นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “ ข่าวยามเช้า ” ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 101.0 เมกะเฮิร์ท ถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่องจีเอ็มโอว่า มติคณะรัฐมนตรีในเรื่องดังกล่าวค่อนข้างจะเหมือนกับคงสถานะภาพเดิม ซึ่งรัฐบาลควรกำหนดทิศทางให้ชัดเจน ว่าจะรับหรือปฏิเสธ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ในเรื่องของการตัดต่อพันธุกรรม หรือ จีเอ็มโอ นั้นสิ่งแรกที่รัฐบาลควรทำ คือ รัฐบาลจะต้องมีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว เพราะหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีผลกระทบหรือไม่ และเป็นเรื่องยากที่จะได้ผลสรุปที่ชัดเจน ซึ่งผลกระทบอาจใช้เวลานานเป็นหลาย10 ปี ก่อนที่จะปรากฎชัดเจน เพราะฉะนั้นสิ่งนี้คือสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจ
ในส่วนที่ 2 คือ ขีดความสามารถของเราในปัจจุบัน ทั้งในเรื่องของวิจัยพัฒนาจนถึงการตรวจสอบการปนเปื้อนก็ยังมีข้อจำกัดมาก ซึ่งในข้อจำกัดดังกล่าวนี้ ตนคิดว่ามีความจำเป็นที่จะต้องมีความพร้อมอย่างมาก ไม่เช่นนั้นเราก็จัดการกับปัญหานี้ได้ยาก และสุดท้าย ตนคิดว่า ประเทศไทยยังไม่ควรที่จะหันไปในทิศทางของจีเอ็มโอ แต่ควรพยายามส่งเสริมในเรื่องของเกษตรอินทรีย์ เกษตรธรรมชาติ มากกว่า
อีกทั้งเมื่อเริ่มให้มีการทดลอง อาจนำไปสู่การแพร่กระจายโดยการปนเปื้อน ทำให้ความเชื่อมั่นของต่างประเทศที่มีต่อแนวทางของการทำการเกษตรของประเทศได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และการฟื้นฟูสิ่งเหล่านี้กลับมาทำได้ยาก ‘ประเทศมีกฎหมายป้องกันสิ่งเหล่านี้ หน่วยงานของรัฐ ต้องไม่ละเมิดกฎหมาย โดยเฉพาะไม่ให้มีการไปทดลองในไร่นาเด็ดขาด และสิ่งที่ต้องระมัดระวังเช่นเดียวกันคือ รัฐบาลกำลังไปดำเนินการเจรจาเขตการค้าเสรีกับประเทศมหาอำนาจที่ต้องการจะผลักดันเรื่องนี้ และถ้าไม่ระมัดระวังในช่วงของการไปทำข้อตกลงต่างๆ มันอาจจะย้อนมาผูกพันได้ ’ นายอภิสิทธิ์ กล่าวและว่า กฎหมายที่จะร่างขึ้นมาใหม่คงยังไม่เพียงพอสำหรับคำตอบสำหรับอนาคต อยากให้รัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนว่า จะไม่นำเรื่องจีเอ็มโอเข้ามาเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์การเกษตรของประเทศ จนถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และเตรียมความพร้อมในแง่ของทางวิชาการที่จะรับมือต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าเกิดไปเป็นเงื่อนไขหนึ่งในเอฟทีเอจะเป็นว่ารัฐบาลไทยไม่มีทางเลือกหรือเปล่า รองหน.ปชป. กล่าวว่า รัฐบาลมีทางเลือกเสมอที่จะไม่ลงนามในข้อตกลง เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ มีความละเอียดอ่อนเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา สิทธิบัตร ที่จะมาเกี่ยวข้องกับเรื่องสินค้าการเกษตรของประเทศ ต้องอย่าไปยอมรับอะไรตรงนี้เพื่อหวังผลเฉพาะหน้า หรือไปแลกเปลี่ยนกับการส่งออกสินค้าในบางสาขาจะไม่คุ้มค่ากับผลในระยะยาว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 1 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ในเรื่องของการตัดต่อพันธุกรรม หรือ จีเอ็มโอ นั้นสิ่งแรกที่รัฐบาลควรทำ คือ รัฐบาลจะต้องมีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว เพราะหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีผลกระทบหรือไม่ และเป็นเรื่องยากที่จะได้ผลสรุปที่ชัดเจน ซึ่งผลกระทบอาจใช้เวลานานเป็นหลาย10 ปี ก่อนที่จะปรากฎชัดเจน เพราะฉะนั้นสิ่งนี้คือสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจ
ในส่วนที่ 2 คือ ขีดความสามารถของเราในปัจจุบัน ทั้งในเรื่องของวิจัยพัฒนาจนถึงการตรวจสอบการปนเปื้อนก็ยังมีข้อจำกัดมาก ซึ่งในข้อจำกัดดังกล่าวนี้ ตนคิดว่ามีความจำเป็นที่จะต้องมีความพร้อมอย่างมาก ไม่เช่นนั้นเราก็จัดการกับปัญหานี้ได้ยาก และสุดท้าย ตนคิดว่า ประเทศไทยยังไม่ควรที่จะหันไปในทิศทางของจีเอ็มโอ แต่ควรพยายามส่งเสริมในเรื่องของเกษตรอินทรีย์ เกษตรธรรมชาติ มากกว่า
อีกทั้งเมื่อเริ่มให้มีการทดลอง อาจนำไปสู่การแพร่กระจายโดยการปนเปื้อน ทำให้ความเชื่อมั่นของต่างประเทศที่มีต่อแนวทางของการทำการเกษตรของประเทศได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และการฟื้นฟูสิ่งเหล่านี้กลับมาทำได้ยาก ‘ประเทศมีกฎหมายป้องกันสิ่งเหล่านี้ หน่วยงานของรัฐ ต้องไม่ละเมิดกฎหมาย โดยเฉพาะไม่ให้มีการไปทดลองในไร่นาเด็ดขาด และสิ่งที่ต้องระมัดระวังเช่นเดียวกันคือ รัฐบาลกำลังไปดำเนินการเจรจาเขตการค้าเสรีกับประเทศมหาอำนาจที่ต้องการจะผลักดันเรื่องนี้ และถ้าไม่ระมัดระวังในช่วงของการไปทำข้อตกลงต่างๆ มันอาจจะย้อนมาผูกพันได้ ’ นายอภิสิทธิ์ กล่าวและว่า กฎหมายที่จะร่างขึ้นมาใหม่คงยังไม่เพียงพอสำหรับคำตอบสำหรับอนาคต อยากให้รัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนว่า จะไม่นำเรื่องจีเอ็มโอเข้ามาเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์การเกษตรของประเทศ จนถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และเตรียมความพร้อมในแง่ของทางวิชาการที่จะรับมือต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าเกิดไปเป็นเงื่อนไขหนึ่งในเอฟทีเอจะเป็นว่ารัฐบาลไทยไม่มีทางเลือกหรือเปล่า รองหน.ปชป. กล่าวว่า รัฐบาลมีทางเลือกเสมอที่จะไม่ลงนามในข้อตกลง เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ มีความละเอียดอ่อนเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา สิทธิบัตร ที่จะมาเกี่ยวข้องกับเรื่องสินค้าการเกษตรของประเทศ ต้องอย่าไปยอมรับอะไรตรงนี้เพื่อหวังผลเฉพาะหน้า หรือไปแลกเปลี่ยนกับการส่งออกสินค้าในบางสาขาจะไม่คุ้มค่ากับผลในระยะยาว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 1 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-