รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ‘ชี้’ การเมืองแบบประดิดประดอย ปชช.รู้ว่าใครเป็นคนเล่น ‘ย้ำคนใต้’ เลือกปชป.เพราะมั่นใจและศรัทธา ไม่ใช่เลือกเพราะเกรงใจ ส่วนนโยบายพรรคฯที่ออกช้านั้น ต้องเป็นนโยบายที่เป็นรูปธรรมเกิดประโยชน์อย่างแท้จริงไม่มีผลร้ายตกค้างไปสู่อนาคต
นายนริศ ขำนุรักษ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ โฆษกพรรคไทยรักไทยบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์เล่นการเมืองแบบประดิดประดอยคำพูดนั้น ตนคิดว่าขณะนี้ประชาชนรู้แล้วว่าใครเล่นการเมืองแบบประดิดประดอยคำพูดมากกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นคำว่าเอื้ออาทร โอท็อป SML ผู้ว่าฯซีอีโอ เหล่านี้ล้วนเป็นการประดิดประดอยคำพูด ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นผู้เล่นการเมืองแบบประดิดประดอยคำพูดกันแน่
ส่วนกรณีที่เรียกร้องให้คนใต้ไม่ต้องเกรงใจ ส.ส. หรือนักการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ตนขอเรียนว่าโดยทั่วไปแล้วคนใต้ไม่เกรงใจคนอื่นอยู่แล้ว หากสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผิดพลาดหรือไม่ถูกต้อง คนใต้ก็พร้อมที่จะลุกขึ้นมาตอบโต้ทันทีเสมอ คนใต้ไม่ได้เลือกพรรคประชาธิปัตย์เพราะเกรงใจ แต่เลือกเพราะมั่นใจและศรัทธาในพรรคและผู้นำของพรรค
และกรณีที่บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีนโยบายใหม่นั้น ขอชี้แจงว่าพรรคได้ทยอยประกาศนโยบายออกมาเรื่อยๆ ส่วนสาเหตุที่ต้องทยอยประกาศออกมานั้น เนื่องจากพรรคต้องตรวจสอบว่านโยบายที่จะประกาศออกไปนั้นต้องเป็นนโยบายที่เป็นไปได้ เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและบ้านเมือง ไม่มีผลร้ายตกค้างไปสู่อนาคต และจะไม่ให้ใครสามารถหาผลประโยชน์บนนโยบายของพรรคได้ ไม่เหมือนกับพรรคไทยรักไทยที่สามารถประกาศนโยบายได้รายวัน แต่ประชาชนเริ่มไม่เชื่อมั่นในนโยบายเหล่านั้น เพราะเห็นพิษร้ายของหลายๆนโยบายของรัฐบาลว่ามีเพียงบางคนบางกลุ่มได้รับผลประโยชน์ ผลประโยชน์ไม่ได้ถึงประชาชนโดยทั่วไปอย่างแท้จริง ‘ประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่ไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวอะไร โดยเฉพาะการทัวร์นกขมิ้นของนายกฯ แต่ว่าขณะนี้ทางพรรคไทยรักไทยดูจะหวั่นไหวมากกว่า จากการถอยในหลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะถอยในเรื่องการแก้ไขอำนาจของ กกต. เรื่องแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด แต่งตั้งตำรวจ รวมทั้งการโยกย้าย ผบ.ทบ.ไปเป็น ผบ.สูงสุด ก็ดูเป็นการถอยกรูด ซึ่งเกิดจากอาการหวั่นไหว และนอกจากหวั่นไหวแล้วยังโหนกระแสด้วย เช่น โหนกระแสของนักกีฬาโอลิมปิก กระแสของผู้ว่าฯกทม. เป็นต้น’ นายนริศกล่าว
ส่วนกรณีที่นายสุรนันทน์กล่าวว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นขาประจำนั้น นายนริศกล่าวว่า เรื่องนี้สังคมเป็นประจักษ์พยานได้ว่าการทำงานของนายจุรินทร์นั้น เป็นการทำงานเพื่อตรวจสอบรัฐบาลอย่างมีประสิทธิภาพมาตลอด ส่วนการที่รัฐบาลดูเป็นขาประจำนั้น เพราะนายจุรินทร์ต้องการตอกย้ำในหลายประเด็นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการมีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือเรื่องของการทุจริตเชิงนโยบายของรัฐบาล ให้ประชาชนและสังคมได้รับรู้ ซึ่งทั้งหมดถือเป็นการทำหน้าที่ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้านอย่างมีประสิทธิภาพ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 7 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-
นายนริศ ขำนุรักษ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ โฆษกพรรคไทยรักไทยบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์เล่นการเมืองแบบประดิดประดอยคำพูดนั้น ตนคิดว่าขณะนี้ประชาชนรู้แล้วว่าใครเล่นการเมืองแบบประดิดประดอยคำพูดมากกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นคำว่าเอื้ออาทร โอท็อป SML ผู้ว่าฯซีอีโอ เหล่านี้ล้วนเป็นการประดิดประดอยคำพูด ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นผู้เล่นการเมืองแบบประดิดประดอยคำพูดกันแน่
ส่วนกรณีที่เรียกร้องให้คนใต้ไม่ต้องเกรงใจ ส.ส. หรือนักการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ตนขอเรียนว่าโดยทั่วไปแล้วคนใต้ไม่เกรงใจคนอื่นอยู่แล้ว หากสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผิดพลาดหรือไม่ถูกต้อง คนใต้ก็พร้อมที่จะลุกขึ้นมาตอบโต้ทันทีเสมอ คนใต้ไม่ได้เลือกพรรคประชาธิปัตย์เพราะเกรงใจ แต่เลือกเพราะมั่นใจและศรัทธาในพรรคและผู้นำของพรรค
และกรณีที่บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีนโยบายใหม่นั้น ขอชี้แจงว่าพรรคได้ทยอยประกาศนโยบายออกมาเรื่อยๆ ส่วนสาเหตุที่ต้องทยอยประกาศออกมานั้น เนื่องจากพรรคต้องตรวจสอบว่านโยบายที่จะประกาศออกไปนั้นต้องเป็นนโยบายที่เป็นไปได้ เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและบ้านเมือง ไม่มีผลร้ายตกค้างไปสู่อนาคต และจะไม่ให้ใครสามารถหาผลประโยชน์บนนโยบายของพรรคได้ ไม่เหมือนกับพรรคไทยรักไทยที่สามารถประกาศนโยบายได้รายวัน แต่ประชาชนเริ่มไม่เชื่อมั่นในนโยบายเหล่านั้น เพราะเห็นพิษร้ายของหลายๆนโยบายของรัฐบาลว่ามีเพียงบางคนบางกลุ่มได้รับผลประโยชน์ ผลประโยชน์ไม่ได้ถึงประชาชนโดยทั่วไปอย่างแท้จริง ‘ประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่ไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวอะไร โดยเฉพาะการทัวร์นกขมิ้นของนายกฯ แต่ว่าขณะนี้ทางพรรคไทยรักไทยดูจะหวั่นไหวมากกว่า จากการถอยในหลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะถอยในเรื่องการแก้ไขอำนาจของ กกต. เรื่องแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด แต่งตั้งตำรวจ รวมทั้งการโยกย้าย ผบ.ทบ.ไปเป็น ผบ.สูงสุด ก็ดูเป็นการถอยกรูด ซึ่งเกิดจากอาการหวั่นไหว และนอกจากหวั่นไหวแล้วยังโหนกระแสด้วย เช่น โหนกระแสของนักกีฬาโอลิมปิก กระแสของผู้ว่าฯกทม. เป็นต้น’ นายนริศกล่าว
ส่วนกรณีที่นายสุรนันทน์กล่าวว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นขาประจำนั้น นายนริศกล่าวว่า เรื่องนี้สังคมเป็นประจักษ์พยานได้ว่าการทำงานของนายจุรินทร์นั้น เป็นการทำงานเพื่อตรวจสอบรัฐบาลอย่างมีประสิทธิภาพมาตลอด ส่วนการที่รัฐบาลดูเป็นขาประจำนั้น เพราะนายจุรินทร์ต้องการตอกย้ำในหลายประเด็นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการมีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือเรื่องของการทุจริตเชิงนโยบายของรัฐบาล ให้ประชาชนและสังคมได้รับรู้ ซึ่งทั้งหมดถือเป็นการทำหน้าที่ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้านอย่างมีประสิทธิภาพ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 7 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-