สศอ.ระดมสมอง สภาอุตฯ-หอการค้า เร่งเปิดยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมภูมิภาค สิงหาคมนี้ วางแผนผุดโครงการรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย เน้นทุกภาคสร้างแบรนด์สินค้าใหม่ ขยายตลาดส่งออก โชว์ศักยภาพสินค้าอุตสาหกรรมท้องถิ่น สร้างระบบเชื่อมโยงการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงรุก ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
นางชุตาภรณ์ ลัมพสาระ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สศอ.ได้เร่งจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมสำหรับภูมิภาคในเชิงรุก ครอบคลุมทั้ง 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเริ่มจากการพัฒนาอุตสาหกรรมในกลุ่มเป้าหมายก่อน เนื่องจาก เล็งเห็นว่า อุตสาหกรรมที่แต่ละภูมิภาคมีความพร้อมทั้งในด้านวัตถุดิบ และบุคลากรที่มีความชำนาญ จะช่วยสร้างความได้เปรียบในการพัฒนาคุณภาพสินค้าและผลิตภัณฑ์ รวมทั้ง สามารถกำหนดขอบเขตในการสร้างตราสินค้าอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละภูมิภาคให้เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศได้
ทั้งนี้ สศอ.ได้จัดสัมมนาระดมความคิดเห็นจากสภาอุตสาหกรรมจังหวัด หอการค้าจังหวัดของทั้ง 4 ภาค ในระหว่างวันที่ 17-19 และ 23 สิงหาคม เพื่อวางแนวทางในการจัดทำยุทธศาสตร์ของแต่ละภูมิภาค ให้สอดคล้องกับศักยภาพที่แท้จริง และความต้องการของแต่ละพื้นที่ เพื่อใช้ในการวางแผนงาน และการปฎิบัติการได้อย่างรวดเร็ว ควบคู่ไปกับการดูแลเอาใจใส่ต่อสิ่งแวดล้อม
"การจัดทำยุทธศาสตร์ดังกล่าว นับเป็นจุดเชื่อมโยงการพัฒนาอุตสาหกรรมระดับภูมิภาคให้เป็นระบบยิ่งขึ้น เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในแต่ละภูมิภาคให้ยั่งยืน สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมของกระทรวงอุตสาหกรรมยุคใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ"นางชุตาภรณ์กล่าว
ทั้งนี้ ภาคเหนือ มีจำนวนโรงงานอุตสาหกรรมประมาณ 20,946 โรงงาน เงินลงทุนประมาณ 182,308 ล้านบาท การจ้างงานรวม 279,144 คน อุตสาหกรรมหลักของภาค คือ อาหาร สิ่งทอ เซรามิกส์ เครื่องจักรกลการเกษตร และเทคโนโลยีสารสนเทศ(ICT) โดยโครงการพัฒนาอุตสาหกรรม ได้วางเป้าหมายพัฒนาพื้นที่ในจังหวัดภาคเหนือให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม การค้า การลงทุน พัฒนาสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ [OTOP
] เอกลักษณ์ล้านนาสู่ตลาดโลก เตรียมส่งเสริมการลงทุนโดยเน้นอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตร อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมเซรามิก
ส่วน ภาคใต้ ได้วางแนวยุทธศาสตร์ที่จะผลักดันให้เป็นศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมต่อเนื่องด้านการเกษตร โดยเฉพาะ อุตสาหกรรมยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง แปรรูปยางพารา ปาล์มน้ำมัน ประมง และเทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) โดยมีการส่งเสริมการลงทุนภายใต้อุตสาหกรรมเป้าหมาย กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม [SMEs
] ทั้งในด้านทักษะและเทคโนโลยี พร้อมทั้ง การพัฒนาสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล และแหล่งออกแบบและผลิตเครื่องแต่งกายมุสลิมเชื่อมโยงกับภูมิภาคและตลาดโลก
ด้าน ภาคกลาง ได้กำหนดขอบเขตพื้นที่ในการพัฒนาอุตสาหกรรมออกเป็น ภาคกลางตอนบนภาคกลางตอนล่าง ซึ่งครอบคลุมภาคตะวันออก และภาคตะวันตก โดยมีการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้ง มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมโดยกำหนดเป็นพื้นที่เป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับในจังหวัดจันทบุรี อุตสาหกรรมปิโตรเคมีในจังหวัดระยอง อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นต้น
สำหรับ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เตรียมพัฒนาภาคอุตสาหกรรมในภูมิภาคสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิต การค้า การลงทุน และการบริการ โดยเน้นด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไหมและอุตสาหกรรมสิ่งทอ การเกษตรอุตสาหกรรม การผลิตยานยนต์และชิ้นส่วน รวมถึง วิสาหกิจชุมชนที่มีอยู่มากในภาคนี้ นอกจากนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังมีความได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์ที่เป็นประตูตะวันออกสู่อินโดจีน และประเทศเพื่อนบ้านกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่งสามารถขยายตลาดส่งออกสินค้าและขยายฐานการผลิตได้
--ศูนย์ประสานการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม โทร. 0-2202-4375 , 0-2644-8604--
-พห-
นางชุตาภรณ์ ลัมพสาระ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สศอ.ได้เร่งจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมสำหรับภูมิภาคในเชิงรุก ครอบคลุมทั้ง 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเริ่มจากการพัฒนาอุตสาหกรรมในกลุ่มเป้าหมายก่อน เนื่องจาก เล็งเห็นว่า อุตสาหกรรมที่แต่ละภูมิภาคมีความพร้อมทั้งในด้านวัตถุดิบ และบุคลากรที่มีความชำนาญ จะช่วยสร้างความได้เปรียบในการพัฒนาคุณภาพสินค้าและผลิตภัณฑ์ รวมทั้ง สามารถกำหนดขอบเขตในการสร้างตราสินค้าอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละภูมิภาคให้เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศได้
ทั้งนี้ สศอ.ได้จัดสัมมนาระดมความคิดเห็นจากสภาอุตสาหกรรมจังหวัด หอการค้าจังหวัดของทั้ง 4 ภาค ในระหว่างวันที่ 17-19 และ 23 สิงหาคม เพื่อวางแนวทางในการจัดทำยุทธศาสตร์ของแต่ละภูมิภาค ให้สอดคล้องกับศักยภาพที่แท้จริง และความต้องการของแต่ละพื้นที่ เพื่อใช้ในการวางแผนงาน และการปฎิบัติการได้อย่างรวดเร็ว ควบคู่ไปกับการดูแลเอาใจใส่ต่อสิ่งแวดล้อม
"การจัดทำยุทธศาสตร์ดังกล่าว นับเป็นจุดเชื่อมโยงการพัฒนาอุตสาหกรรมระดับภูมิภาคให้เป็นระบบยิ่งขึ้น เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในแต่ละภูมิภาคให้ยั่งยืน สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมของกระทรวงอุตสาหกรรมยุคใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ"นางชุตาภรณ์กล่าว
ทั้งนี้ ภาคเหนือ มีจำนวนโรงงานอุตสาหกรรมประมาณ 20,946 โรงงาน เงินลงทุนประมาณ 182,308 ล้านบาท การจ้างงานรวม 279,144 คน อุตสาหกรรมหลักของภาค คือ อาหาร สิ่งทอ เซรามิกส์ เครื่องจักรกลการเกษตร และเทคโนโลยีสารสนเทศ(ICT) โดยโครงการพัฒนาอุตสาหกรรม ได้วางเป้าหมายพัฒนาพื้นที่ในจังหวัดภาคเหนือให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม การค้า การลงทุน พัฒนาสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ [OTOP
] เอกลักษณ์ล้านนาสู่ตลาดโลก เตรียมส่งเสริมการลงทุนโดยเน้นอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตร อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมเซรามิก
ส่วน ภาคใต้ ได้วางแนวยุทธศาสตร์ที่จะผลักดันให้เป็นศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมต่อเนื่องด้านการเกษตร โดยเฉพาะ อุตสาหกรรมยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง แปรรูปยางพารา ปาล์มน้ำมัน ประมง และเทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) โดยมีการส่งเสริมการลงทุนภายใต้อุตสาหกรรมเป้าหมาย กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม [SMEs
] ทั้งในด้านทักษะและเทคโนโลยี พร้อมทั้ง การพัฒนาสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล และแหล่งออกแบบและผลิตเครื่องแต่งกายมุสลิมเชื่อมโยงกับภูมิภาคและตลาดโลก
ด้าน ภาคกลาง ได้กำหนดขอบเขตพื้นที่ในการพัฒนาอุตสาหกรรมออกเป็น ภาคกลางตอนบนภาคกลางตอนล่าง ซึ่งครอบคลุมภาคตะวันออก และภาคตะวันตก โดยมีการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้ง มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมโดยกำหนดเป็นพื้นที่เป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับในจังหวัดจันทบุรี อุตสาหกรรมปิโตรเคมีในจังหวัดระยอง อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นต้น
สำหรับ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เตรียมพัฒนาภาคอุตสาหกรรมในภูมิภาคสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิต การค้า การลงทุน และการบริการ โดยเน้นด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไหมและอุตสาหกรรมสิ่งทอ การเกษตรอุตสาหกรรม การผลิตยานยนต์และชิ้นส่วน รวมถึง วิสาหกิจชุมชนที่มีอยู่มากในภาคนี้ นอกจากนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังมีความได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์ที่เป็นประตูตะวันออกสู่อินโดจีน และประเทศเพื่อนบ้านกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่งสามารถขยายตลาดส่งออกสินค้าและขยายฐานการผลิตได้
--ศูนย์ประสานการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม โทร. 0-2202-4375 , 0-2644-8604--
-พห-