นายนริศ ขำนุรักษ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการเปิดปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ที่จังหวัดตรัง ว่า ไม่ได้เกิดจากความหวั่นไหวของทัวร์นกขมิ้นขอนายกฯ แต่เพราะพรรคประชาธิปัตย์ใช้การปราศรัยเป็นยุทธศาสตร์หลัก เป็นเรื่องธรรมดาที่พรรคฯจะรายงานสถานการณ์ทางการเมือง ประกาศจุดยืน และท่าทีต่อสถานะภาพทางการเมืองไม่มีอะไรเป็นพิเศษ รวมถึงพรรคได้ประกาศล่วงหน้าไว้แล้วว่า หลังจากเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงทพฯเสร็จสิ้น พรรคจะเดินสายปราศรัยพบปะประชาชน เพราะพรรคไม่มียุทธศาสตร์ในการใช้เงิน ใช้อำนาจรัฐ และการดูดส.ส. พรรคจึงเลือกใช้วิธีการปราศรัย อีกทั้งในทางกลับกันนายกฯดูจะหวั่นไหวจากการปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์มากกว่า ‘ดูได้จากการประกาศเป้าหมายจำนวน ส.ส.ของพรรคไทยรักไทยที่ในพื้นที่ภาคใต้ว่าจะชนะมากกว่า 10 คนนั้น เราทราบเป้าหมายนี้มาก่อน ตัวแทนของพรรคไทยรักไทย ก็คือ 6 คน ที่ดูดจากพรรคความหวังใหม่ และอีก 5 คนก็ดูดจากพรรคประชาธิปัตย์ นายกฯ คาดหมายว่า 11 คนดังกล่าวจะกลับมาสู่สภาอีก ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์รู้ทันเป้าหมายนี้ ’ นายนริศ กล่าว
รองโฆษกพรรค ปชป. กล่าวต่ออีกว่า สำหรับทัวร์นกขมิ้นที่นายกฯพยามยามตอกย้ำว่าเป็นการทำงานไม่ใช่การเมือง แต่คำพูดของท่านดูขาดความน่าเชื่อถือไปมาก เพราะคนรู้ทันนายกฯทั่วประเทศแล้ว ไม่ใช่เพียงแต่คนในภาคใต้ และคนในกรุงเทพฯเท่านั้น จึงเรียกร้องให้นายกฯเลิกพฤติกรรมตีสองหน้า โดยให้ไปทุ่มเทเวลา และความคิดในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้ดีกว่า เพราะว่า ใน 3 จังหวัดภาคใต้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นรายวันไม่มีแนวโน้มที่จะยุติเมื่อใด และยุติลงอย่างไร จนสรุปกันโดยทั่วไปว่านายกฯไร้ความสามารถในการแก้ไขปัญหาภาคใต้โดยสิ้นเชิง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 6 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-
รองโฆษกพรรค ปชป. กล่าวต่ออีกว่า สำหรับทัวร์นกขมิ้นที่นายกฯพยามยามตอกย้ำว่าเป็นการทำงานไม่ใช่การเมือง แต่คำพูดของท่านดูขาดความน่าเชื่อถือไปมาก เพราะคนรู้ทันนายกฯทั่วประเทศแล้ว ไม่ใช่เพียงแต่คนในภาคใต้ และคนในกรุงเทพฯเท่านั้น จึงเรียกร้องให้นายกฯเลิกพฤติกรรมตีสองหน้า โดยให้ไปทุ่มเทเวลา และความคิดในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้ดีกว่า เพราะว่า ใน 3 จังหวัดภาคใต้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นรายวันไม่มีแนวโน้มที่จะยุติเมื่อใด และยุติลงอย่างไร จนสรุปกันโดยทั่วไปว่านายกฯไร้ความสามารถในการแก้ไขปัญหาภาคใต้โดยสิ้นเชิง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 6 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-