"ชวน หลีกภัย" ยันแนวทางของพรรคปชป.กับพรรคทรท.จะต่างกันสิ้นเชิง เตือนนายกฯ อย่าเลือกปฎิบัติ หยุดกระแนะกระแหนไม่มีใครชอบ 3 ปีที่ผ่านมาทำอะไรให้ชาวใต้ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัด คือความตาย กว่าครึ่งพัน พร้อมระบุทำไม่ถูกต้องหากใช้“งบฯ-เวลาหลวง”ตรวจราชการแล้วมา“ด่าฝ่ายค้าน”‘ชี้‘การซื้อสียงไม่ใช่แนวทางประชาธิปไตย คำว่า‘ศักดิ์ศรี’ถือเป็นเรื่องสำคัญของชาวใต้
นายชวนหลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปราศรัยที่จังหวัดตรัง ว่า เป็นวิธีการที่ สอดคล้องกับแนวทางการเมืองในโลกประชาธิปไตยมากที่สุด เป็นการพบปะพูดคุยกับประชาชน ซึ่งระบบการเมืองแบบอื่นนั้นมียาก แต่สำหรับระบบประชาธิปไตยนั้นสามารถทำได้ ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์เองก็ใช้วิธีการปราศรัยนี้เป็นเป็นเวทีของการพบปะพูดคุยกับประชาชนโดยส่วนมาก การจัดปราศรัย เป็นวิธีการที่พรรคฯได้ทำมา 30 กว่า ปี ก็คือการพูดความจริงกับประชาชน เพราะเป็นการให้คำมั่นสัญญากับประชาชน ที่จะเป็นการผูกมัดนักการเมืองว่าพูดไปอย่างไร แล้วทำได้หรือไม่
‘ผมเชื่อว่าทุกพรรคการเมืองควรจะใช้วีธีการอย่างนี้ แต่จะต้องแยกให้ออกว่า เวลาที่ท่านนายกฯไปต่างจังหวัด ท่านไปในฐานหัวหน้าพรรค หรือไปในฐานะนายกฯ ถ้าท่านไปตรวจราชการ และท่านไปพูดด่าพรรคการเมือง อีกฝ่าย อย่างนี้ไม่ถูกต้อง โดยมารยาทเขาไม่ทำ แต่ถ้าท่านไปในฐานะหัวหน้าพรรคก็ไม่มีปัญหาอะไร ต้องแยกให้ออก’นายชวน กล่าว
ส่วนประเด็นที่กระทบมาถึงรัฐบาล และ นายกฯ คือ ประเด็นที่ไปว่าพรรคประชาธิปัตย์เอาไว้ พรรคก็ต้องโต้ตอบ เช่นการที่นายกฯไปบอกว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ทำอะไรให้คนใต้ อันนี้มันไม่จริง ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่จริง เพราะว่าคำว่าทำอะไร มันไม่ได้หมายความว่าสร้างหนี้เพียงอย่างเดียว การที่เขาไปพัฒนาบ้านเมือง มีถนนหนทางดีขึ้น บ้านเมืองดีขึ้น เขาไม่ได้วัดความเป็นหนี้สินอย่างเดียว อีกประการหนึ่งคือ การทำอะไรให้กับพื้นที่ภาคใต้ นั้นนายชวนยัง ชี้แนะให้คิดว่าก่อนที่ท่านทักษิณ จะไปว่า พรรคประชาธิปัตย์ เหลี่ยวหลังมามองว่า ท่านเองเป็นรัฐบาลมาหลายสมัย แม้กระทั่งสมัยนี้ ท่านก็เป็นนานกว่า รัฐบาลทุกชุด ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ให้คนภาคใต้บ้าง ตนเชื่อว่านายกฯเองก็พยายาม แต่เมื่อเทียบกับรัฐบาลประชาธิปัตย์แล้วเทียบกันไม่ได้เลย ที่ เขาทำมาในช่วงระยะเวลาที่เขาเป็นรัฐบาล ไม่ว่าทางด้านถาวรวัตถุ โครงสร้างพื้นฐาน และก็นโยบายที่เกี่ยวกับสังคม นโยบายที่เกี่ยวกับการกระจายโอกาส กระจายอำนาจ ประชาธิปัตย์ก็ทำมาให้มาก เด็กนักเรียนมีนมกินกันอยู่ ดื่มกันทุกคน รักษาฟรีเด็กคนแก่เหล่านี้เป็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ทำมาตลอด
‘สิ่งที่รัฐบาลนี้ทำชัดเจน กว่า รัฐบาลก่อนๆมีอย่างเดียวคือความตายเอื้ออาธรในภาคใต้ ไม่มีชุดไหนที่ทำให้คนตายมากเท่ากับรัฐบาลชุดนี้ ทั้งหมดนี้มาจากนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาล เวลาท่านไปว่า ท่านจะต้องทบทวน เพราะในที่สุดแล้วการที่ไปว่าเขาๆก็ตอบกลับมาแล้วท่านก็คงไม่พอใจ พวกเราไม่ใช่คนที่ไปว่าใครก่อน เวลาเราไปพูดอะไร เราก็ไม่ได้ไปโจมตีรัฐบาล โดยไม่มีเหตุผล แต่เราไปแก้สิ่งที่ท่านกล่าวเอาไว้ ‘นายชวนกล่าว และชี้แจงให้นายกฯทราบว่า ต้องให้คนไปดูว่าสิ่งที่เขาพูด เรื่องอะไร ก็จะพูดประเด็นใหญ่ที่ท่านไปว่าเขาไว้ ซึ่งจริงๆไปว่าก็ไปในฐานะนายกฯ ซึ่งก็ไม่เหมาะ ความจริงควรจะไปตรวจเยี่ยมราชการไปดูอะไรต่างๆ ถ้าจะไปว่าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้องไปว่าเวลา หาเสียง เราใช้เวลา งบประมาณหลวง เงินหลวงออกไปตรวจราชการและไปว่าพรรคฝ่ายค้าน เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องไม่เหมาะสม ซึ่งฝ่ายค้านเองต้องออกมาตอบโต้'ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
แนวของพรรคปชป.กับพรรคทรท.จะต่างกันโดยสิ้นเชิง
ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการเดินทางมาที่จังหวัดตรังว่า ถือเป็นหน้าที่ที่ต้องแข่งขัน และโดยเฉพาะแนวที่เราต้องทำให้เกิดความเข้าใจคือ แนวของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคไทยรักไทยจะต่างกันโดยสิ้นเชิง ในแง่ของการหาตัวผู้สมัคร พรรคประชาธิปัตย์จะสร้างคนขึ้นมา แต่พรรคไทยรักไทยจะใช้วิธีการซื้อคน เพราะฉะนั้นเวลาคนของพรรคถูกซื้อไป ก็เป็นหน้าที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องไปบอกประชาชน ว่าอะไรเกิดขึ้น เพราะพรรคต้องรับผิดชอบ เวลาเลือกตั้งก็จะได้บอกว่าพรรคเลือกคนประชาชนเลือกพรรค และเมื่อพรรคเลือกคนมาแล้วคนนั้นขายตัวไป พรรคต้องรับผิดชอบต่อประชาชนว่าคุณไปเลือกคนอย่างไร ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อจังหวัดนั้น
‘ดังนั้นแนวนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากในภาคใต้ เพราะภาคใต้เราไม่สนับสนุนให้นักการเมืองขายตัว เราไม่ทำอย่างนั้น และเราทำอย่างนั้นมา 30 กว่า ปี สิ่งเรานี้จึงไม่อยากให้รัฐบาลไปสร้างค่านิยมใหม่ว่าเป็นนักเมืองแล้ว เมื่อไหร่เป็นฝ่ายค้านก็ควรจะออกไปอยู่กับรัฐบาล สร้างค่านิยมให้เกิดความเข้าใจว่าเป็นฝ่ายค้านทำอะไรไม่ได้ ต้องไปอยู่รัฐบาล ถ้าเกิดความคิดอย่างนี้นักการเมืองก็จะกลายเป็นกลุ่มบุคคล ซึ่งเชื่อถืออะไรไม่ได้เลย คอยอยู่กับรัฐบาลเพียงอย่างเดียว ในภาคใต้เรามไม่ทำอย่างนั้น พรรคจะรุ่งเรือง หรือตกต่ำ เราไม่เคยคิดที่จะเป็นแปลง เราคิดว่าอุดมการณ์คือสิ่งสำคัญส่วนหนึ่ง มันไม่ใช่ตำแหน่งอย่างเดียว’ ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวย้ำอีกว่า ไม่ใช่เฉพาะจังหวัดตรังเท่านั้น จะเป็นจังหวัดไหนก็ได้ จะเป็นจังหวัดไหนก็ได้ท่านมีสิทธิ์ อย่าไปเป็นห่วงว่าจังหวัดนั้นเดินได้จังหวัดนั้นเดินไม่ได้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะทุกจังหวัดเป็นส่วนหนึ่ง ของประเทศเทศ ใครเป็นนายกฯก็ต้องมาดูแลแล้วก็การไปเยี่ยมเยือนชาวบ้านก็เป็นสิทธิ์
เตือนนายกฯ อย่าเลือกปฎิบัติ หยุดกระแนะกระแหน 3 ปีที่ผ่านมาทำอะไรให้ชาวใต้ แต่สิงที่เห็นได้ชัดคือความตาย กว่าครึ่งพัน
ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวยืนยันว่าเป็นสิ่งที่ดี เพียงแต่ว่าอย่าไปเลือกปฎิบัติและอย่าไปโจมตีคนอื่น เพราะจริงๆข้อที่โจมตีนั้นมันก็ไม่ตรง โดยตนขอยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้ เกือบจะพูดได้ว่า ไม่ได้ ทำอะไรให้กับภาคใต้เลย มีมากที่สุดก็คือการตายที่เกิดขึ้นจากนโยบายผิดพลาดใน3จังหวัด 3ปีกว่านี้ตายไปเกือบครึ่งพันแล้ว ซึ่งมันจะเคยมีรัฐบาลชุดไหนทำได้อย่างนี้ ถ้าจะเป็นผลงานก็เป็นมีแค่นี้ แต่ว่า ในแง่การพัฒนาเห็นได้ว่ารัฐบาลไม่ยุติธรรม รัฐบาลเลือกปฎิบัติในตอนแรกๆที่เข้ามา แต่มารู้สึกอยากจะพัฒนาในตอนปีสุดท้าย เพราะฉะนั้นเต้องไปดูงบประมาณที่ให้ภาคใต้ว่าได้เท่าไหร่ แต่ว่าบังเอิญว่าท่านนายกฯไปดูไปจังหวัดไหนกระแนะกระแหนจังหวัดนั้น ‘ดังนั้นผมว่าอย่าไปกระแนะกระแหนเลยครับ ไปต่างจังหวัดแล้วก็ไปเยี่ยมในฐานะนายกฯและก็มีอะไรที่เขามีความขาดตกบกพล่องก็ช่วยเขา เพราะว่าเขาเสียภาษีเหมือนกัน ภาคใต้นี้ก็เสียภาษีไม่น้อยกว่าที่อื่นและมากกว่าหลายภาคด้วยนะครับ และต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา เพราะถ้าเราเลือกปฎิบัติที่จะให้คิดจะให้เมื่อตอนที่เกิดเหตุร้ายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คิดจะให้งบประมาณเมื่อตอนเกิดการไฟไหม้ ไปทั่วภาคใต้นั้นก็ช้าไปแล้วครับ’
ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่า การที่นายกฯไปเยี่ยมที่ไหนก็ไม่มีปัญหาและประชาชนที่ไหนก็ยินต้อนรับ อย่าไปเอาเรื่องของการให้งบประมาณนำมาเป็นเรื่องต่อรองว่า ถ้า ส.ส.จังหวัดใด ไม่ขายตัวไม่ย้ายพรรคไม่ย้ายพรรคจะไม่ให้งบประมาณ เพราะคนเหล่านี้ก็ไปพูด ถ้าไม่เปลี่ยนพรรคก็จะไม่ให้งบประมาณมา อย่างนั้นก็ไปจากรัฐบาลทั้งนั้น ซึ่งเรื่องนี้ตนอยากให้ทำความเข้าใจว่า ฝ่ายค้านเองต้องไปพูดกับชาวบ้าน เป็นเรื่องปกติธรรมดา เขาไม่ได้โจมตีรัฐบาล แต่เป็นเพราะว่าเขาต้องชี้แจงในส่วนที่รัฐบาลโจมตี อะไรเป็นอะไร และตนก็ต้องไปชี้แจงสิ่งที่ท่านนายกฯไปโจมตีเอาไว้ ว่าที่จังหวัดตรังไม่ได้ทำอะไรหรือภาคใต้ไม่ได้ทำอะไรจริงไหม เมื่อพูดแล้วเขาก็เปรียบเทียบว่ารัฐบาลชุดนี้ ทำอะไร มันก็เห็นได้ชัดเจนว่าสิ่งที่ได้ทำคือ ความตาย ไม่มีตัวไหนทำให้เห็นได้ชัดเท่ากับภาคใต้คนตายมากมาย
‘ชี้ ‘การซื้อสียงไม่ใช่แนวทางประชาธิปไตย คำว่า‘ศักดิ์ศรี’ถือเป็นเรื่องสำคัญของชาวใต้
ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า พวกที่มาจากระบบซื้อเสียง มันก็จะชัดอยู่เพียงนี้ตลอด ใช้อำนาจรัฐบ้าง ใช้เงินบ้าง อันนี้มันก็มาจาก กระบวนการอย่างนี้ตลอด นี่คือข้อแตกต่างของแนวประชาธิปัตย์ที่เราไม่ทำ เราไม่ส่งเสริมสนับสนุนแม้กระทั่งบาทเดียวเราก็ไม่มีการซื้อเสียงเพราะสิ่งนั้นมันไม่ใช่แนวทางประชาธิปไตย ซึ่งตนอยากเห็นการเมืองไทยไปในทิศทางที่มีประชาชนใช้สิทธิ์ของเขาโดยบริสุทธิ์ ยุติธรรมให้เขาใช้สิทธิโดยสะอาด บริสุทธิใช้สิทธิใช้เสียงของเขาโดยถูกต้องตามแนวทางประชาธิปไตย
และยังย้ำถึงความชอบธรรมเสมอเพราะว่าตนคิดว่า ไม่มีประโยชน์เลยถ้าหากว่าเราไม่คำนึงถึงความชอบธรรม ว่าใครมีเงินซื้อได้ นอกจากคนนั้นจะออกมา อย่างนี้ประชาธิปไตยในเมืองไทยก็ไม่มีความเจริญก้าวหน้าเลย กรณีห้วยยอดเป็นกรณีที่ตนคิดว่าเป็นแบบอย่างที่ดี ที่พรรคการเมืองน่าจะเอาไปปฎิบัติคือ การปราศรัยไม่ใช่ไปแจกเงินซื้อเสียง เพราะการปราศรัยคนเลือกไม่เลือกเป็นเรื่องของประชาชน และก็ต้องมาพูดกับประชาชน มาบอกประชาชนว่า พรรคมีแนวนโยบายอย่างไร คิดอย่างไร ปัญหาการเมืองเป็นอย่างไร บางปีพูดกันจนถึง ตี3 ตี4 เพราะประชาชนให้ความสนใจ
‘เราไม่ใช่ไปด่าแล้วคนเขาจะชอบมันไม่ใช่นะครับ ไปด่าโดยไม่มีเหตุผลคนเขาไม่ชอบ แต่ว่าถ้าไปพูดอย่างมีเหตุมีผล การวิจารณ์คนอื่นอย่างมีเหตุผล เพราะฉะนั้นแนวที่นายกฯไปกระแนะกระแหนผมก็ไม่ชอบ เชื่อว่าการซื้อเสียงนั้นยังคงมีอยู่ เชื่อนะครับว่าพวกนั้นมาจากการซื้อเสียงมากันกี่ยุคกี่สมัยก็มาจากระบบนั้นเหละ มันก็ไม่เปลี่ยนเพราะทำอย่างอื่นไม่เป็น ที่ทำได้คือการใช้เงินคลุกคลีกับชาวบ้านหาเหตุผลคุยกับชาวบ้านให้เขาเลือกตัวบุคคลมันทำยากนั้นระบบนี้มันก็ยังคงอยู่แต่ว่า เราสู้กันรุนแรงเมื่อหลายปีก่อน มันมีการใช้ระบบเงินรุนแรงในภาคใต้จังหวัดตรัง อย่างนี้มันเกิดขึ้นเพื่อไม่ให้คนไปยอมขายสียง ถือว่าศักดิ์ศรีมันมีความสำคัญ เหมือนกับคนสงขลาเขาแสดงออกว่า 300 บาทเราก็ไม่ยอมเอา ถ้าบังคับให้เขาเอาเขาก็ไม่เอา’ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 8 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-
นายชวนหลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปราศรัยที่จังหวัดตรัง ว่า เป็นวิธีการที่ สอดคล้องกับแนวทางการเมืองในโลกประชาธิปไตยมากที่สุด เป็นการพบปะพูดคุยกับประชาชน ซึ่งระบบการเมืองแบบอื่นนั้นมียาก แต่สำหรับระบบประชาธิปไตยนั้นสามารถทำได้ ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์เองก็ใช้วิธีการปราศรัยนี้เป็นเป็นเวทีของการพบปะพูดคุยกับประชาชนโดยส่วนมาก การจัดปราศรัย เป็นวิธีการที่พรรคฯได้ทำมา 30 กว่า ปี ก็คือการพูดความจริงกับประชาชน เพราะเป็นการให้คำมั่นสัญญากับประชาชน ที่จะเป็นการผูกมัดนักการเมืองว่าพูดไปอย่างไร แล้วทำได้หรือไม่
‘ผมเชื่อว่าทุกพรรคการเมืองควรจะใช้วีธีการอย่างนี้ แต่จะต้องแยกให้ออกว่า เวลาที่ท่านนายกฯไปต่างจังหวัด ท่านไปในฐานหัวหน้าพรรค หรือไปในฐานะนายกฯ ถ้าท่านไปตรวจราชการ และท่านไปพูดด่าพรรคการเมือง อีกฝ่าย อย่างนี้ไม่ถูกต้อง โดยมารยาทเขาไม่ทำ แต่ถ้าท่านไปในฐานะหัวหน้าพรรคก็ไม่มีปัญหาอะไร ต้องแยกให้ออก’นายชวน กล่าว
ส่วนประเด็นที่กระทบมาถึงรัฐบาล และ นายกฯ คือ ประเด็นที่ไปว่าพรรคประชาธิปัตย์เอาไว้ พรรคก็ต้องโต้ตอบ เช่นการที่นายกฯไปบอกว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ทำอะไรให้คนใต้ อันนี้มันไม่จริง ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่จริง เพราะว่าคำว่าทำอะไร มันไม่ได้หมายความว่าสร้างหนี้เพียงอย่างเดียว การที่เขาไปพัฒนาบ้านเมือง มีถนนหนทางดีขึ้น บ้านเมืองดีขึ้น เขาไม่ได้วัดความเป็นหนี้สินอย่างเดียว อีกประการหนึ่งคือ การทำอะไรให้กับพื้นที่ภาคใต้ นั้นนายชวนยัง ชี้แนะให้คิดว่าก่อนที่ท่านทักษิณ จะไปว่า พรรคประชาธิปัตย์ เหลี่ยวหลังมามองว่า ท่านเองเป็นรัฐบาลมาหลายสมัย แม้กระทั่งสมัยนี้ ท่านก็เป็นนานกว่า รัฐบาลทุกชุด ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ให้คนภาคใต้บ้าง ตนเชื่อว่านายกฯเองก็พยายาม แต่เมื่อเทียบกับรัฐบาลประชาธิปัตย์แล้วเทียบกันไม่ได้เลย ที่ เขาทำมาในช่วงระยะเวลาที่เขาเป็นรัฐบาล ไม่ว่าทางด้านถาวรวัตถุ โครงสร้างพื้นฐาน และก็นโยบายที่เกี่ยวกับสังคม นโยบายที่เกี่ยวกับการกระจายโอกาส กระจายอำนาจ ประชาธิปัตย์ก็ทำมาให้มาก เด็กนักเรียนมีนมกินกันอยู่ ดื่มกันทุกคน รักษาฟรีเด็กคนแก่เหล่านี้เป็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ทำมาตลอด
‘สิ่งที่รัฐบาลนี้ทำชัดเจน กว่า รัฐบาลก่อนๆมีอย่างเดียวคือความตายเอื้ออาธรในภาคใต้ ไม่มีชุดไหนที่ทำให้คนตายมากเท่ากับรัฐบาลชุดนี้ ทั้งหมดนี้มาจากนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาล เวลาท่านไปว่า ท่านจะต้องทบทวน เพราะในที่สุดแล้วการที่ไปว่าเขาๆก็ตอบกลับมาแล้วท่านก็คงไม่พอใจ พวกเราไม่ใช่คนที่ไปว่าใครก่อน เวลาเราไปพูดอะไร เราก็ไม่ได้ไปโจมตีรัฐบาล โดยไม่มีเหตุผล แต่เราไปแก้สิ่งที่ท่านกล่าวเอาไว้ ‘นายชวนกล่าว และชี้แจงให้นายกฯทราบว่า ต้องให้คนไปดูว่าสิ่งที่เขาพูด เรื่องอะไร ก็จะพูดประเด็นใหญ่ที่ท่านไปว่าเขาไว้ ซึ่งจริงๆไปว่าก็ไปในฐานะนายกฯ ซึ่งก็ไม่เหมาะ ความจริงควรจะไปตรวจเยี่ยมราชการไปดูอะไรต่างๆ ถ้าจะไปว่าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้องไปว่าเวลา หาเสียง เราใช้เวลา งบประมาณหลวง เงินหลวงออกไปตรวจราชการและไปว่าพรรคฝ่ายค้าน เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องไม่เหมาะสม ซึ่งฝ่ายค้านเองต้องออกมาตอบโต้'ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
แนวของพรรคปชป.กับพรรคทรท.จะต่างกันโดยสิ้นเชิง
ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการเดินทางมาที่จังหวัดตรังว่า ถือเป็นหน้าที่ที่ต้องแข่งขัน และโดยเฉพาะแนวที่เราต้องทำให้เกิดความเข้าใจคือ แนวของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคไทยรักไทยจะต่างกันโดยสิ้นเชิง ในแง่ของการหาตัวผู้สมัคร พรรคประชาธิปัตย์จะสร้างคนขึ้นมา แต่พรรคไทยรักไทยจะใช้วิธีการซื้อคน เพราะฉะนั้นเวลาคนของพรรคถูกซื้อไป ก็เป็นหน้าที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องไปบอกประชาชน ว่าอะไรเกิดขึ้น เพราะพรรคต้องรับผิดชอบ เวลาเลือกตั้งก็จะได้บอกว่าพรรคเลือกคนประชาชนเลือกพรรค และเมื่อพรรคเลือกคนมาแล้วคนนั้นขายตัวไป พรรคต้องรับผิดชอบต่อประชาชนว่าคุณไปเลือกคนอย่างไร ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อจังหวัดนั้น
‘ดังนั้นแนวนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากในภาคใต้ เพราะภาคใต้เราไม่สนับสนุนให้นักการเมืองขายตัว เราไม่ทำอย่างนั้น และเราทำอย่างนั้นมา 30 กว่า ปี สิ่งเรานี้จึงไม่อยากให้รัฐบาลไปสร้างค่านิยมใหม่ว่าเป็นนักเมืองแล้ว เมื่อไหร่เป็นฝ่ายค้านก็ควรจะออกไปอยู่กับรัฐบาล สร้างค่านิยมให้เกิดความเข้าใจว่าเป็นฝ่ายค้านทำอะไรไม่ได้ ต้องไปอยู่รัฐบาล ถ้าเกิดความคิดอย่างนี้นักการเมืองก็จะกลายเป็นกลุ่มบุคคล ซึ่งเชื่อถืออะไรไม่ได้เลย คอยอยู่กับรัฐบาลเพียงอย่างเดียว ในภาคใต้เรามไม่ทำอย่างนั้น พรรคจะรุ่งเรือง หรือตกต่ำ เราไม่เคยคิดที่จะเป็นแปลง เราคิดว่าอุดมการณ์คือสิ่งสำคัญส่วนหนึ่ง มันไม่ใช่ตำแหน่งอย่างเดียว’ ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวย้ำอีกว่า ไม่ใช่เฉพาะจังหวัดตรังเท่านั้น จะเป็นจังหวัดไหนก็ได้ จะเป็นจังหวัดไหนก็ได้ท่านมีสิทธิ์ อย่าไปเป็นห่วงว่าจังหวัดนั้นเดินได้จังหวัดนั้นเดินไม่ได้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะทุกจังหวัดเป็นส่วนหนึ่ง ของประเทศเทศ ใครเป็นนายกฯก็ต้องมาดูแลแล้วก็การไปเยี่ยมเยือนชาวบ้านก็เป็นสิทธิ์
เตือนนายกฯ อย่าเลือกปฎิบัติ หยุดกระแนะกระแหน 3 ปีที่ผ่านมาทำอะไรให้ชาวใต้ แต่สิงที่เห็นได้ชัดคือความตาย กว่าครึ่งพัน
ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวยืนยันว่าเป็นสิ่งที่ดี เพียงแต่ว่าอย่าไปเลือกปฎิบัติและอย่าไปโจมตีคนอื่น เพราะจริงๆข้อที่โจมตีนั้นมันก็ไม่ตรง โดยตนขอยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้ เกือบจะพูดได้ว่า ไม่ได้ ทำอะไรให้กับภาคใต้เลย มีมากที่สุดก็คือการตายที่เกิดขึ้นจากนโยบายผิดพลาดใน3จังหวัด 3ปีกว่านี้ตายไปเกือบครึ่งพันแล้ว ซึ่งมันจะเคยมีรัฐบาลชุดไหนทำได้อย่างนี้ ถ้าจะเป็นผลงานก็เป็นมีแค่นี้ แต่ว่า ในแง่การพัฒนาเห็นได้ว่ารัฐบาลไม่ยุติธรรม รัฐบาลเลือกปฎิบัติในตอนแรกๆที่เข้ามา แต่มารู้สึกอยากจะพัฒนาในตอนปีสุดท้าย เพราะฉะนั้นเต้องไปดูงบประมาณที่ให้ภาคใต้ว่าได้เท่าไหร่ แต่ว่าบังเอิญว่าท่านนายกฯไปดูไปจังหวัดไหนกระแนะกระแหนจังหวัดนั้น ‘ดังนั้นผมว่าอย่าไปกระแนะกระแหนเลยครับ ไปต่างจังหวัดแล้วก็ไปเยี่ยมในฐานะนายกฯและก็มีอะไรที่เขามีความขาดตกบกพล่องก็ช่วยเขา เพราะว่าเขาเสียภาษีเหมือนกัน ภาคใต้นี้ก็เสียภาษีไม่น้อยกว่าที่อื่นและมากกว่าหลายภาคด้วยนะครับ และต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา เพราะถ้าเราเลือกปฎิบัติที่จะให้คิดจะให้เมื่อตอนที่เกิดเหตุร้ายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คิดจะให้งบประมาณเมื่อตอนเกิดการไฟไหม้ ไปทั่วภาคใต้นั้นก็ช้าไปแล้วครับ’
ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่า การที่นายกฯไปเยี่ยมที่ไหนก็ไม่มีปัญหาและประชาชนที่ไหนก็ยินต้อนรับ อย่าไปเอาเรื่องของการให้งบประมาณนำมาเป็นเรื่องต่อรองว่า ถ้า ส.ส.จังหวัดใด ไม่ขายตัวไม่ย้ายพรรคไม่ย้ายพรรคจะไม่ให้งบประมาณ เพราะคนเหล่านี้ก็ไปพูด ถ้าไม่เปลี่ยนพรรคก็จะไม่ให้งบประมาณมา อย่างนั้นก็ไปจากรัฐบาลทั้งนั้น ซึ่งเรื่องนี้ตนอยากให้ทำความเข้าใจว่า ฝ่ายค้านเองต้องไปพูดกับชาวบ้าน เป็นเรื่องปกติธรรมดา เขาไม่ได้โจมตีรัฐบาล แต่เป็นเพราะว่าเขาต้องชี้แจงในส่วนที่รัฐบาลโจมตี อะไรเป็นอะไร และตนก็ต้องไปชี้แจงสิ่งที่ท่านนายกฯไปโจมตีเอาไว้ ว่าที่จังหวัดตรังไม่ได้ทำอะไรหรือภาคใต้ไม่ได้ทำอะไรจริงไหม เมื่อพูดแล้วเขาก็เปรียบเทียบว่ารัฐบาลชุดนี้ ทำอะไร มันก็เห็นได้ชัดเจนว่าสิ่งที่ได้ทำคือ ความตาย ไม่มีตัวไหนทำให้เห็นได้ชัดเท่ากับภาคใต้คนตายมากมาย
‘ชี้ ‘การซื้อสียงไม่ใช่แนวทางประชาธิปไตย คำว่า‘ศักดิ์ศรี’ถือเป็นเรื่องสำคัญของชาวใต้
ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า พวกที่มาจากระบบซื้อเสียง มันก็จะชัดอยู่เพียงนี้ตลอด ใช้อำนาจรัฐบ้าง ใช้เงินบ้าง อันนี้มันก็มาจาก กระบวนการอย่างนี้ตลอด นี่คือข้อแตกต่างของแนวประชาธิปัตย์ที่เราไม่ทำ เราไม่ส่งเสริมสนับสนุนแม้กระทั่งบาทเดียวเราก็ไม่มีการซื้อเสียงเพราะสิ่งนั้นมันไม่ใช่แนวทางประชาธิปไตย ซึ่งตนอยากเห็นการเมืองไทยไปในทิศทางที่มีประชาชนใช้สิทธิ์ของเขาโดยบริสุทธิ์ ยุติธรรมให้เขาใช้สิทธิโดยสะอาด บริสุทธิใช้สิทธิใช้เสียงของเขาโดยถูกต้องตามแนวทางประชาธิปไตย
และยังย้ำถึงความชอบธรรมเสมอเพราะว่าตนคิดว่า ไม่มีประโยชน์เลยถ้าหากว่าเราไม่คำนึงถึงความชอบธรรม ว่าใครมีเงินซื้อได้ นอกจากคนนั้นจะออกมา อย่างนี้ประชาธิปไตยในเมืองไทยก็ไม่มีความเจริญก้าวหน้าเลย กรณีห้วยยอดเป็นกรณีที่ตนคิดว่าเป็นแบบอย่างที่ดี ที่พรรคการเมืองน่าจะเอาไปปฎิบัติคือ การปราศรัยไม่ใช่ไปแจกเงินซื้อเสียง เพราะการปราศรัยคนเลือกไม่เลือกเป็นเรื่องของประชาชน และก็ต้องมาพูดกับประชาชน มาบอกประชาชนว่า พรรคมีแนวนโยบายอย่างไร คิดอย่างไร ปัญหาการเมืองเป็นอย่างไร บางปีพูดกันจนถึง ตี3 ตี4 เพราะประชาชนให้ความสนใจ
‘เราไม่ใช่ไปด่าแล้วคนเขาจะชอบมันไม่ใช่นะครับ ไปด่าโดยไม่มีเหตุผลคนเขาไม่ชอบ แต่ว่าถ้าไปพูดอย่างมีเหตุมีผล การวิจารณ์คนอื่นอย่างมีเหตุผล เพราะฉะนั้นแนวที่นายกฯไปกระแนะกระแหนผมก็ไม่ชอบ เชื่อว่าการซื้อเสียงนั้นยังคงมีอยู่ เชื่อนะครับว่าพวกนั้นมาจากการซื้อเสียงมากันกี่ยุคกี่สมัยก็มาจากระบบนั้นเหละ มันก็ไม่เปลี่ยนเพราะทำอย่างอื่นไม่เป็น ที่ทำได้คือการใช้เงินคลุกคลีกับชาวบ้านหาเหตุผลคุยกับชาวบ้านให้เขาเลือกตัวบุคคลมันทำยากนั้นระบบนี้มันก็ยังคงอยู่แต่ว่า เราสู้กันรุนแรงเมื่อหลายปีก่อน มันมีการใช้ระบบเงินรุนแรงในภาคใต้จังหวัดตรัง อย่างนี้มันเกิดขึ้นเพื่อไม่ให้คนไปยอมขายสียง ถือว่าศักดิ์ศรีมันมีความสำคัญ เหมือนกับคนสงขลาเขาแสดงออกว่า 300 บาทเราก็ไม่ยอมเอา ถ้าบังคับให้เขาเอาเขาก็ไม่เอา’ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 8 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-