นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการแก้ไขกฎหมายใดๆที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งในขณะนี้ เพราะเหลือเวลาอีกเพียง 2-3 เดือน สภาฯชุดนี้ก็จะหมดวาระลง เพราะฉะนั้นการแก้ไขอะไรในขณะนี้ย่อมไม่ก่อให้เกิดผลดีกับทุกๆฝ่าย แต่อาจจะเกิดประโยชน์บางประการสำหรับกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความไม่โปร่งใสได้ ‘วันที่ 5 ม.ค. นี้ก็ถือว่า ส.ส.อยู่ครบ 4 ปีแล้ว ถ้าจะมีการแก้ไขกฎหมายอะไรตอนนี้ก็เปรียบเหมือน ขณะนี้เรากำลังจะมีการแข่งขันกีฬาอยู่แล้ว ขณะที่การแข่งขันกำลังจะเริ่ม นักกีฬากำลังจะเดินลงสนามอยู่แล้ว ปรากฏว่ามีคนมาบอกว่าจะต้องเปลี่ยนกติกาอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ควรจะปล่อยให้มีการแข่งขันไป และควรจะทำให้การแข่งขันครั้งนี้เป็นการแข่งขันที่บริสุทธิ์และยุติธรรม เช่นเดียวกับการเลือกตั้งก็ต้องเป็นการเลือกตั้งที่โปร่งใส บริสุทธิ์และยุติธรรม’ นายองอาจกล่าว
นายองอาจกล่าวว่า ขณะนี้ต้องยอมรับความจริงว่า กกต.น่าจะได้รับการปรับปรุงแก้ไขในบางส่วน ซึ่งพรรคเชื่อว่าคณะกรรมการ กกต. ใหญ่ทราบถึงปัญหาต่างๆภายใน กกต.อยู่แล้ว ดังนั้นคงจะมีการปรับปรุงแก้ไข แต่สิ่งสำคัญคือ รัฐบาลควรจะสนับสนุนให้ กกต. สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์มากกว่าที่เป็นอยู่ และควรจะสนับสนุนทางด้านงบประมาณ พร้อมทั้งแจ้งเป็นนโยบายที่ชัดเจนไปยังข้าราชการประจำว่าจะต้องให้การสนับสนุนการทำงานของ กกต. อย่างเต็มที่ เพราะถ้าขาดการสนับสนุนอย่างเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นกำลังคน หรือกำลังทรัพย์ กกต. ก็อาจจะไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ส่วนการที่รัฐบาลใส่เกียร์ถอยหลังไม่เสนอแก้กฎหมายผ่านสภาฯ 3 วาระรวดนั้น ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะรัฐบาลไม่ควรที่จะไปเสนอแก้กฎหมายสำคัญเช่นนี้ผ่านสภา 3 วาระรวด และเป็นการแก้ไขกฎหมายที่ไม่ได้ฟังเสียงรอบด้าน โดยเฉพาะเสียงจากประชาชน ซึ่งถือว่ามีส่วนสำคัญเกี่ยวข้องกับกฎหมายฉบับนี้ด้วย ดังนั้นควรจะรอให้การเลือกตั้งผ่านไปก่อน แล้วค่อยพิจารณากันทั้งระบบว่าควรแก้ไขอย่างไร ทั้งส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งและองค์กรอิสระอื่นๆด้วย
ส่วนที่มีการออกมาพูดเรื่องการปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นั้น นายองอาจกล่าวว่า พรรคมีความเห็นว่านายกรัฐมนตรีไม่ควรที่จะรีบออกมาการันตีว่าไม่มีคนในรัฐบาลเข้าไปปั่นหุ้น ในทางตรงกันข้ามนายกฯควรรับฟังข้อมูลต่างๆเหล่านั้น และนำไปตรวจสอบว่าเป็นความจริงหรือไม่ ซึ่งการออกมาการันตีของนายกฯอาจทำให้เป็นปัญหาอุปสรรคต่อการทำงานของ กลต. เพราะเท่ากับนายกฯออกมาชี้นำ กลต. ก่อนที่ กลต. จะใช้อำนาจหน้าที่ของตัวเองในการพิจารณาแก้ไขปัญหานี้ ดังนั้นการที่นายกฯออกมาชี้นำเช่นนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ กลต. จะไม่ดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจริงจัง และคงจะปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไปเหมือนสายลม เช่นหลายๆครั้งที่ผ่านมา นายกฯจึงควรพิจารณาบทบาทของตัวเองด้วยในเรื่องการพูดถึงตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย เพราะต้องยอมรับว่าคำพูดของนายกฯในหลายครั้งที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงครั้งนี้ด้วย เป็นคำพูดที่อาจจะเรียกได้ว่าแทรกแซงการทำงานของตลาดหลักทรัพย์ อาจจะก่อให้เกิดการมีส่วนได้ส่วนเสียในการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งผู้ที่มีอำนาจในรัฐบาลไม่ควรจะกระทำเป็นอย่างยิ่ง ควรปล่อยให้ตลาดหลักทรัพย์เป็นตลาดของการลงทุนโดยเสรีและโปร่งใส ไม่ใช่ตลาดของการลงทุนที่มีการเคลือบแคลงสงสัย
ทั้งนี้นายองอาจเปิดเผยด้วยว่า ในวันที่ 25 —26 ก.ย. 2547 นี้ พรรคจะจัดสัมมนา ส.ส. ที่หอประชุม ม.รังสิต โดยเป็นการสัมมนา ส.ส. ตามปกติก่อนจะมีการปิดสมัยประชุมสภาฯ ซึ่งจะมีการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ในเขตภาคกลาง และจะจัดให้มีการปราศรัยด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 7 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-
นายองอาจกล่าวว่า ขณะนี้ต้องยอมรับความจริงว่า กกต.น่าจะได้รับการปรับปรุงแก้ไขในบางส่วน ซึ่งพรรคเชื่อว่าคณะกรรมการ กกต. ใหญ่ทราบถึงปัญหาต่างๆภายใน กกต.อยู่แล้ว ดังนั้นคงจะมีการปรับปรุงแก้ไข แต่สิ่งสำคัญคือ รัฐบาลควรจะสนับสนุนให้ กกต. สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์มากกว่าที่เป็นอยู่ และควรจะสนับสนุนทางด้านงบประมาณ พร้อมทั้งแจ้งเป็นนโยบายที่ชัดเจนไปยังข้าราชการประจำว่าจะต้องให้การสนับสนุนการทำงานของ กกต. อย่างเต็มที่ เพราะถ้าขาดการสนับสนุนอย่างเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นกำลังคน หรือกำลังทรัพย์ กกต. ก็อาจจะไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ส่วนการที่รัฐบาลใส่เกียร์ถอยหลังไม่เสนอแก้กฎหมายผ่านสภาฯ 3 วาระรวดนั้น ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะรัฐบาลไม่ควรที่จะไปเสนอแก้กฎหมายสำคัญเช่นนี้ผ่านสภา 3 วาระรวด และเป็นการแก้ไขกฎหมายที่ไม่ได้ฟังเสียงรอบด้าน โดยเฉพาะเสียงจากประชาชน ซึ่งถือว่ามีส่วนสำคัญเกี่ยวข้องกับกฎหมายฉบับนี้ด้วย ดังนั้นควรจะรอให้การเลือกตั้งผ่านไปก่อน แล้วค่อยพิจารณากันทั้งระบบว่าควรแก้ไขอย่างไร ทั้งส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งและองค์กรอิสระอื่นๆด้วย
ส่วนที่มีการออกมาพูดเรื่องการปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นั้น นายองอาจกล่าวว่า พรรคมีความเห็นว่านายกรัฐมนตรีไม่ควรที่จะรีบออกมาการันตีว่าไม่มีคนในรัฐบาลเข้าไปปั่นหุ้น ในทางตรงกันข้ามนายกฯควรรับฟังข้อมูลต่างๆเหล่านั้น และนำไปตรวจสอบว่าเป็นความจริงหรือไม่ ซึ่งการออกมาการันตีของนายกฯอาจทำให้เป็นปัญหาอุปสรรคต่อการทำงานของ กลต. เพราะเท่ากับนายกฯออกมาชี้นำ กลต. ก่อนที่ กลต. จะใช้อำนาจหน้าที่ของตัวเองในการพิจารณาแก้ไขปัญหานี้ ดังนั้นการที่นายกฯออกมาชี้นำเช่นนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ กลต. จะไม่ดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจริงจัง และคงจะปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไปเหมือนสายลม เช่นหลายๆครั้งที่ผ่านมา นายกฯจึงควรพิจารณาบทบาทของตัวเองด้วยในเรื่องการพูดถึงตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย เพราะต้องยอมรับว่าคำพูดของนายกฯในหลายครั้งที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงครั้งนี้ด้วย เป็นคำพูดที่อาจจะเรียกได้ว่าแทรกแซงการทำงานของตลาดหลักทรัพย์ อาจจะก่อให้เกิดการมีส่วนได้ส่วนเสียในการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งผู้ที่มีอำนาจในรัฐบาลไม่ควรจะกระทำเป็นอย่างยิ่ง ควรปล่อยให้ตลาดหลักทรัพย์เป็นตลาดของการลงทุนโดยเสรีและโปร่งใส ไม่ใช่ตลาดของการลงทุนที่มีการเคลือบแคลงสงสัย
ทั้งนี้นายองอาจเปิดเผยด้วยว่า ในวันที่ 25 —26 ก.ย. 2547 นี้ พรรคจะจัดสัมมนา ส.ส. ที่หอประชุม ม.รังสิต โดยเป็นการสัมมนา ส.ส. ตามปกติก่อนจะมีการปิดสมัยประชุมสภาฯ ซึ่งจะมีการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ในเขตภาคกลาง และจะจัดให้มีการปราศรัยด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 7 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-