นายอุทิศ ธรรมวาทิน รองปลัดกระทรวงการคลังในฐานะหัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายได้ เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้มีโครงการเพิ่ม สนับสนุน และส่งเสริมการยกระดับระบบโลจิสติกส์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลกอันเป็นโครงการ Quick Win เพิ่มลดขั้นตอนและเพิ่มบริการด้านการนำเข้า/ส่งออกให้มีความสะดวก รวดเร็ว ซึ่งภายหลังจากการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลัง และ กระทรวงคมนาคม เรื่อง ยกระดับโลจิสติกส์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถไทยในเวทีการค้าโลก เมื่อวันที่ 20 - 21 สิงหาคม 2547 กระทรวงการคลังจึงได้มีการผลักดันโครงการ e-Container ซึ่งอยู่ระหว่างการทดสอบระบบให้สามารถเปิดบริการได้เร็วขึ้นกว่าเป้าหมายที่กำหนด รวมถึงยังได้ผลักดันโครงการจัดตั้ง One Stop Service (OSS) บริเวณชายแดนด้วย
สำหรับการบริการพิธีการส่งสินค้าออกในระบบ e-Container ด้วยระบบ Internet กระทรวงการคลังจำทำหน้าที่เป็น Gateway ที่จะรับข้อมูลใบกำกับตู้คอนเทรนเนอร์ จากผู้ขนส่งเข้าสู่ระบบผ่านเครือข่าย Internet แล้วรับ - ส่งข้อมูล เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากร เพื่อตรวจสอบรายละเอียดของใบขนสินค้ากับข้อมูลตู้ตอนเทรนเนอร์และบันทึกวันที่ตรวจปล่อยโดยอัตโนมัติ ภายหลังการรับบรรทุกสินค้าแล้ว ก็เพียงแต่บันทึกวันเรือออกเพื่อให้ระบบคอมพิวเตอร์บันทึกวันที่บรรทุกโดยอัตโนมัติเช่นกัน ผู้ประกอบการสามารถนำใบขนสินค้ามาสลักหลังตั๋วด้วยระบบคอมพิวเตอร์ภายหลังเรือออกได้ภายใน 5 นาที
ขณะนี้ระบบ e-Container ดังกล่าวได้พัฒนาและติดตั้งระบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยกระทรวงการคลังได้เชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์กับกรมศุลกากร และเชื่อมโยงระบบ Internet กับ Internet Provider รวมทั้งติดตั้งระบบ e-Container ในระบบ Web Service ผ่านเครือข่าย Internet และพร้อมที่จะให้บริการกับผู้ประกอบการส่งออกได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สำหรับในส่วนของระบบ One Stop Service บริเวณชายแดนนั้น เป็นระบบที่ให้บริการตรวจปล่อยสินค้านำเข้า - ส่งออก แบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว และอำนวยความสะดวกการเข้าออกแรงงานต่างด้าว, นักท่องเที่ยวและประชาชนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยลดขั้นตอนการดำเนินงานของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลระหว่างองค์กร การถ่ายโอนอำนาจให้หน่วยงานในพื้นที่ดำเนินการและการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการ โดยจะมีประกาศประกันเวลาในทุกขั้นตอน ตลอดจนการกำหนดรูปแบบการให้บริการในชั่วโมงด่วน เบื้องต้นจะเริ่มนำร่อง ณ ด่านศุลกากร 5 แห่ง คือ ด่านศุลกากร อรัญประเทศ, ด่านศุลกากรมุกดาหาร, ด่านศุลกากรแม่สอด, ด่านศุลกากรแม่สาย, และด่านศุลกากรสะเดา โครงการนี้กำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดแผนงาน/โครงการ ส่ง สศช. เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติงบประมาณต่อไป
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 70/2547 9 กันยายน 2547--
สำหรับการบริการพิธีการส่งสินค้าออกในระบบ e-Container ด้วยระบบ Internet กระทรวงการคลังจำทำหน้าที่เป็น Gateway ที่จะรับข้อมูลใบกำกับตู้คอนเทรนเนอร์ จากผู้ขนส่งเข้าสู่ระบบผ่านเครือข่าย Internet แล้วรับ - ส่งข้อมูล เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากร เพื่อตรวจสอบรายละเอียดของใบขนสินค้ากับข้อมูลตู้ตอนเทรนเนอร์และบันทึกวันที่ตรวจปล่อยโดยอัตโนมัติ ภายหลังการรับบรรทุกสินค้าแล้ว ก็เพียงแต่บันทึกวันเรือออกเพื่อให้ระบบคอมพิวเตอร์บันทึกวันที่บรรทุกโดยอัตโนมัติเช่นกัน ผู้ประกอบการสามารถนำใบขนสินค้ามาสลักหลังตั๋วด้วยระบบคอมพิวเตอร์ภายหลังเรือออกได้ภายใน 5 นาที
ขณะนี้ระบบ e-Container ดังกล่าวได้พัฒนาและติดตั้งระบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยกระทรวงการคลังได้เชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์กับกรมศุลกากร และเชื่อมโยงระบบ Internet กับ Internet Provider รวมทั้งติดตั้งระบบ e-Container ในระบบ Web Service ผ่านเครือข่าย Internet และพร้อมที่จะให้บริการกับผู้ประกอบการส่งออกได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สำหรับในส่วนของระบบ One Stop Service บริเวณชายแดนนั้น เป็นระบบที่ให้บริการตรวจปล่อยสินค้านำเข้า - ส่งออก แบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว และอำนวยความสะดวกการเข้าออกแรงงานต่างด้าว, นักท่องเที่ยวและประชาชนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยลดขั้นตอนการดำเนินงานของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลระหว่างองค์กร การถ่ายโอนอำนาจให้หน่วยงานในพื้นที่ดำเนินการและการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการ โดยจะมีประกาศประกันเวลาในทุกขั้นตอน ตลอดจนการกำหนดรูปแบบการให้บริการในชั่วโมงด่วน เบื้องต้นจะเริ่มนำร่อง ณ ด่านศุลกากร 5 แห่ง คือ ด่านศุลกากร อรัญประเทศ, ด่านศุลกากรมุกดาหาร, ด่านศุลกากรแม่สอด, ด่านศุลกากรแม่สาย, และด่านศุลกากรสะเดา โครงการนี้กำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดแผนงาน/โครงการ ส่ง สศช. เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติงบประมาณต่อไป
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 70/2547 9 กันยายน 2547--