‘นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ’ ระบุรัฐบาลมีความพยายามบิดเบือนคดีเอกยุทธ เตือนเอกยุทธระวังอย่าใช้มาตรฐานสากลมาสู้ในประเทศไทย พร้อมเปิดเผยอาจทำหนังสือถึงเอกอัครราชทูตต่างๆที่อยู่ในประเทศให้จับตามองการต่อสู้ครั้งนี้ เพื่อให้ความคุ้มครองนายเอกยุทธในอนาคต
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีความขัดแย้งระหว่างนายเอกยุทธ อัญชันบุตรกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า ตนอยากเตือนนายเอกยุทธว่า นายเอกยุทธกำลังสู้กับนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหัวหน้ารัฐบาล โดยใช้มาตรฐานของกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ซึ่งยังไม่เป็นมาตรฐานสากล ที่จะรับประกันความบริสุทธิ์หรือความผิดถูกของบุคคลได้ และกระบวนการยุติธรรมขั้นต้นของประเทศไทยยังไม่มีมาตรฐานซึ่งจะคุ้มครองคุณเอกยุทธในการต่อสู้คดีได้ เพราะฉะนั้นคุณเอกยุทธต้องระมัดระวัง ยกเว้นกระบวนการของศาลเท่านั้น ที่ยังพอพึ่งได้ว่าจะสามารถให้ความยุติธรรมกับผู้ที่ถูกกล่าวหาได้ ‘ผมเข้าใจว่าคุณเอกยุทธกำลังสู้ด้วยมาตรฐานที่เป็นสากล เหมือนมาตรฐานของประเทศอังกฤษที่คุณเอกยุทธไปอยู่มานาน แต่อย่าใช้มาตรฐานนั้นมาสู้ในประเทศไทย เพราะคุณเอกยุทธจะประสบความพ่ายแพ้ในการต่อสู้ได้’ นายนิพิฏฐ์กล่าว และว่ากระบวนการยุติธรรมขั้นต้นของประเทศไทยนั้น ถูกกำหนดและชี้นำโดยหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งสามารถที่จะชี้นำกระบวนการยุติธรรมขั้นต้นได้ อย่างเช่น รมว.มหาดไทยและ รมว. ยุติธรรมออกมาชี้นำกระบวนการยุติธรรมขั้นต้นว่าสามารถดำเนินคดีอาญากับบุคคลหนึ่งบุคคลใดได้ เพราะฉะนั้นผู้ที่ทำงานในกระบวนการยุติธรรมขั้นต้นก็ต้องทำสนองนโยบายของรมว.มหาดไทยและ รมว. ยุติธรรม ซึ่งจะทำให้คุณเอกยุทธต่อสู้คดีได้ลำบาก
นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ตนอยากให้นายเอกยุทธพึ่งองค์กรสถานทูตในการต่อสู้คดี โดยคดีของนายเอกยุทธนั้นเริ่มต้นเป็นคดีการเมือง เพราะว่ามีปัญหากับหัวหน้ารัฐบาล แต่ขณะนี้รัฐบาลกำลังพยายามจะทำให้เห็นว่านายเอกยุทธเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาธรรมดา ซึ่งท้ายที่สุดแล้วนายเอกยุทธจะต้องถูกจับกุมและดำเนินคดีในคดีอาญาธรรมดาแน่นอน เพราะฉะนั้นนายเอกยุทธต้องอาศัยองค์กรระหว่างประเทศให้จับตามองว่า การต่อสู้ของนายเอกยุทธเป็นคดีทางการเมือง แต่ถูกรัฐบาลบิดเบือนให้เป็นคดีอาญาธรรมดา และถ้าหากเรื่องดังกล่าวยืดเยื้อ ในฐานะที่ตนต้องการเห็นการต่อสู้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ภายในสัปดาห์หน้าตนอาจจะทำหนังสือถึงเอกอัครราชทูตต่างๆที่อยู่ในประเทศไทยให้จับตามองการต่อสู้ระหว่างนายเอกยุทธและนายกฯในครั้งนี้ เพื่อให้ความคุ้มครองนายเอกยุทธในอนาคต
‘เรื่องนี้มีพื้นฐานมาจากคดีการเมือง แต่รัฐบาลกำลังพยายามจะทำให้เป็นคดีอาญาธรรมดา เพราะสามารถจับกุมและส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ ผมทำนายว่าท้ายที่สุดแล้วคุณเอกยุทธจะถูกกดดันให้ออกนอกประเทศ และรัฐบาลจะใช้วิธีการขอตัวนายเอกยุทธมาดำเนินคดีในประเทศไทย เพราะฉะนั้นผมอยากเรียกร้องให้นายเอกยุทธและสถานทูตทั้งหลายที่มีอยู่ในประเทศไทย ให้จับตามองวิวาทะระหว่างนายเอกยุทธและนายกฯ ในอนาคตถ้าคุณเอกยุทธถูกกดันให้ออกนอกประเทศและรัฐบาลใช้วิธีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ผมคิดว่าเอกอัครราชทูตทั้งหลายที่อยู่ในประเทศไทยสามารถให้ความเห็นได้ว่าคดีนี้เป็นคดีการเมือง ซึ่งไม่สามารถส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้’ นายนิพิฏฐ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 11 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีความขัดแย้งระหว่างนายเอกยุทธ อัญชันบุตรกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า ตนอยากเตือนนายเอกยุทธว่า นายเอกยุทธกำลังสู้กับนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหัวหน้ารัฐบาล โดยใช้มาตรฐานของกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ซึ่งยังไม่เป็นมาตรฐานสากล ที่จะรับประกันความบริสุทธิ์หรือความผิดถูกของบุคคลได้ และกระบวนการยุติธรรมขั้นต้นของประเทศไทยยังไม่มีมาตรฐานซึ่งจะคุ้มครองคุณเอกยุทธในการต่อสู้คดีได้ เพราะฉะนั้นคุณเอกยุทธต้องระมัดระวัง ยกเว้นกระบวนการของศาลเท่านั้น ที่ยังพอพึ่งได้ว่าจะสามารถให้ความยุติธรรมกับผู้ที่ถูกกล่าวหาได้ ‘ผมเข้าใจว่าคุณเอกยุทธกำลังสู้ด้วยมาตรฐานที่เป็นสากล เหมือนมาตรฐานของประเทศอังกฤษที่คุณเอกยุทธไปอยู่มานาน แต่อย่าใช้มาตรฐานนั้นมาสู้ในประเทศไทย เพราะคุณเอกยุทธจะประสบความพ่ายแพ้ในการต่อสู้ได้’ นายนิพิฏฐ์กล่าว และว่ากระบวนการยุติธรรมขั้นต้นของประเทศไทยนั้น ถูกกำหนดและชี้นำโดยหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งสามารถที่จะชี้นำกระบวนการยุติธรรมขั้นต้นได้ อย่างเช่น รมว.มหาดไทยและ รมว. ยุติธรรมออกมาชี้นำกระบวนการยุติธรรมขั้นต้นว่าสามารถดำเนินคดีอาญากับบุคคลหนึ่งบุคคลใดได้ เพราะฉะนั้นผู้ที่ทำงานในกระบวนการยุติธรรมขั้นต้นก็ต้องทำสนองนโยบายของรมว.มหาดไทยและ รมว. ยุติธรรม ซึ่งจะทำให้คุณเอกยุทธต่อสู้คดีได้ลำบาก
นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ตนอยากให้นายเอกยุทธพึ่งองค์กรสถานทูตในการต่อสู้คดี โดยคดีของนายเอกยุทธนั้นเริ่มต้นเป็นคดีการเมือง เพราะว่ามีปัญหากับหัวหน้ารัฐบาล แต่ขณะนี้รัฐบาลกำลังพยายามจะทำให้เห็นว่านายเอกยุทธเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาธรรมดา ซึ่งท้ายที่สุดแล้วนายเอกยุทธจะต้องถูกจับกุมและดำเนินคดีในคดีอาญาธรรมดาแน่นอน เพราะฉะนั้นนายเอกยุทธต้องอาศัยองค์กรระหว่างประเทศให้จับตามองว่า การต่อสู้ของนายเอกยุทธเป็นคดีทางการเมือง แต่ถูกรัฐบาลบิดเบือนให้เป็นคดีอาญาธรรมดา และถ้าหากเรื่องดังกล่าวยืดเยื้อ ในฐานะที่ตนต้องการเห็นการต่อสู้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ภายในสัปดาห์หน้าตนอาจจะทำหนังสือถึงเอกอัครราชทูตต่างๆที่อยู่ในประเทศไทยให้จับตามองการต่อสู้ระหว่างนายเอกยุทธและนายกฯในครั้งนี้ เพื่อให้ความคุ้มครองนายเอกยุทธในอนาคต
‘เรื่องนี้มีพื้นฐานมาจากคดีการเมือง แต่รัฐบาลกำลังพยายามจะทำให้เป็นคดีอาญาธรรมดา เพราะสามารถจับกุมและส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ ผมทำนายว่าท้ายที่สุดแล้วคุณเอกยุทธจะถูกกดดันให้ออกนอกประเทศ และรัฐบาลจะใช้วิธีการขอตัวนายเอกยุทธมาดำเนินคดีในประเทศไทย เพราะฉะนั้นผมอยากเรียกร้องให้นายเอกยุทธและสถานทูตทั้งหลายที่มีอยู่ในประเทศไทย ให้จับตามองวิวาทะระหว่างนายเอกยุทธและนายกฯ ในอนาคตถ้าคุณเอกยุทธถูกกดันให้ออกนอกประเทศและรัฐบาลใช้วิธีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ผมคิดว่าเอกอัครราชทูตทั้งหลายที่อยู่ในประเทศไทยสามารถให้ความเห็นได้ว่าคดีนี้เป็นคดีการเมือง ซึ่งไม่สามารถส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้’ นายนิพิฏฐ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 11 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-