สรุปการประชุมสภาผู้แทนราษฎรการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ ฉบับที่ ๑๗

ข่าวการเมือง Thursday September 9, 2004 11:35 —รัฐสภา

ฉบับที่ ๑๗
สรุปการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘
วันพฤหัสบดีที่ ๒ กันยายน ๒๕๔๗
เวลา ๑๐.๓๐ - ๑๑.๓๐ นาฬิกา
ต่อมาเป็นการพิจารณาในมาตรา ๙ ซึ่งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้อภิปรายอย่างกว้างขวาง
นายศิริศักดิ์ อ่อนละมัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชุมพร พรรค ประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายถึงงบประมาณรายจ่ายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในส่วนของ งบประมาณอื่น ๆ เรื่องค่าใช้จ่ายในการเจรจาธุรกิจและการประชุมนานาชาติ จำนวน ๓๐ ล้านบาท ซึ่งเป็นการจัดสรรงบประมาณโดยไม่มีความจำเป็น เนื่องจากการพัฒนาทางด้านกีฬาภายในประเทศยังต้องได้รับการปรับปรุงและแก้ไขอีกมาก รัฐบาลจึงควรศึกษาถึงปัญหาและอุปสรรคแนวทางในการพัฒนากีฬาของชาติให้มีความพร้อมเสียก่อน จึงจะไปพัฒนาในระดับนานาชาติ
นายสุพัฒน์ ธรรมเพชร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพัทลุง พรรค ประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายสงวนคำแปรญัตติในมาตรา ๙ ซึ่งมีการขอปรับลดลงร้อยละ ๕ โดยกล่าวถึง ความไม่สอดคล้องกันของยุทธศาสตร์แผนกีฬาชาติ ในการนำเอาการท่องเที่ยวและกีฬามาไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ยังขอให้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง โดยให้สำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการกับศูนย์การกีฬาและนันทนาการมาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬาเพื่อให้เกิดเอกภาพในการทำงานและเป็นการปรับแผนยุทธศาสตร์ให้มีประสิทธภาพมาก ยิ่งขึ้น
นายสุวรรณ กู้สุจริต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายสงวนคำแปรญัตติ โดยขอปรับลดลงร้อยละ ๑๐ เพื่อนำไปเพิ่มปริมาณโรงเรียนกีฬาให้ มากขึ้น เนื่องจากโรงเรียนกีฬาส่วนใหญ่ในประเทศเป็นโรงเรียนแบบประหยัด ซึ่งไม่มีความสะดวกในการเรียน และมีเพียง ๑๐ แห่งทั่วประเทศเท่านั้น ทั้งยังได้งบประมาณเพียงเล็กน้อยไม่เพียงพอต่อ
การพัฒนาการกีฬาให้แก่เยาวชนไทย นอกจากนี้ยังขอให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้แก่สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยและกีฬาโอลิมปิคให้มากขึ้น เพื่อการเตรียมความพร้อมสู่ความเป็นเลิศในด้านกีฬาของไทย
นายวิชัย ตันศิริ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายสงวนคำแปรญัตติ โดยขอปรับลดลง ๑๐ ล้านบาท ในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เนื่องจากยังไม่มีผลการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ยังไม่ได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณในการพัฒนาศักยภาพการทำงาน เช่น ความรู้ด้านประวัติศาสตร์และภาษา ซึ่งเป็นสื่อกลางที่ใช้ถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมของไทย
นางลาวัณย์ ตันติกุลพงศ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมุกดาหาร พรรคไทยรักไทย ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้ชี้แจงถึงการจัดสรรงบประมาณด้านการเจรจาธุรกิจและการประชุม นานาชาติว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปเจรจาและประชุมนานาชาติของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของทั้ง ๓ หน่วยงาน คือ สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ และสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว ซึ่งในปี ๒๕๔๗ ได้จัดสรรงบประมาณเหล่านี้ไว้ ในส่วนการท่องเที่ยว ซึ่งกระจายอยู่ตามโครงการต่าง ๆ ไม่ได้แยกรายการไว้ชัดเจน แต่ในปี ๒๕๔๘ ได้จัดสรรงบประมาณส่วนนี้รวมกัน และตั้งชื่อใหม่อย่างเป็นกลางเช่นเดียวกับกระทรวงอื่น ๆ และได้ ชี้แจงเพิ่มเติมถึงการใช้งบประมาณในการพัฒนาการกีฬาและนันทนาการว่า มีการใช้งบประมาณในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การส่งเสริมกิจกรรมด้านกีฬาและนันทนาการให้กับนักเรียน นักศึกษา ประชาชน และเยาวชน รวมทั้งผู้ด้อยโอกาส การปรับปรุงสนามกีฬาและศูนย์บริการด้านกีฬาต่าง ๆ และจัดสรร งบประมาณให้กับนักเรียน เยาวชน ที่มีความสามารถทางด้านกีฬาในระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษาในโรงเรียนกีฬา ๑๐ แห่ง นอกจากนี้ยังใช้พัฒนาบุคลากรทางด้านพลศึกษา สุขศึกษา และ วิทยาศาสตร์การกีฬา ในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งยังครอบคลุมถึงการพัฒนาสนามกีฬา นักเรียน ผู้มีความชำนาญพิเศษ และบุคลากรด้านการกีฬา ให้เป็นไปตามแผนพัฒนากีฬาแห่งชาติ
นายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ พรรคไทยรักไทย ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้ชี้แจงถึงงบประมาณในปี ๒๕๔๘ ที่ได้น้อยกว่า ในปี ๒๕๔๗ แต่แท้จริงแล้วได้เพิ่มจากปี ๒๕๔๗ ประมาณร้อยละ ๘ เนื่องจากมีการโอนงบประมาณการจัดตั้งการประชุมและนิทรรศการขององค์กรมหาชนของปี ๒๕๔๗ เข้ามาไว้ในส่วนของสำนัก นายกรัฐมนตรี สำหรับโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาปสงขลาด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์นั้น เป็นโครงการที่สำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในลุ่มน้ำทะเลสาปด้านการอนุรักษ์แบบบูรณาการ จึงได้ตั้งงบประมาณไว้เพื่อใช้ในการดำเนินการดังกล่าวให้สัมฤทธิ์ผล
นายจุติ ไกรฤกษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายสงวนคำแปรญัตติ โดยขอปรับลดลง ๔๐๐ ล้านบาท เนื่องจากการทำงานของรัฐบาลยัง ไม่มีคุณภาพและไม่คุ้มค่ากับเงินภาษีของประชาชน นอกจากนี้ยังบริหารงานล้มเหลวในโครงการ อิลิท การ์ด ซึ่งต้องสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังดำเนินงานโดยขาดการตรวจสอบในกระบวนการต่าง ๆ อีกด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ