ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท. คุมเข้มผู้บริหารสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อเข้าข่ายทุจริต ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล
ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวในงานประชุมเสวนาเรื่อง “มิติใหม่การดำเนินคดีเศรษฐกิจสถาบันการเงิน : กรณีผู้
บริหารสถาบันการเงินทุจริต” ว่า ระบบธรรมาภิบาลเป็นเรื่องสำคัญที่ ธปท. ต้องการให้ผู้บริหารธนาคารโดย
เฉพาะกรรมการของธนาคาร ใช้ในการดำเนินกิจการธนาคารอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดกรณีการล้มของ
สถาบันการเงินเหมือนในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมา นอกจากกรรมการธนาคารจะต้องเป็นผู้ตรวจสอบหาข้อ
บกพร่องในการปล่อยสินเชื่อและการดำเนินกิจการของ ธ.พาณิชย์แล้ว ฝ่ายตรวจสอบของ ธปท. จะทำหน้าที่
อีกแรงหนึ่ง และหากกรรมการของธนาคารทำผิดเอง ธปท. จะเข้าไปจัดการเพื่อให้เกิดความมั่นคงของระบบ
สถาบันการเงิน ส่วนกรณี ธ.กรุงไทยขณะนี้กำลังรอรายงานการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจ ธ.กรุงไทย
ชุดที่นายชัยอนันต์ สมุทวานิช เป็นประธาน ส่งเรื่องกลับมมา หาก ธปท. เห็นว่าการตรวจสอบเป็นไปอย่าง
เหมาะสม มีการกำกับดูแลที่ดี ก็ไม่ต้องดำเนินการอะไรเพิ่มเติมอีก แต่หากกรรมการดูแลไม่ครบหรือจงใจ
ไม่กำกับดูแล ก็อาจจะมีการสั่งการให้ตรวจสอบเพิ่มเติม ด้านการฟ้องร้องผู้บริหาร ธ.พาณิชย์ของ ธปท. ยัง
มีข้อบกพร่อง หลายคดีไม่สามารถหาทางเดินของเงินที่จะไปเข้าบัญชีของผู้บริหาร หรือผู้ที่เกี่ยวข้องได้ ทำให้
หลักฐานไม่เพียงพอที่จะทำให้ศาลตัดสินลงโทษได้ จึงได้สั่งให้มีการปรับปรุงวิธีการหาทางเดินของเงินให้รวด
เร็วและพัฒนาระบบการตรวจสอบ ธ.พาณิชย์ให้เร็วขึ้น จากเดิมใช้เวลาเป็นปีจึงจะพบความเสียหาย ตอนนี้ใช้
เวลา 3-6 เดือน ก็สามารถตรวจสอบและสั่งการได้ (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ตลาดหลักทรัพย์สนับสนุนยกเลิกหลักประกัน 10% บัญชีต่ำกว่า 1 ล้านบาท นายกิตติรัตน์ ณ
ระนอง กก.ผจก.ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงกรณีที่ผู้บริหาร บล.กิมเอ็ง เตรียมหารือกับ
สมาคม บล. เพื่อขอยกเลิกเกณฑ์การวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน 10% สำหรับบัญชีเงินสดที่ซื้อขายหุ้นวงเงินซื้อ
ขายต่ำกว่า 1 ล้านบาท ว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่จะต้องมีข้อตกลงที่สร้างความมั่นใจว่าจะไม่มีการแตกบัญชีเพื่อให้มี
วงเงินต่ำกว่า 1 ล้านบาทออกเป็นหลายบัญชีกับโบรกเกอร์หลายราย หากสามารถตกลงกันได้ก็พร้อมที่จะสนับ
สนุนและนำเรื่องเสนอต่อคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ และจะเป็นตัวแทนในการประสานงานกับ สนง.กลต.
ทั้งนี้ หากมีการยกเลิกการวางหลักประกัน 10% สำหรับบัญชีเงินสดที่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท จะไม่ส่งผลกระทบต่อ
ผู้ที่เกี่ยวข้องและสร้างความเสียหายหรือความเสี่ยงให้กับ บล. เพราะบัญชีเงินสดต่ำกว่า 1 ล้านบาทมีไม่มาก
นัก ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ได้ผ่อนปรนให้บัญชีเงินสดที่วงเงินต่ำกว่า 1 ล้านบาท ยังไม่ต้องวางหลักทรัพย์ค้ำ
ประกัน 10% ในช่วง 6 เดือนแรก นับจากที่มาตรการนี้ใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ก.ค.47
(โพสต์ทูเดย์, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้)
3. รัฐบาลตรึงนโยบายภาษีสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รองนายก
รัฐมนตรี กล่าวระหว่างการร่วมงานครบรอบ 89 ปี ของกรรมสรรพากรว่า ปัญหาราคาน้ำมันที่สูงขึ้นยอมรับว่า
กระทบต่อต้นทุนการดำเนินการภาคเอกชนจนทำให้รายได้จากการจัดเก็บภาษีอาจลดลงไปบ้าง แต่ยอดการจัด
เก็บภาษีของกรรมสรรพากรก็ยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะการขยายตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งสำนักวิจัยหรือ
สถาบันต่าง ๆ ก็คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวที่ประมาณร้อยละ 6.5-7.1 จึงไม่น่ากระทบต่อการ
จัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล และการที่รัฐบาลยังคงใช้นโยบายแทรกแซงราคาน้ำมันดีเซลยิ่งทำให้ได้รับผล
กระทบน้อยลงเพื่อให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นไม่เกินร้อยละ 3 ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ดีสำหรับสภาพเศรษฐกิจในช่วงนี้
สำหรับนโยบายการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรนั้นพบว่าโครงสร้างทั้งหมดในปัจจุบันเหมาะสมกับสภาพ
เศรษฐกิจแล้ว จึงไม่ควรมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการเรียกร้องให้ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่อ้าง
อัตราภาษีของไทยสูงกว่าสิงคโปร์ถึงร้อยละ 5-7 แต่ค่าใช้จ่ายของสิงคโปร์สูงกว่าไทยถึงร้อยละ 10 จึงทำให้
นักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุนในไทยมากกว่าสิงคโปร์ และจากสภาพเศรษฐกิจขณะนี้ทางการควรให้นโยบายการ
จัดเก็บภาษีและโครงสร้างภาษีนิ่งมากที่สุด เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มลดลง เมื่อเน้นที่
ประสิทธิภาพการจัดเก็บและความซื่อสัตย์ของเจ้าหน้าที่แล้วเชื่อว่าการจัดเก็บภาษีปี งปม.47 น่าจะเกินเป้า
หมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน (แนวหน้า)
4. ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ปี 48 จะมีหลายปัจจัยกระทบต่อธุรกิจการเงิน บ. ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
จก. ประเมินแนวโน้มการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของ ธ.กลาง สรอ. ในปี 48 ต่อเนื่องจากปี 47 รวมทั้ง
แรงกดดันเงินเฟ้อในประเทศจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกดดันต่อการดำเนินนโยบายการเงินของไทย โดยเฉพาะหาก
ค่าเงินดอลลาร์ สรอ. ยังคงปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักต่าง ๆ รวมทั้งค่าเงินในภูมิภาค
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ สรอ.ยังคงแข็งค่า ค่าเงินบาทอาจต้องเผชิญกับแรงกดดันทั้งจากค่าผลต่างอัตราดอกเบี้ย
ระหว่างประเทศ และแนวโน้มการขาดดุลการค้าในปีหน้า ซึ่งคาดว่าในปี 48 เงินบาทอาจจะอ่อนตัวลงไปที่ค่า
เฉลี่ย 40.7 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ. จากค่าเฉลี่ยปี 47 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 40.5 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ.
สำหรับการดำเนินการของสถาบันการเงินในระบบนั้น คาดว่าประเด็นในด้านคุณภาพของสินทรัพย์จะมีความ
สำคัญมากยิ่งขึ้น เพราะในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงความสามารถในการทำกำไรของลูกหนี้ประเภทธุรกิจของ
สถาบันการเงินก็อาจจะลดลงตามไปด้วย ขณะที่ลูกหนี้ที่เป็นครัวเรือนอาจไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก อย่างไรก็ตาม
ภาระในการชำระหนี้และภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อาจปรับเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและภาวะเงินเฟ้อ
ในระบบ และส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนได้เช่นกัน จากปัจจัยดังกล่าวส่ง
ผลให้สถาบันการเงินจะต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นในการบริหารติดตามหนี้ การประเมินมูลค่าหลักประกัน
ตลอดจนการตั้งสำรองตามความเหมาะสม (แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. นักเศรษฐศาสตร์จาก ธ.โลกเห็นว่าราคาน้ำมันที่สูงจะกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก
รายงานจากโคลัมเบีย เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 47 นักเศรษฐศาสตร์ระดับสูงจาก ธ.โลก เปิดเผยว่า ราคาน้ำมัน
ดิบที่อยู่ในระดับสูงจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยอาจจะชะลอตัวสูงถึงร้อยละ 0.2 ทั้งนี้ระดับราคา
น้ำมันที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อวันที่ 20 ส.ค. เพิ่มขึ้นอยู่ที่บาร์เรลละ 49.40 ดอลลาร์ สรอ. ทำสถิติสูงสุดในรอบ
21 ปี และหากราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ที่ระดับบาร์ละ 40 — 50 ดอลลาร์ สรอ. เป็นเวลา 1 ปี การขยายตัว
ของเศรษฐกิจโลกจะลดลงประมาณร้อยละ 0.1 ถึงร้อยละ 0.2 แต่หากระดับราคาสูงขึ้นไปอีกจะเป็นเรื่องที่
น่าวิตก ทั้งนี้คาดว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะขยายตัวมากกว่าร้อยละ 4.6 ตามการคาดการณ์ของ IMF โดยคาด
ว่าจะมีการปรับตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในการประชุมทุกครึ่งปีที่จะมีขึ้นในต้นเดือนต.ค. (รอยเตอร์)
2. ยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงานของ สรอ.ในเดือน ก.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 จากเดือนก่อน
รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 2 ก.ย.47 ก.พาณิชย์ของ สรอ.รายงานตัวเลขยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงานของ
สรอ.สำหรับเดือน ก.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 จากเดือนก่อน สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1
หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 ในเดือน มิ.ย.47 ในขณะที่รายงานจาก Institute for Supply
Management แสดงให้เห็นว่าโรงงานอุตสาหกรรมใน สรอ.ขยายตัวในอัตราที่ลดลงในเดือน ส.ค.47 เมื่อ
เทียบกับเดือนก่อนแต่ยังถือว่าขยายตัวในอัตราที่สูงโดยดัชนีลดลงอยู่ที่ระดับ 59.0 ในเดือน ส.ค.47 จากระดับ
62.0 ในเดือน ก.ค.47 โดยสาเหตุที่อัตราการขยายตัวในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ชะลอตัวลงมาจากราคาน้ำมัน
ที่สูงขึ้น จากตัวเลขของ ก.พาณิชย์แสดงให้เห็นว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนซึ่งมีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป
เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 ในเดือน ก.ค.47 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 ในเดือน มิ.ย.47 แต่หากไม่รวมสินค้าที่
เกี่ยวกับการคมนาคมขนส่งซึ่งรวมถึงเครื่องบินโดยสารแล้วยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือน ก.ค.47 ลดลงร้อยละ
0.2 ในขณะที่สินค้าไม่คงทนซึ่งมีสัดส่วนน้อยกว่าครึ่งเพียงเล็กน้อยของยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงานทั้งหมดเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 1.0 ในเดือน ก.ค.47 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 ในเดือน มิ.ย.47 โดยหากไม่รวมสินค้าที่เกี่ยว
กับการคมนาคมขนส่งแล้วยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงานทั้งหมดในเดือน ก.ค.47 เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.5 จาก
เดือนก่อน (รอยเตอร์)
3. เกาหลีใต้จะตั้งงบประมาณปีหน้าเพิ่มขึ้นจากปีนี้ร้อยละ 10 รายงานจากโซลเมื่อวันที่ 2 ก.ย.
47 Budget ministry ของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เกาหลีใต้ได้วางแผนงบประมาณสำหรับปี 48 เพิ่มขึ้นจากปี
47 ร้อยละ 10 อยู่ที่ระดับ 132 ล้าน ล้าน วอน ( 115 พัน ล. ดอลลาร์สรอ.) เพิ่มขึ้นจาก 120.1 ล้าน
ล้านวอนในปีนี้ นอกจากนั้นอาจจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 6 — 7 ล้านวอนเพื่อชดเชยการขาดดุล
งบประมาณที่คาดว่าจะเกิดจากการปรับลดภาษีเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศที่ยังคงอ่อนแออยู่
ทั้งนี้พรรคการเมืองได้ร้องขอให้รัฐบาลเพิ่มการใช้จ่ายรัฐบาลในปีหน้าเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งหดตัว
มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ไตรมาสแล้ว โดยร่างแผนงบประมาณดังกล่าวจะเสนอขอความเห็นชอบจาก
รัฐสภาในวันที่ 2 ต.ค.นี้ อนึ่งเกาหลีใต้ใช้งบประมาณประจำปีถึง 1 ใน 6 ในการป้องกันประเทศเนื่องจาก
เห็นว่าประเทศยังคงมีความขัดแย้งกับเกาหลีเหนือ แม้ว่าสงครามเกาหลีจะสิ้นสุดแล้วก็ตามและอีก 1 ใน 4
จะใช้ในโครงการทางเศรษฐกิจต่างๆ ( รอยเตอร์)
4. ยอดนำเข้าของมาเลเซียในเดือน ก.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน รายงาน
จากกัวลาลัมเปอร์ เมื่อ 2 ก.ย.47 ยอดนำเข้าของมาเลเซียในเดือน ก.ค.47 มีจำนวน 35.0 พันล้าน
ริงกิตหรือประมาณ 9.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน ต่ำกว่าที่คาดไว้
จากผลสำรวจของรอยเตอร์ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.6 จากการที่ผู้ผลิตนำเข้าชิ้นส่วนเพื่อประกอบเป็นสินค้าอิ
เล็คทรอนิกส์เพิ่มขึ้น ในขณะที่ยอดส่งออกในเดือนเดียวกันเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.8 สูงกว่าที่คาดไว้จากผลสำรวจ
ของรอยเตอร์ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.7 จากความต้องการเพิ่มขึ้นในตลาดต่างประเทศของสินค้าอิเล็ค
ทรอนิกส์ อุปกรณ์ขนส่ง และผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า โดยยอดเกินดุลการค้าในเดือน ก.ค.47 เพิ่มขึ้นเป็น
7.6 พันล้านริงกิตเพิ่มขึ้นจาก 4.4 พันล้านริงกิตในปี 46 ในขณะที่ยอดเกินดุลการค้าในเดือน มิ.ย.47 มี
จำนวน 5.2 พันล้านริงกิต (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 3 ก.ย. 47 2 ก.ย. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.585 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.4220/41.7100 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1. 4000-1.6500 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 628.78/17.60 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,900/8,000 7,950/8,050 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 36.8 35.42 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 21.79*/14.59 21.79*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 24 ส.ค.47
--ธนาคาารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ธปท. คุมเข้มผู้บริหารสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อเข้าข่ายทุจริต ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล
ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวในงานประชุมเสวนาเรื่อง “มิติใหม่การดำเนินคดีเศรษฐกิจสถาบันการเงิน : กรณีผู้
บริหารสถาบันการเงินทุจริต” ว่า ระบบธรรมาภิบาลเป็นเรื่องสำคัญที่ ธปท. ต้องการให้ผู้บริหารธนาคารโดย
เฉพาะกรรมการของธนาคาร ใช้ในการดำเนินกิจการธนาคารอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดกรณีการล้มของ
สถาบันการเงินเหมือนในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมา นอกจากกรรมการธนาคารจะต้องเป็นผู้ตรวจสอบหาข้อ
บกพร่องในการปล่อยสินเชื่อและการดำเนินกิจการของ ธ.พาณิชย์แล้ว ฝ่ายตรวจสอบของ ธปท. จะทำหน้าที่
อีกแรงหนึ่ง และหากกรรมการของธนาคารทำผิดเอง ธปท. จะเข้าไปจัดการเพื่อให้เกิดความมั่นคงของระบบ
สถาบันการเงิน ส่วนกรณี ธ.กรุงไทยขณะนี้กำลังรอรายงานการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจ ธ.กรุงไทย
ชุดที่นายชัยอนันต์ สมุทวานิช เป็นประธาน ส่งเรื่องกลับมมา หาก ธปท. เห็นว่าการตรวจสอบเป็นไปอย่าง
เหมาะสม มีการกำกับดูแลที่ดี ก็ไม่ต้องดำเนินการอะไรเพิ่มเติมอีก แต่หากกรรมการดูแลไม่ครบหรือจงใจ
ไม่กำกับดูแล ก็อาจจะมีการสั่งการให้ตรวจสอบเพิ่มเติม ด้านการฟ้องร้องผู้บริหาร ธ.พาณิชย์ของ ธปท. ยัง
มีข้อบกพร่อง หลายคดีไม่สามารถหาทางเดินของเงินที่จะไปเข้าบัญชีของผู้บริหาร หรือผู้ที่เกี่ยวข้องได้ ทำให้
หลักฐานไม่เพียงพอที่จะทำให้ศาลตัดสินลงโทษได้ จึงได้สั่งให้มีการปรับปรุงวิธีการหาทางเดินของเงินให้รวด
เร็วและพัฒนาระบบการตรวจสอบ ธ.พาณิชย์ให้เร็วขึ้น จากเดิมใช้เวลาเป็นปีจึงจะพบความเสียหาย ตอนนี้ใช้
เวลา 3-6 เดือน ก็สามารถตรวจสอบและสั่งการได้ (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ตลาดหลักทรัพย์สนับสนุนยกเลิกหลักประกัน 10% บัญชีต่ำกว่า 1 ล้านบาท นายกิตติรัตน์ ณ
ระนอง กก.ผจก.ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงกรณีที่ผู้บริหาร บล.กิมเอ็ง เตรียมหารือกับ
สมาคม บล. เพื่อขอยกเลิกเกณฑ์การวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน 10% สำหรับบัญชีเงินสดที่ซื้อขายหุ้นวงเงินซื้อ
ขายต่ำกว่า 1 ล้านบาท ว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่จะต้องมีข้อตกลงที่สร้างความมั่นใจว่าจะไม่มีการแตกบัญชีเพื่อให้มี
วงเงินต่ำกว่า 1 ล้านบาทออกเป็นหลายบัญชีกับโบรกเกอร์หลายราย หากสามารถตกลงกันได้ก็พร้อมที่จะสนับ
สนุนและนำเรื่องเสนอต่อคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ และจะเป็นตัวแทนในการประสานงานกับ สนง.กลต.
ทั้งนี้ หากมีการยกเลิกการวางหลักประกัน 10% สำหรับบัญชีเงินสดที่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท จะไม่ส่งผลกระทบต่อ
ผู้ที่เกี่ยวข้องและสร้างความเสียหายหรือความเสี่ยงให้กับ บล. เพราะบัญชีเงินสดต่ำกว่า 1 ล้านบาทมีไม่มาก
นัก ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ได้ผ่อนปรนให้บัญชีเงินสดที่วงเงินต่ำกว่า 1 ล้านบาท ยังไม่ต้องวางหลักทรัพย์ค้ำ
ประกัน 10% ในช่วง 6 เดือนแรก นับจากที่มาตรการนี้ใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ก.ค.47
(โพสต์ทูเดย์, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้)
3. รัฐบาลตรึงนโยบายภาษีสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รองนายก
รัฐมนตรี กล่าวระหว่างการร่วมงานครบรอบ 89 ปี ของกรรมสรรพากรว่า ปัญหาราคาน้ำมันที่สูงขึ้นยอมรับว่า
กระทบต่อต้นทุนการดำเนินการภาคเอกชนจนทำให้รายได้จากการจัดเก็บภาษีอาจลดลงไปบ้าง แต่ยอดการจัด
เก็บภาษีของกรรมสรรพากรก็ยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะการขยายตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งสำนักวิจัยหรือ
สถาบันต่าง ๆ ก็คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวที่ประมาณร้อยละ 6.5-7.1 จึงไม่น่ากระทบต่อการ
จัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล และการที่รัฐบาลยังคงใช้นโยบายแทรกแซงราคาน้ำมันดีเซลยิ่งทำให้ได้รับผล
กระทบน้อยลงเพื่อให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นไม่เกินร้อยละ 3 ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ดีสำหรับสภาพเศรษฐกิจในช่วงนี้
สำหรับนโยบายการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรนั้นพบว่าโครงสร้างทั้งหมดในปัจจุบันเหมาะสมกับสภาพ
เศรษฐกิจแล้ว จึงไม่ควรมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการเรียกร้องให้ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่อ้าง
อัตราภาษีของไทยสูงกว่าสิงคโปร์ถึงร้อยละ 5-7 แต่ค่าใช้จ่ายของสิงคโปร์สูงกว่าไทยถึงร้อยละ 10 จึงทำให้
นักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุนในไทยมากกว่าสิงคโปร์ และจากสภาพเศรษฐกิจขณะนี้ทางการควรให้นโยบายการ
จัดเก็บภาษีและโครงสร้างภาษีนิ่งมากที่สุด เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มลดลง เมื่อเน้นที่
ประสิทธิภาพการจัดเก็บและความซื่อสัตย์ของเจ้าหน้าที่แล้วเชื่อว่าการจัดเก็บภาษีปี งปม.47 น่าจะเกินเป้า
หมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน (แนวหน้า)
4. ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ปี 48 จะมีหลายปัจจัยกระทบต่อธุรกิจการเงิน บ. ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
จก. ประเมินแนวโน้มการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของ ธ.กลาง สรอ. ในปี 48 ต่อเนื่องจากปี 47 รวมทั้ง
แรงกดดันเงินเฟ้อในประเทศจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกดดันต่อการดำเนินนโยบายการเงินของไทย โดยเฉพาะหาก
ค่าเงินดอลลาร์ สรอ. ยังคงปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักต่าง ๆ รวมทั้งค่าเงินในภูมิภาค
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ สรอ.ยังคงแข็งค่า ค่าเงินบาทอาจต้องเผชิญกับแรงกดดันทั้งจากค่าผลต่างอัตราดอกเบี้ย
ระหว่างประเทศ และแนวโน้มการขาดดุลการค้าในปีหน้า ซึ่งคาดว่าในปี 48 เงินบาทอาจจะอ่อนตัวลงไปที่ค่า
เฉลี่ย 40.7 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ. จากค่าเฉลี่ยปี 47 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 40.5 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ.
สำหรับการดำเนินการของสถาบันการเงินในระบบนั้น คาดว่าประเด็นในด้านคุณภาพของสินทรัพย์จะมีความ
สำคัญมากยิ่งขึ้น เพราะในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงความสามารถในการทำกำไรของลูกหนี้ประเภทธุรกิจของ
สถาบันการเงินก็อาจจะลดลงตามไปด้วย ขณะที่ลูกหนี้ที่เป็นครัวเรือนอาจไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก อย่างไรก็ตาม
ภาระในการชำระหนี้และภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อาจปรับเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและภาวะเงินเฟ้อ
ในระบบ และส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนได้เช่นกัน จากปัจจัยดังกล่าวส่ง
ผลให้สถาบันการเงินจะต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นในการบริหารติดตามหนี้ การประเมินมูลค่าหลักประกัน
ตลอดจนการตั้งสำรองตามความเหมาะสม (แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. นักเศรษฐศาสตร์จาก ธ.โลกเห็นว่าราคาน้ำมันที่สูงจะกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก
รายงานจากโคลัมเบีย เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 47 นักเศรษฐศาสตร์ระดับสูงจาก ธ.โลก เปิดเผยว่า ราคาน้ำมัน
ดิบที่อยู่ในระดับสูงจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยอาจจะชะลอตัวสูงถึงร้อยละ 0.2 ทั้งนี้ระดับราคา
น้ำมันที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อวันที่ 20 ส.ค. เพิ่มขึ้นอยู่ที่บาร์เรลละ 49.40 ดอลลาร์ สรอ. ทำสถิติสูงสุดในรอบ
21 ปี และหากราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ที่ระดับบาร์ละ 40 — 50 ดอลลาร์ สรอ. เป็นเวลา 1 ปี การขยายตัว
ของเศรษฐกิจโลกจะลดลงประมาณร้อยละ 0.1 ถึงร้อยละ 0.2 แต่หากระดับราคาสูงขึ้นไปอีกจะเป็นเรื่องที่
น่าวิตก ทั้งนี้คาดว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะขยายตัวมากกว่าร้อยละ 4.6 ตามการคาดการณ์ของ IMF โดยคาด
ว่าจะมีการปรับตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในการประชุมทุกครึ่งปีที่จะมีขึ้นในต้นเดือนต.ค. (รอยเตอร์)
2. ยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงานของ สรอ.ในเดือน ก.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 จากเดือนก่อน
รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 2 ก.ย.47 ก.พาณิชย์ของ สรอ.รายงานตัวเลขยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงานของ
สรอ.สำหรับเดือน ก.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 จากเดือนก่อน สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1
หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 ในเดือน มิ.ย.47 ในขณะที่รายงานจาก Institute for Supply
Management แสดงให้เห็นว่าโรงงานอุตสาหกรรมใน สรอ.ขยายตัวในอัตราที่ลดลงในเดือน ส.ค.47 เมื่อ
เทียบกับเดือนก่อนแต่ยังถือว่าขยายตัวในอัตราที่สูงโดยดัชนีลดลงอยู่ที่ระดับ 59.0 ในเดือน ส.ค.47 จากระดับ
62.0 ในเดือน ก.ค.47 โดยสาเหตุที่อัตราการขยายตัวในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ชะลอตัวลงมาจากราคาน้ำมัน
ที่สูงขึ้น จากตัวเลขของ ก.พาณิชย์แสดงให้เห็นว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนซึ่งมีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป
เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 ในเดือน ก.ค.47 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 ในเดือน มิ.ย.47 แต่หากไม่รวมสินค้าที่
เกี่ยวกับการคมนาคมขนส่งซึ่งรวมถึงเครื่องบินโดยสารแล้วยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือน ก.ค.47 ลดลงร้อยละ
0.2 ในขณะที่สินค้าไม่คงทนซึ่งมีสัดส่วนน้อยกว่าครึ่งเพียงเล็กน้อยของยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงานทั้งหมดเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 1.0 ในเดือน ก.ค.47 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 ในเดือน มิ.ย.47 โดยหากไม่รวมสินค้าที่เกี่ยว
กับการคมนาคมขนส่งแล้วยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงานทั้งหมดในเดือน ก.ค.47 เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.5 จาก
เดือนก่อน (รอยเตอร์)
3. เกาหลีใต้จะตั้งงบประมาณปีหน้าเพิ่มขึ้นจากปีนี้ร้อยละ 10 รายงานจากโซลเมื่อวันที่ 2 ก.ย.
47 Budget ministry ของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เกาหลีใต้ได้วางแผนงบประมาณสำหรับปี 48 เพิ่มขึ้นจากปี
47 ร้อยละ 10 อยู่ที่ระดับ 132 ล้าน ล้าน วอน ( 115 พัน ล. ดอลลาร์สรอ.) เพิ่มขึ้นจาก 120.1 ล้าน
ล้านวอนในปีนี้ นอกจากนั้นอาจจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 6 — 7 ล้านวอนเพื่อชดเชยการขาดดุล
งบประมาณที่คาดว่าจะเกิดจากการปรับลดภาษีเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศที่ยังคงอ่อนแออยู่
ทั้งนี้พรรคการเมืองได้ร้องขอให้รัฐบาลเพิ่มการใช้จ่ายรัฐบาลในปีหน้าเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งหดตัว
มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ไตรมาสแล้ว โดยร่างแผนงบประมาณดังกล่าวจะเสนอขอความเห็นชอบจาก
รัฐสภาในวันที่ 2 ต.ค.นี้ อนึ่งเกาหลีใต้ใช้งบประมาณประจำปีถึง 1 ใน 6 ในการป้องกันประเทศเนื่องจาก
เห็นว่าประเทศยังคงมีความขัดแย้งกับเกาหลีเหนือ แม้ว่าสงครามเกาหลีจะสิ้นสุดแล้วก็ตามและอีก 1 ใน 4
จะใช้ในโครงการทางเศรษฐกิจต่างๆ ( รอยเตอร์)
4. ยอดนำเข้าของมาเลเซียในเดือน ก.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน รายงาน
จากกัวลาลัมเปอร์ เมื่อ 2 ก.ย.47 ยอดนำเข้าของมาเลเซียในเดือน ก.ค.47 มีจำนวน 35.0 พันล้าน
ริงกิตหรือประมาณ 9.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน ต่ำกว่าที่คาดไว้
จากผลสำรวจของรอยเตอร์ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.6 จากการที่ผู้ผลิตนำเข้าชิ้นส่วนเพื่อประกอบเป็นสินค้าอิ
เล็คทรอนิกส์เพิ่มขึ้น ในขณะที่ยอดส่งออกในเดือนเดียวกันเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.8 สูงกว่าที่คาดไว้จากผลสำรวจ
ของรอยเตอร์ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.7 จากความต้องการเพิ่มขึ้นในตลาดต่างประเทศของสินค้าอิเล็ค
ทรอนิกส์ อุปกรณ์ขนส่ง และผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า โดยยอดเกินดุลการค้าในเดือน ก.ค.47 เพิ่มขึ้นเป็น
7.6 พันล้านริงกิตเพิ่มขึ้นจาก 4.4 พันล้านริงกิตในปี 46 ในขณะที่ยอดเกินดุลการค้าในเดือน มิ.ย.47 มี
จำนวน 5.2 พันล้านริงกิต (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 3 ก.ย. 47 2 ก.ย. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.585 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.4220/41.7100 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1. 4000-1.6500 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 628.78/17.60 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,900/8,000 7,950/8,050 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 36.8 35.42 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 21.79*/14.59 21.79*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 24 ส.ค.47
--ธนาคาารแห่งประเทศไทย--
-ยก-