นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้กล่าวบรรยายแก่นักศึกษาปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่รัฐสภาในหัวข้อ "บทบาทฝ่ายนิติบัญญัติในการตรวจสอบรัฐบาล" ว่าการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ที่ผ่านมา ฝ่ายค้าน ไม่ได้ค้านรัฐบาลทุกเรื่องเหมือนที่รัฐบาลพยายามสร้างภาพให้ฝ่ายค้าน ที่เป็นตัวเลขชัดเจนคือกฎหมาย ฝ่ายค้าน คัดค้านกฎหมายของรัฐบาลไม่ถึง 5 % เฉพาะกฎหมายที่เห็นว่าอันตราย จริง ๆ แต่ในเรื่องการตรวจสอบจำเป็นต้องตรวจสอบทุกเรื่อง เพราะเป็นหน้าที่และเพื่อรักษาผลประโยชน์ประชาชน ทั้งการตรวจสอบ การใช้อำนาจ การใช้เงิน และการทุจริต
เรื่องการใช้อำนาจของรัฐบาลนั้นชัดเจนว่ารัฐบาลนี้บริหารแบบรวบอำนาจมากกว่ากระจายอำนาจ มีการแทรกแซงองค์กรอิสระ การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการชั้นต้น ความพอใจคนมีอำนาจเป็นหลัก เป็นระบบพวก ระบบเพื่อน ระบบรุ่น และเครือญาติ วันนี้ก็มีปัญหาอีกแล้ว ที่กระทรวงมหาดไทย
กรณีย้ายผู้บัญชาการทหารบก และไม่กล้าตั้งผู้บัญชาการตำรวจคนใหม่ ตามที่นายกฯ ตั้งใจไว้เดิม ก็แค่การถอยชั่วคราว เลือกตั้งเสร็จเมื่อไร หากได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกเชื่อว่าทุกอย่างก็จะกลับมาเหมือนเดิม
ส่วนทัวร์นกขมิ้นของนายกฯ นั้น เป็นที่รู้กันว่าเป็นการ "หาเสียงเตรียมการเลือกตั้ง" และต้องการไปสร้างภาพการ "แจกง่าย จ่ายคล่อง" ว่าเป็นเรื่องคิดใหม่ ทำใหม่ แต่เป็นการทำลายระบบงบประมาณที่ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบกลั่นกรองของฝ่ายนิติบัญญัติลงโดยสิ้นเชิง กลายเป็นระบบงบประมาณแบบ "เทวดามาโปรด" ซึ่ง 4 ปีเทวดาจะมาโปรดหนึ่งครั้ง ตอนใกล้เลือกตั้ง
ส่วนเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนนั้น ล่าสุดที่เห็นชัดเจนคือการให้เงินพม่ากู้เพื่อเอามาจ้างบริษัทดาวเทียมในเครือนายกฯ เท่ากับเอาเงินคนไทยไปผ่านพม่า แล้วเลี้ยวกลับมาเข้ากระเป๋าธุรกิจในเครือ และที่อ้างว่าไม่รู้เรื่อง จากการตรวจสอบพบว่าไม่จริง เพราะเรื่องนี้เป็นมติ ครม. ถึงขั้นรัฐบาลค้ำประกันเงินกู้ให้ทั้งต้น ทั้งดอก ซึ่งประชาชนต้องติดตามอย่าง ใกล้ชิด ต่อเนื่อง จึงจะรู้ทันว่ารัฐบาลนี้หาผลประโยชน์กันอย่างไร
ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องผลการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. นั้น พรรคฯ ก็ต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาว กทม. ที่ให้การสนับสนุนคุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน ส่วนจะเป็นเพราะชาว กทม. ต้องการตบหน้ารัฐบาลหรือไม่ ตนไม่อยู่ในฐานะตอบได้ คนที่จะตอบได้ดีที่สุดคือชาว กทม. เอง อย่างไรก็ตามเท่าที่ดูผลการสำรวจของสื่อก็พบว่าประชาชนเชื่อว่าผลการเลือกตั้ง กทม. เกี่ยวข้องกับการเมืองระดับชาติถึง 80 % ซึ่งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้พูดโดยชัดเจนแล้วว่าคุณอภิรักษ์ฯ ก็จะบริหาร กทม. ไปโดยอิสระภายใต้นโยบายที่ได้หาเสียงไว้ ส่วนทางพรรคฯ คงต้องเน้นการทำหน้าที่หลักในการตรวจสอบรัฐบาลต่อไป ควบคู่กับการเตรียมการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งพรรคฯ จะไม่ประมาท และถือหลักการอ่อนน้อมถ่อมตนในการทำงาน ซึ่งถัดจากนี้ก็จะเดินหน้าทำความเข้าใจกับประชาชนทั้งในภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง โดยจะเริ่มตั้งแต่
วันที่ 1 กันยายนนี้เป็นต้นไป โดยใช้แกนหลักของพรรคฯ ทั้งในระดับอำเภอ และระดับตำบลเป็นผู้ดำเนินการ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 30 ส.ค. 2547--จบ--
-ดท-
เรื่องการใช้อำนาจของรัฐบาลนั้นชัดเจนว่ารัฐบาลนี้บริหารแบบรวบอำนาจมากกว่ากระจายอำนาจ มีการแทรกแซงองค์กรอิสระ การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการชั้นต้น ความพอใจคนมีอำนาจเป็นหลัก เป็นระบบพวก ระบบเพื่อน ระบบรุ่น และเครือญาติ วันนี้ก็มีปัญหาอีกแล้ว ที่กระทรวงมหาดไทย
กรณีย้ายผู้บัญชาการทหารบก และไม่กล้าตั้งผู้บัญชาการตำรวจคนใหม่ ตามที่นายกฯ ตั้งใจไว้เดิม ก็แค่การถอยชั่วคราว เลือกตั้งเสร็จเมื่อไร หากได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกเชื่อว่าทุกอย่างก็จะกลับมาเหมือนเดิม
ส่วนทัวร์นกขมิ้นของนายกฯ นั้น เป็นที่รู้กันว่าเป็นการ "หาเสียงเตรียมการเลือกตั้ง" และต้องการไปสร้างภาพการ "แจกง่าย จ่ายคล่อง" ว่าเป็นเรื่องคิดใหม่ ทำใหม่ แต่เป็นการทำลายระบบงบประมาณที่ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบกลั่นกรองของฝ่ายนิติบัญญัติลงโดยสิ้นเชิง กลายเป็นระบบงบประมาณแบบ "เทวดามาโปรด" ซึ่ง 4 ปีเทวดาจะมาโปรดหนึ่งครั้ง ตอนใกล้เลือกตั้ง
ส่วนเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนนั้น ล่าสุดที่เห็นชัดเจนคือการให้เงินพม่ากู้เพื่อเอามาจ้างบริษัทดาวเทียมในเครือนายกฯ เท่ากับเอาเงินคนไทยไปผ่านพม่า แล้วเลี้ยวกลับมาเข้ากระเป๋าธุรกิจในเครือ และที่อ้างว่าไม่รู้เรื่อง จากการตรวจสอบพบว่าไม่จริง เพราะเรื่องนี้เป็นมติ ครม. ถึงขั้นรัฐบาลค้ำประกันเงินกู้ให้ทั้งต้น ทั้งดอก ซึ่งประชาชนต้องติดตามอย่าง ใกล้ชิด ต่อเนื่อง จึงจะรู้ทันว่ารัฐบาลนี้หาผลประโยชน์กันอย่างไร
ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องผลการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. นั้น พรรคฯ ก็ต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาว กทม. ที่ให้การสนับสนุนคุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน ส่วนจะเป็นเพราะชาว กทม. ต้องการตบหน้ารัฐบาลหรือไม่ ตนไม่อยู่ในฐานะตอบได้ คนที่จะตอบได้ดีที่สุดคือชาว กทม. เอง อย่างไรก็ตามเท่าที่ดูผลการสำรวจของสื่อก็พบว่าประชาชนเชื่อว่าผลการเลือกตั้ง กทม. เกี่ยวข้องกับการเมืองระดับชาติถึง 80 % ซึ่งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้พูดโดยชัดเจนแล้วว่าคุณอภิรักษ์ฯ ก็จะบริหาร กทม. ไปโดยอิสระภายใต้นโยบายที่ได้หาเสียงไว้ ส่วนทางพรรคฯ คงต้องเน้นการทำหน้าที่หลักในการตรวจสอบรัฐบาลต่อไป ควบคู่กับการเตรียมการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งพรรคฯ จะไม่ประมาท และถือหลักการอ่อนน้อมถ่อมตนในการทำงาน ซึ่งถัดจากนี้ก็จะเดินหน้าทำความเข้าใจกับประชาชนทั้งในภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง โดยจะเริ่มตั้งแต่
วันที่ 1 กันยายนนี้เป็นต้นไป โดยใช้แกนหลักของพรรคฯ ทั้งในระดับอำเภอ และระดับตำบลเป็นผู้ดำเนินการ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 30 ส.ค. 2547--จบ--
-ดท-