นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘ข่าวยามเช้า’ ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 101.0 เมกะเฮิร์ท เรื่อง 4 ปีแห่งการสร้าง ซึ่งถือเป็นการประกาศนโยบายล่วงหน้าของพรรคไทยรักไทย ว่าที่จริงเป็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ เคยเรียกร้องว่าถูกละเลย ตนเป็นคนพูดว่าทิศทางการพัฒนาในช่วง 3 — 4 ปี ที่ผ่านมา รัฐบาลให้ความสำคัญน้อยมาก กับการลงทุนในสิ่งที่เป็นพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา น้ำ หรือถนนหนทางต่างๆ
ส่วนระบบขนส่งมวลชนเป็นส่วนที่มาเกี่ยวข้องกับกรณีของ กทม. ตนคิดว่าถ้าตรงนี้นายกฯมองว่าเป็นสิ่งที่ถูกละเลย แต่ตนไม่แน่ใจว่าการวิคราะห์ที่บอกว่า 4 ปี ที่ผ่านมาคือการซ่อม และ 4 ปีต่อไปคือการสร้างจะจริงหรือเปล่า ซึ่งตนยืนยันว่า 4 ปีข้างหน้าต้องมาซ่อมหลายอย่าง เพราะในช่วง 4 ปีที่ทำเสียมามาก รวมถึงการที่มีการวิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องครัวเรือน ปัญหาค่านิยมของสังคมที่เสื่อมถอยไป ปัญหาที่มีการมอมเมาประชาชนในรูปแบบต่างๆ ตรงนี้ต้องซ่อม และจะเป็นอุปสรรคในการสร้างด้วย
ประการที่ 2 ฟังดูเหมือนว่าต่อไปจะมีเงินทองเยอะแยะมาสร้าง แต่ตนคิดว่าเงินทองส่วนหนึ่งก็ต้องมาซ่อมในสิ่งที่ทำเสียไว้ และอีกส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่า ภาวะเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอมากขึ้น ในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และน้ำมัน เพราะฉะนั้นไม่แน่ใจว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน แต่ว่าถ้าเกิดนายกฯจะปรับทิศทางของรัฐบาลว่า เลิกคิดที่จะกระตุ้นเฉพาะหน้า แต่ลองหยิบมาลงทุนในระยะยาวน่าจะเป็นทิศทางที่ถูกต้อง
และเป็นทิศทางที่พรรคนำเสนออยู่แล้ว โดยบอกว่าให้หยุดเอาเงินอนาคตมาใช้ ลงทุนเพื่ออนาคตบ้าง ส่วนเรื่องของขนส่งมวลชน ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะคนกรุงเทพฯจะได้รับประโยชน์จากการที่มีผู้ว่าฯจากพรรคประชาธิปัตย์ และมีรัฐบาลพรรคไทยรักไทย กระตื้อรื้อร้นแข่งขันกันทำงาน ก็จะเป็นผลประโยชน์ของประชาชน ตรงนี้คือการแข่งขันทางการเมืองที่เราอยากจะเห็น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 8 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-
ส่วนระบบขนส่งมวลชนเป็นส่วนที่มาเกี่ยวข้องกับกรณีของ กทม. ตนคิดว่าถ้าตรงนี้นายกฯมองว่าเป็นสิ่งที่ถูกละเลย แต่ตนไม่แน่ใจว่าการวิคราะห์ที่บอกว่า 4 ปี ที่ผ่านมาคือการซ่อม และ 4 ปีต่อไปคือการสร้างจะจริงหรือเปล่า ซึ่งตนยืนยันว่า 4 ปีข้างหน้าต้องมาซ่อมหลายอย่าง เพราะในช่วง 4 ปีที่ทำเสียมามาก รวมถึงการที่มีการวิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องครัวเรือน ปัญหาค่านิยมของสังคมที่เสื่อมถอยไป ปัญหาที่มีการมอมเมาประชาชนในรูปแบบต่างๆ ตรงนี้ต้องซ่อม และจะเป็นอุปสรรคในการสร้างด้วย
ประการที่ 2 ฟังดูเหมือนว่าต่อไปจะมีเงินทองเยอะแยะมาสร้าง แต่ตนคิดว่าเงินทองส่วนหนึ่งก็ต้องมาซ่อมในสิ่งที่ทำเสียไว้ และอีกส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่า ภาวะเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอมากขึ้น ในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และน้ำมัน เพราะฉะนั้นไม่แน่ใจว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน แต่ว่าถ้าเกิดนายกฯจะปรับทิศทางของรัฐบาลว่า เลิกคิดที่จะกระตุ้นเฉพาะหน้า แต่ลองหยิบมาลงทุนในระยะยาวน่าจะเป็นทิศทางที่ถูกต้อง
และเป็นทิศทางที่พรรคนำเสนออยู่แล้ว โดยบอกว่าให้หยุดเอาเงินอนาคตมาใช้ ลงทุนเพื่ออนาคตบ้าง ส่วนเรื่องของขนส่งมวลชน ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะคนกรุงเทพฯจะได้รับประโยชน์จากการที่มีผู้ว่าฯจากพรรคประชาธิปัตย์ และมีรัฐบาลพรรคไทยรักไทย กระตื้อรื้อร้นแข่งขันกันทำงาน ก็จะเป็นผลประโยชน์ของประชาชน ตรงนี้คือการแข่งขันทางการเมืองที่เราอยากจะเห็น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 8 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-