรพื้นที่ในการปลูกและการตัดไม้ยางพาราให้สมดุลกับความต้องการที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป
--ศูนย์ประสานการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม โทร. 0-2202-4375 , 0-2644-8604--
-พห-
ส่วนภาพรวมของอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนของไทยในไตรมาสที่สองในปี 2547นั้น ก็ยังคงมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในการส่งออกไปยังตลาดในต่างประเทศ ที่มีปริมาณการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่หนึ่งของปีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับภาคธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งในส่วนของธุรกิจที่อยู่อาศัยและการก่อสร้างภายในประเทศยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ทำให้สินค้าในอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนของไทยในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2547 มีการขยายตัวส่งผลดีต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
1. การผลิต
ปริมาณการผลิตในอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนไม้ในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2547 มีปริมาณการผลิตประมาณ 8.2 ล้านชิ้นเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 31.4 และเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 2547 ปรับตัวลดลงร้อยละ 20 อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากเป็นการลดลงตามปัจจัยของฤดูกาลเพราะเนื่องจากในช่วง เดือนเมษายนเป็นช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์และวันครอบครัว ประกอบกับในไตรมาสก่อนๆ มีการเร่งการผลิตในอัตราที่ค่อนข้างสูง จึงทำให้ในไตรมาสที่สองผู้ประกอบการมีการชะลอการผลิตลง และรอรับกับกระแสแนวโน้มรูปแบบใหม่ ๆ สินค้าตามความเปลี่ยนแปลงของความต้องการภายในตลาด อย่างไรก็ตามการปรับตัวลดลงของภาคการผลิตดังกล่าวคงเป็นผลการปรับตัวลดลงเพียงช่วงสั้น และแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังของการผลิตของอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนน่าจะมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจาก ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งความต้องการสินค้าประเภทไม้และเครื่องเรือนของไทย โดยเฉพาะสินค้าประเภทไม้และเครื่องเรือนที่ทำมาจากไม้ยางพารา ยังเป็นที่นิยมในตลาดต่างประเทศเป็นอย่างมาก ส่วนความต้องการของตลาดภายในประเทศ การขยายตัวของธุรกิจประเภทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง ซึ่งสินค้าประเภทไม้และเครื่องเรือนเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ใช้ในการก่อสร้าง และเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่ใช้ในการตกแต่งอาคารสถานที่และสินค้าเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งภายใน จึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยสร้างอุปสงค์ต่อสินค้าประเภทไม้และเครื่องเรือนภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง
2. การส่งออกและนำเข้า
2.1 การส่งออก
ภาวะการส่งออกของกลุ่มอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.97 หากเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาของปีเดียวกัน ด้วยมูลค่าการส่งออก 480.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 2546 ในอัตราร้อยละ 25.54 เพื่ออธิบายรายละเอียดในแต่ประเภทผลิตภัณฑ์ของกลุ่มสินค้าประเภทไม้และเครื่องเรือน จึงขอแยกการพิจารณาออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
1). กลุ่มเครื่องเรือนและชิ้นส่วนเครื่องเรือน (ตารางกลุ่มที่ 1) มีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 50 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดในสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือน โดยในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2547 มีมูลค่าการส่งออก 258.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมาหรือไตรมาสแรก ของปี 2547 ร้อยละ 0.47 หากเปรียบเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหรือปี 2546 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 23.49 โดยผลิตภัณฑ์สินค้าภายในกลุ่มที่มีสัดส่วนการขยายตัวในการส่งออกสูงที่สุดคือ สินค้าประเภทชิ้นส่วนเครื่องเรือน โดยมีอตราการขยายตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว ร้อยละ 5.25 และเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีก่อน ในอัตราร้อยละ 34.87 โดยมีตลาดส่งออกสำคัญ คือ ประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร
2). กลุ่มผลิตภัณฑ์ไม้ (ตารางกลุ่มที่ 2) มีสัดส่วนมูลค่าการส่งออกร้อยละ 20 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าประเภทไม้และเครื่องเรือนทั้งหมด ผลิตภัณฑ์ไม้จะประกอบด้วย เครื่องใช้ทำด้วยไม้ อุปกรณ์ ก่อสร้างไม้ กรอบรูปไม้ รูปแกะสลักและเครื่องประดับทำด้วยไม้ โดยมีมูลค่าการส่งออกในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2547 จำนวน 88.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาสแรกของปี 2547 ในอัตราร้อยละ 1.84 หากเปรียบเทียบช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.97 ตลาดส่งออกที่สำคัญในกลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์ไม้ ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร
3). กลุ่มไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์ไม้แผ่น (ตารางกลุ่มที่ 3) มีสัดส่วนมูลค่าการส่งออกคิดเป็น ร้อยละ 30 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าประเภทไม้และเครื่องเรือนทั้งหมด ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูป แผ่นไม้วีเนียร์ ไม้อัด ไฟเบอร์บอร์ด (Fiber Board) และผลิตภัณฑ์ไม้อื่น ๆ โดยมีมูลค่าการส่งออกในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2547 มูลค่า 134 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาสที่แล้วของปีเดียวกันร้อยละ 22.15 และหากเปรียบเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 43.78 โดยมีผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูปมีสัดส่วนมูลค่าการส่งออกสูงที่สุดในกลุ่ม ตลาดส่งออกที่สำคัญของกลุ่มไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์ไม้แผ่น ได้แก่ ประเทศจีน ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศญี่ปุ่น
2.2 การนำเข้า ภาวะการนำเข้าของสินค้าประเภทไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ส่วนใหญ่จะเน้นในการนำเข้าวัตถุดิบไม้ท่อนประเภทไม้เนื้อแข็ง ซึ่งได้แก่ ไม้ซุง หรือผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูปประเภทต่าง ๆ โดยในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2547 มีมูลค่าการนำเข้ารวมกันจำนวน 171.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมาในอัตราร้อยละ 7.54 และหากเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2546 ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 34.30 แหล่งนำเข้าที่สำคัญในกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ กล่าวคือ ไม้ซุงท่อนมีการนำเข้ามาจากประเทศพม่า และประเทศมาเลเซีย เป็นส่วนใหญ่ ส่วนผลิตภัณฑ์ประเภทไม้แปรรูป มีการนำเข้ามาจาก ประเทศมาเลเซีย ประเทศลาว และประเทศสหรัฐอเมริกา
3. สรุปและแนวโน้ม
ในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2547 สภาวะโดยร่วมของอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนของไทยยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยบวกมาจากทั้งความต้องการของตลาดภายในประเทศเองและความต้องการจากตลาดต่างประเทศที่สร้างอุปสงค์ต่อสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนของไทย ประกอบกับวัตถุดิบที่ใช้ผลิตเครื่องเรือนไม้ส่วนใหญ่ทำมาจากไม้ยางพารา ซึ่งประเทศไทยมีความได้เปรียบ เพราะเป็นแหล่งผลิตน้ำยางพาราอันดับหนึ่งของโลก โดยมีพื้นที่ปลูกไม้ยางพาราเป็นอันดับที่สองของโลก และเครื่องเรือนที่ทำจากไม้ยางพาราเป็นที่นิยมในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะ ตลาดประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา แต่อย่างไรก็ตามการที่น้ำยางพาราในปัจจุบันอยู่ในระดับที่สูง เป็นเหตุให้ชาวสวนยางไม่นิยมที่จะเร่งตัดไม้ยางออกขาย ทำให้วัตถุดิบไม้ยางพารามีแนวโน้มที่จะขาดแคลนในอนาคต จึงเห็นสมควรต้องหามาตรการรองรับกับปัญหา โดยเร่งการจัดสรรพื้นที่ในการปลูกและการตัดไม้ยางพาราให้สมดุลกับความต้องการที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป
--ศูนย์ประสานการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม โทร. 0-2202-4375 , 0-2644-8604--
-พห-