1. ฐานเงินและปริมาณเงิน
-ฐานเงินและปริมาณเงินขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้น
ฐานเงิน ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2547 อยู่ที่ระดับ 683.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 10.7 พันล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการขยายตัวร้อยละ 13.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของฐานเงินจากเดือนก่อนหน้าได้แก่(1) สินทรัพย์ต่างประเทศสุทธิของทางการเพิ่มขึ้น(2) สินเชื่อสุทธิที่ ธปท.ให้แก่รัฐบาลเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการลดลงของเงินฝากภาครัฐที่ ธปท.และ(3) สินเชื่อสุทธิที่ ธปท.ให้แก่สถาบันการเงินลดลง เนื่องจากสถาบันการเงินลงทุนในตลาดซื้อคืนพันธบัตรเพิ่มขึ้น
ปริมาณเงิน M2 M2a และ M3 ในเดือนกรกฎาคม 2547 ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 7.2 8.2 และ 6.9 ตามลำดับ ซึ่งเป็นอัตราที่เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนตามการเพิ่มขึ้นของเงินฝากภาคเอกชน
2. อัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
-เงินบาทอ่อนค่าลงจากความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันและการปรับตัวแข็งขึ้นของเงินดอลลาร์ สรอ.
-อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดการเงินเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า
-อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นและระยะกลางปรับเพิ่มขึ้นตามการคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนสิงหาคม
อัตราแลกเปลี่ยน ในเดือนกรกฎาคม 2547 ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 40.94 บาทต่อดอลลาร์ สรอ.อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของเดือนมิถุนายนที่ 40.80 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ.ทั้งนี้เงินบาทปรับค่าแข็งขึ้นในช่วงครึ่งแรกของเดือนจากการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็นหลัก แต่กลับอ่อนค่าลงค่อนข้างมากในช่วงครึ่งหลังของเดือนจากปัจจัยที่สำคัญคือ (1) ความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับผลกระทบของราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นต่อเศรษฐกิจไทยทำให้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย(2) sentiment ของเงินดอลลาร์ สรอ.ปรับดีขึ้นภายหลังการรายงานข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่อยู่ในเกณฑ์ดี และ(3) บริษัทน้ำมันในประเทศมีความต้องการซื้อเงินดอลลาร์ สรอ.เพิ่มขึ้น อนึ่ง การอ่อนค่าลงของเงินบาทเป็นไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาคที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ.
สำหรับช่วงวันที่ 1-25 สิงหาคม 2547 ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 41.47 บาทต่อดอลลาร์ สรอ.อ่อนลงอีกจากความกังวลของนักลงทุนต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทผู้นำเข้าได้ทยอยซื้อเงินดอลลาร์ สรอ.เพิ่มขึ้นนอกจากนี้ ยังเป็นการอ่อนลงตามค่าเงินเยนที่ได้รับปัจจัยลบจากความผันผวนของราคาน้ำมัน
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ในเดือนกรกฎาคม 2547 อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันปรับเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยในเดือนมิถุนายน โดยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1.04 และ 1.07 ต่อปีตามลำดับเนื่องจากสภาพคล่องตึงตัวขึ้นจากการที่ธนาคารพาณิชย์บางแห่งต้องการดำรงเงินสดสูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ยจึงได้ลดการลงทุนในตลาดเงินลง ประกอบกับธนาคารพาณิชย์หลายรายลดการลงทุนในช่วงก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมเพื่อรอดูทิศทางอัตราดอกเบี้ย และในช่วงปลายเดือนเพื่อเตรียมสภาพคล่องสำหรับการเบิกถอนก่อนช่วงวันหยุดยาว
สำหรับในช่วงวันที่ 1-25 สิงหาคม 2547 อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมโดยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1.07 และ 1.08 ต่อปี ตามลำดับ เนื่องจาก กนง. ได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม อนึ่ง ในช่วงก่อนการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นค่อนข้างทรงตัว สะท้อนสภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์ที่ยังมีอยู่สูง
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ในเดือนกรกฎาคม 2547 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นและระยะกลางปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนสิงหาคมนี้รวมทั้งเป็นไปตามแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวปรับลดลงเล็กน้อย สะท้อนการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในระยะยาวอาจจะชะลอตัวลงบ้าง
ในช่วงวันที่ 1-25 สิงหาคม 2547 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นและระยะกลางปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีความชัดเจนว่า ธปท.และธนาคารกลาง สหรัฐฯ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมในเดือนสิงหาคมสำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวทรงตัวจากเดือนก่อนและเคลื่อนไหวในช่วงแคบๆ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนในพันธบัตรระยะยาวเพื่อรอดูผลการตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยของ ธปท.ประกอบกับนักลงทุนได้คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยของ สหรัฐฯ จะไม่ปรับเพิ่มขึ้นอีกในการประชุมเดือนกันยายน
3. เงินฝากและสินเชื่อภาคเอกชนของระบบธนาคารพาณิชย์
-สินเชื่อขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน ขณะที่เงินฝากขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้น
-อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ไม่เปลี่ยนแปลง
เงินฝากธนาคารพาณิชย์ ในเดือนกรกฎาคม 2547 ขยายตัวร้อยละ 4.5 จากระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่เร่งขึ้นจากเดือนมิถุนายน ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของเงินฝากลูกค้านิติบุคคลจากสาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ
สินเชื่อภาคเอกชน(รวมการถือหลักทรัพย์ของเอกชน)ของธนาคารพาณิชย์ ขยายตัวร้อยละ 6.3 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ อนึ่ง ยอดคงค้างของสินเชื่อในเดือนนี้ลดลงจากเดือนก่อน เนื่องจากมีการไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัทบริหารสินทรัพย์แห่งหนึ่ง
อัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 แห่งในเดือนกรกฎาคมและในช่วงวันที่ 1-25 สิงหาคม 2547 คงอยู่ระดับเดิมทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1.00 และ 5.69 ต่อปี ตามลำดับ
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-อบ/ดพ-
-ฐานเงินและปริมาณเงินขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้น
ฐานเงิน ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2547 อยู่ที่ระดับ 683.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 10.7 พันล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการขยายตัวร้อยละ 13.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของฐานเงินจากเดือนก่อนหน้าได้แก่(1) สินทรัพย์ต่างประเทศสุทธิของทางการเพิ่มขึ้น(2) สินเชื่อสุทธิที่ ธปท.ให้แก่รัฐบาลเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการลดลงของเงินฝากภาครัฐที่ ธปท.และ(3) สินเชื่อสุทธิที่ ธปท.ให้แก่สถาบันการเงินลดลง เนื่องจากสถาบันการเงินลงทุนในตลาดซื้อคืนพันธบัตรเพิ่มขึ้น
ปริมาณเงิน M2 M2a และ M3 ในเดือนกรกฎาคม 2547 ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 7.2 8.2 และ 6.9 ตามลำดับ ซึ่งเป็นอัตราที่เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนตามการเพิ่มขึ้นของเงินฝากภาคเอกชน
2. อัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
-เงินบาทอ่อนค่าลงจากความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันและการปรับตัวแข็งขึ้นของเงินดอลลาร์ สรอ.
-อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดการเงินเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า
-อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นและระยะกลางปรับเพิ่มขึ้นตามการคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนสิงหาคม
อัตราแลกเปลี่ยน ในเดือนกรกฎาคม 2547 ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 40.94 บาทต่อดอลลาร์ สรอ.อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของเดือนมิถุนายนที่ 40.80 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ.ทั้งนี้เงินบาทปรับค่าแข็งขึ้นในช่วงครึ่งแรกของเดือนจากการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็นหลัก แต่กลับอ่อนค่าลงค่อนข้างมากในช่วงครึ่งหลังของเดือนจากปัจจัยที่สำคัญคือ (1) ความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับผลกระทบของราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นต่อเศรษฐกิจไทยทำให้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย(2) sentiment ของเงินดอลลาร์ สรอ.ปรับดีขึ้นภายหลังการรายงานข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่อยู่ในเกณฑ์ดี และ(3) บริษัทน้ำมันในประเทศมีความต้องการซื้อเงินดอลลาร์ สรอ.เพิ่มขึ้น อนึ่ง การอ่อนค่าลงของเงินบาทเป็นไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาคที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ.
สำหรับช่วงวันที่ 1-25 สิงหาคม 2547 ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 41.47 บาทต่อดอลลาร์ สรอ.อ่อนลงอีกจากความกังวลของนักลงทุนต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทผู้นำเข้าได้ทยอยซื้อเงินดอลลาร์ สรอ.เพิ่มขึ้นนอกจากนี้ ยังเป็นการอ่อนลงตามค่าเงินเยนที่ได้รับปัจจัยลบจากความผันผวนของราคาน้ำมัน
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ในเดือนกรกฎาคม 2547 อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันปรับเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยในเดือนมิถุนายน โดยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1.04 และ 1.07 ต่อปีตามลำดับเนื่องจากสภาพคล่องตึงตัวขึ้นจากการที่ธนาคารพาณิชย์บางแห่งต้องการดำรงเงินสดสูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ยจึงได้ลดการลงทุนในตลาดเงินลง ประกอบกับธนาคารพาณิชย์หลายรายลดการลงทุนในช่วงก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมเพื่อรอดูทิศทางอัตราดอกเบี้ย และในช่วงปลายเดือนเพื่อเตรียมสภาพคล่องสำหรับการเบิกถอนก่อนช่วงวันหยุดยาว
สำหรับในช่วงวันที่ 1-25 สิงหาคม 2547 อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมโดยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1.07 และ 1.08 ต่อปี ตามลำดับ เนื่องจาก กนง. ได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม อนึ่ง ในช่วงก่อนการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นค่อนข้างทรงตัว สะท้อนสภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์ที่ยังมีอยู่สูง
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ในเดือนกรกฎาคม 2547 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นและระยะกลางปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนสิงหาคมนี้รวมทั้งเป็นไปตามแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวปรับลดลงเล็กน้อย สะท้อนการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในระยะยาวอาจจะชะลอตัวลงบ้าง
ในช่วงวันที่ 1-25 สิงหาคม 2547 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นและระยะกลางปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีความชัดเจนว่า ธปท.และธนาคารกลาง สหรัฐฯ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมในเดือนสิงหาคมสำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวทรงตัวจากเดือนก่อนและเคลื่อนไหวในช่วงแคบๆ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนในพันธบัตรระยะยาวเพื่อรอดูผลการตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยของ ธปท.ประกอบกับนักลงทุนได้คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยของ สหรัฐฯ จะไม่ปรับเพิ่มขึ้นอีกในการประชุมเดือนกันยายน
3. เงินฝากและสินเชื่อภาคเอกชนของระบบธนาคารพาณิชย์
-สินเชื่อขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน ขณะที่เงินฝากขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้น
-อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ไม่เปลี่ยนแปลง
เงินฝากธนาคารพาณิชย์ ในเดือนกรกฎาคม 2547 ขยายตัวร้อยละ 4.5 จากระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่เร่งขึ้นจากเดือนมิถุนายน ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของเงินฝากลูกค้านิติบุคคลจากสาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ
สินเชื่อภาคเอกชน(รวมการถือหลักทรัพย์ของเอกชน)ของธนาคารพาณิชย์ ขยายตัวร้อยละ 6.3 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ อนึ่ง ยอดคงค้างของสินเชื่อในเดือนนี้ลดลงจากเดือนก่อน เนื่องจากมีการไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัทบริหารสินทรัพย์แห่งหนึ่ง
อัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 แห่งในเดือนกรกฎาคมและในช่วงวันที่ 1-25 สิงหาคม 2547 คงอยู่ระดับเดิมทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1.00 และ 5.69 ต่อปี ตามลำดับ
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-อบ/ดพ-