‘โฆษกฯปชป.’แถลงกรณีเอกยุทธ ‘รัฐบาล’ พยายามเบี่ยงเบนประเด็นปชป.ปฎิเสธการอยู่เบื้องหลัง’เอกยุทธ’ที่ผ่านมาเป็นการพบปะอย่างเปิดเผย แนะ ใช้กฎหมายต้องเสมอภาค อย่าใช้กฎหมายเพื่อหมายกดหัว ! ผู้เปิดโปงข้อมูล ชี้! นายกฯตัดอิสระภาพการทำงาน กลต. ‘ย้ำ’คำพูดนายกฯ “ปากประชาธิปไตย แต่หัวใจเผด็จการ” ‘ปชป.’พบความผิดปกติการบริหารประเทศ 5 ประการจากการบริหารประเทศของรัฐบาล
วันนี้ (12 ก.ย.47)เวลา 10.30น. ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงกรณีของนายเอกยุทธที่รัฐบาลพยายามจะเบี่ยงเบนประเด็น โดยพยายามที่จะบอกว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลังนายเอกยุทธที่ออกมาเปิดโปงว่า มีคนในรัฐบาลชุดนี้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการปั่นหุ้น ซึ่งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์เอง กล่าวย้ำว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวใดๆของนายเอกยุทธเลย และในทางตรงกับข้ามทางพรรคฯเองมองว่า การพบปะกับนายเอกยุทธพร้อมด้วยนักธุรกิจจำนวนหนึ่งนั้นเป็นเรื่องจริง ถือเป็นการพบปะกันอย่างเปิดเผย เป็นการสนทนาในเรื่องที่นักธุรกิจกลุ่มนั้นต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์ มีส่วนในการแก้ไขกฎหมาย 11 ฉบับ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ถูกกล่าวหาจากรัฐบาลชุดปัจจุบันก่อนหน้าที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาลว่า เป็นกฎหมายขายชาติ แล้วเมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วจะดำเนินการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว ก็ปรากฎว่า ขณะนี้ครบ 4 ปีก็ยังไม่ได้มีการการแก้ไขกฎหมายนี้แต่อย่างใด
ทั้งนี้ทางพรรคประชาธิปัตย์เองก็ต้องยอมรับว่า ได้พบปะกับนายเอกยุทธและกลุ่มนักธุรกิจนั้นเป็นความจริง ซึ่งเป็นการพบปะต่อหน้าสื่อมวลชน ต่อหน้าพี่น้องประชาชน รวมถึงแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ด้วย และทางพรรคก็มองว่าเป็นกลยุทธในการเบี่ยงเบนประเด็นของรัฐบาลเท่านั้นเองและรัฐาลยังใช้วิธีข่มขู่คุกคามผู้ที่ออกมาเปิดโปงทุกรูปแบบ
‘เพราะฉะนั้นวันที่นักธุรกิจเหล่านั้นมาพบ โดยมีคุณเอกยุทธเข้ามาพบปะอย่างเปิดเผย เป็นการพบปะกันเบื้องหน้าผู้สื่อข่าว เบื้องหน้าพี่น้องประชาชนและเบื้องหน้าสมาชิกแกนนำของพรรคหลายคนในห้องประชุม โดยที่ไม่มีการพบกันแบบลับๆล่อๆแต่อย่างใด ผมคิดว่าพวกที่ดำเนินการอยู่เบื้องหลังน่าจะเป็นบุคคลที่จะไปอยู่เบื่องหลังผลประโยชน์ทับซ้อนในหลายเรื่อง เพราะฉะนั้นการออกมากล่าวหาว่าพรรคปชป.มาอยู่เบื้องหลัง คุณเอกยุทธนั้น ก็เป็นเพียงกลยุทธในการเบี่ยงเบนประเด็นเท่านั้นเอง ในทางตรงกันข้ามนอกจากจะเบี่ยงเบนประเด็นกันแล้วรัฐบาลยังใช้วิธีการในการที่จะข่มขู่คุกคามผู้ที่ออกมาเปิดโปงทุกรูปแบบ คือใช้ความพยายามในการข่มขู่คุกคามและดำเนินการกับคุณเอกยุทธทุกรูปแบบ จะเห็นได้ว่ามีความพยายาม ที่จะใช้กฎหมายเข้ามาจัดการเอาผิดกับคุณเอกยุทธในกรณีเรื่องเดิมๆของคุณเอกยุทธในอดีตที่ผ่านมา’นายองอาจ กล่าว
แนะ ใช้กฎหมายต้องเสมอภาค อย่าใช้กฎหมายเพื่อหมายกดหัว ! ผู้เปิดโปงข้อมูล ชี้! นายกฯตัดอิสระภาพการทำงาน กลต.
โฆษกพรรคพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์มองว่า การใช้กฎหมายนั้นจะต้องใช้อย่างเท่าเทียมกันอย่างเสมอภาค และไม่ควรที่จะใช้กฎหมายเพื่อไปหมายกดหัวคนที่ออกมาเปิดโปงความชั่วร้ายของคนในรัฐบาลชุดนี้ ไม่ให้ออกมาพูดความจริงกับสังคมหรือกับพี่น้องประชาชน จะเห็นได้ว่าในความเป็นจริงแล้ว นายเอกยุทธเองก็ในอยู่เมืองไทยมาหลายปีแล้ว
และสิ่งที่คนในสังคมนี้ตั้งคำถามกับรัฐบาลชุดนี้ก็คือ ถ้านายเอกยุทธ ไม่ออกมาเปิดโปงเรื่องการปั่นหุ้น ของคนในรัฐบาลในชุดนี้ นายเอกยุทธจะถูกดำเนินการตามกฎหมายในหลายๆกรณีหรือไม่ ซึ่งในทางตรงกันข้ามคนในรัฐบาลจะดำเนินการตามข้อกล่าวหาของนายเอกยุทธ คือ ดำเนินการเรื่องของการปั่นหุ้นอย่างจริงจัง มากกว่าที่ออกมาปกป้องและปฎิเสธข้อกล่าวหาของคุณเอกยุทธ และมองว่าในการดำเนินการครั้งนี้ ถือว่าเป็นการชี้นำของนายกฯ ที่ออกมาบอกว่า ไม่มีคนในรัฐบาลชุดนี้ไม่ว่าอักษรย่อชื่ออะไรก็ตาม ไปมีส่วนในกระบวนการปั่นหุ้น การออกมาปฎิเสธเช่นนี้ก็ถือว่า เป็นการชี้นำการทำงานของกลต. ซึ่งถือว่า เป็นการชี้นำที่ให้กลต.ไม่สามารถทำงานโดยอิสระ เป็นการชี้นำที่อาจทำให้เกิดความบิดเบือนต่อข้อเท็จจริงเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของนายกฯ ที่ออกมาชี้นำตั้งแต่ต้น
‘ไม่มีคนในรัฐบาลชุดนี้ไม่ว่าอักษรย่อชื่ออะไรก็ตาม ไปมีส่วนในกระบวนการปั่นหุ้น การออกมาปฎิเสธเช่นนี้ก็คือ การชี้นำการทำงานของกลต. ซึ่งถือว่า เป็นการชี้นำที่ให้กลต.ไม่สามารถทำงานโดยอิสระ เป็นการชี้นำที่ทำให้กลต.อาจมีความจำเป็นที่ต้องบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของนายกฯ ซึ่งได้ออกมาชี้นำตั้งแต่ต้นแล้วว่า ไม่มีคนในรัฐบาลชุดนี้เข้าไปมีส่วนในการปั่นหุ้น’ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
‘ชี้’คำพูดนายกฯ “ปากประชาธิปไตย แต่หัวใจเผด็จการ” ปชป.พบความผิดปกติการบริหารประเทศ 5 ประการ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแถลงต่อไปว่า อีกส่วนหนึ่งที่ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า รัฐบาลมีความพยายามที่จะชี้นำที่จะใช้อำนาจในการขมขู่ คุกคามผู้ที่ออกมาเปิดโปงการปั่นหุ้นในครั้งนี้ก็ คือ การที่นายกฯออกมา บอกว่า “ถ้าคุณเอกยุทธล้ม ! ท่านนายกฯ ไม่ได้นั้น ก็ให้ระวังว่า จะถูกกระทืบ “ การออกมากล่าวเช่นนี้เป็นการแสดงถึง เป็นพวกชอบใช้อำนาจเถื่อน ชอบใช้กำลังในการเข้าไปแก้ไขปัญหา และเห็นว่าคำพูดเช่นนี้ไม่น่าจะออกมาจากปากของบุคคลที่เป็นถึงผู้นำประเทศ ซึ่งในทางตรงกันข้ามแล้วนายกฯควรจะออกมาแสดงความขอบคุณ นายเอกยุทธเสียมากกว่า ที่กล้าออกมาเปิดโปงเรื่องนี้ และนายกฯเองควรจะใช้โอกาสนี้ทำความจริงให้กระจ่างแก่สังคม
“ผมคิดว่า ท่านนายกฯ ไม่ควรใช้อารมณ์ดิบของท่านมาใช้ในการบริหารและจัดการแก้ไขปัญหาของประเทศ คำพูดเช่นนั้น ไม่ควรเป็นคำพูดที่อกมาจากปากท่านนายกฯ ชี้ให้เห็นว่าท่านนายกฯ เป็นพวกชอบใช้อำนาจเถื่อน ชอบใช้กำลังในการเข้าไปแก้ไขปัญหาทั้งๆที่ปากมักจะพล่ำบ่นถึง คำว่าประชาธิปไตย บ่นถึงเรื่องของกฎหมาย คำพูดของท่านนายกฯก็ถือว่าเป็นคำพูดที่อยู่ในคุณลักษณะของบุคคลประเภทที่เรียกว่า ปากประชาธิปไตย แต่หัวใจเผด็จการ ในทางตรงกันข้ามท่านนายกฯ ควรจะออกมาขอบคุณ คุณเอกยุทธที่ออกมาเปิดโปง ที่ออกมากล้าพูดถึงความจริงในเรื่องของการปั่นหุ้นที่ไม่มีใครกล้าพูดอย่างลึกซึ้งเช่นนี้มาก่อน และควรใช้โอกาสนี้ทำความจริงให้กระจ่าง เพราะเป็นที่รู้กันทั่วไปในวงสังคมว่า คนในรัฐบาลนี้มีส่วนในการปั่นหุ้นอยู่บ่อยครั้ง” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวและว่า เมื่อประเมินดูความเคลื่อนไหวของรัฐบาลในความพยายามที่จะจัดการกับคนที่ออกมาเปิดโปงความจริงในครั้งนี้แล้ว ทางพรรคประชาธิปัตย์ พบความผิดปกติในการบริหารจัดการประเทศของรัฐบาลชุดนี้จากกรณีคุณเอกยุทธมาเปิดโปงการปั่นหุ้นนี้ 5 ประการ คือ
1.มีความพยายามที่จะบิดบังอำพลางซ้อนเร้นความจริงในเรื่องของการปั่นหุ้น ของคนในคณะรัฐบาลชุดนี้
2.มีการใช้อำนาจรัฐเข้าไปจัดการกับคนที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล
3.มีการใช้องค์กรอิสระเพื่อประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าที่จะให้องค์กรอิสระได้ทำหน้าที่อย่างอิสระอย่างแท้จริง
4.มีการใช้อำนาจมืดออกมาข่มขู่คุกคาม คนที่ออกมาพูดความจริงจากกรณีนี้
5.มีการใช้วิธีการที่เรียกว่า ดับเบิ้ลสแตนดาร์ด เข้ามาในการบริหารประเทศ
ในกรณีที่ 5 นี้จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า มีเรื่องราวที่บ้านเมืองนี้ที่ต้องใช้กฎหมายเข้าไปจัดการหลายกรณี รวมทั้งกรณีที่ มีบุคคลเคยกระทำผิดเช่นเดียวกับกรณีของนายเอกยุทธ แล้วก็หมดอายุความไปแล้ว แต่ปรากฎว่า รัฐบาลชุดนี้ ก็ไม่เคยไปจัดการใดๆกับบุคคลที่ไปเกี่ยวข้องกับความผิดในลักษณะเดียวกับนายเอกยุทธที่หมดอายุความไปแล้ว แต่กลับใช้กฎหมายกับกรณีของคุณเอกยุทธแต่เพียงผู้เดียว กรณีนี้ก็คือการใช้วิธีการ ดับเบิ้ลสแตนดาร์ด ในการบริหารจัดการประเทศนี้ และคิดว่าวันนี้รัฐบาลจะต้องมีท่าทีที่ชัดเจน ที่จะมีส่วนในการทำให้เรื่องของการปั้นหุ้นที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ยุคนี้ ให้เกิดความกระจ่างมากที่สุด มากกว่าที่จะปล่อยให้เป็นเรื่องเลยตามเลยแต่เพียงอย่างเดียว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-
วันนี้ (12 ก.ย.47)เวลา 10.30น. ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงกรณีของนายเอกยุทธที่รัฐบาลพยายามจะเบี่ยงเบนประเด็น โดยพยายามที่จะบอกว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลังนายเอกยุทธที่ออกมาเปิดโปงว่า มีคนในรัฐบาลชุดนี้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการปั่นหุ้น ซึ่งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์เอง กล่าวย้ำว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวใดๆของนายเอกยุทธเลย และในทางตรงกับข้ามทางพรรคฯเองมองว่า การพบปะกับนายเอกยุทธพร้อมด้วยนักธุรกิจจำนวนหนึ่งนั้นเป็นเรื่องจริง ถือเป็นการพบปะกันอย่างเปิดเผย เป็นการสนทนาในเรื่องที่นักธุรกิจกลุ่มนั้นต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์ มีส่วนในการแก้ไขกฎหมาย 11 ฉบับ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ถูกกล่าวหาจากรัฐบาลชุดปัจจุบันก่อนหน้าที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาลว่า เป็นกฎหมายขายชาติ แล้วเมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วจะดำเนินการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว ก็ปรากฎว่า ขณะนี้ครบ 4 ปีก็ยังไม่ได้มีการการแก้ไขกฎหมายนี้แต่อย่างใด
ทั้งนี้ทางพรรคประชาธิปัตย์เองก็ต้องยอมรับว่า ได้พบปะกับนายเอกยุทธและกลุ่มนักธุรกิจนั้นเป็นความจริง ซึ่งเป็นการพบปะต่อหน้าสื่อมวลชน ต่อหน้าพี่น้องประชาชน รวมถึงแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ด้วย และทางพรรคก็มองว่าเป็นกลยุทธในการเบี่ยงเบนประเด็นของรัฐบาลเท่านั้นเองและรัฐาลยังใช้วิธีข่มขู่คุกคามผู้ที่ออกมาเปิดโปงทุกรูปแบบ
‘เพราะฉะนั้นวันที่นักธุรกิจเหล่านั้นมาพบ โดยมีคุณเอกยุทธเข้ามาพบปะอย่างเปิดเผย เป็นการพบปะกันเบื้องหน้าผู้สื่อข่าว เบื้องหน้าพี่น้องประชาชนและเบื้องหน้าสมาชิกแกนนำของพรรคหลายคนในห้องประชุม โดยที่ไม่มีการพบกันแบบลับๆล่อๆแต่อย่างใด ผมคิดว่าพวกที่ดำเนินการอยู่เบื้องหลังน่าจะเป็นบุคคลที่จะไปอยู่เบื่องหลังผลประโยชน์ทับซ้อนในหลายเรื่อง เพราะฉะนั้นการออกมากล่าวหาว่าพรรคปชป.มาอยู่เบื้องหลัง คุณเอกยุทธนั้น ก็เป็นเพียงกลยุทธในการเบี่ยงเบนประเด็นเท่านั้นเอง ในทางตรงกันข้ามนอกจากจะเบี่ยงเบนประเด็นกันแล้วรัฐบาลยังใช้วิธีการในการที่จะข่มขู่คุกคามผู้ที่ออกมาเปิดโปงทุกรูปแบบ คือใช้ความพยายามในการข่มขู่คุกคามและดำเนินการกับคุณเอกยุทธทุกรูปแบบ จะเห็นได้ว่ามีความพยายาม ที่จะใช้กฎหมายเข้ามาจัดการเอาผิดกับคุณเอกยุทธในกรณีเรื่องเดิมๆของคุณเอกยุทธในอดีตที่ผ่านมา’นายองอาจ กล่าว
แนะ ใช้กฎหมายต้องเสมอภาค อย่าใช้กฎหมายเพื่อหมายกดหัว ! ผู้เปิดโปงข้อมูล ชี้! นายกฯตัดอิสระภาพการทำงาน กลต.
โฆษกพรรคพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์มองว่า การใช้กฎหมายนั้นจะต้องใช้อย่างเท่าเทียมกันอย่างเสมอภาค และไม่ควรที่จะใช้กฎหมายเพื่อไปหมายกดหัวคนที่ออกมาเปิดโปงความชั่วร้ายของคนในรัฐบาลชุดนี้ ไม่ให้ออกมาพูดความจริงกับสังคมหรือกับพี่น้องประชาชน จะเห็นได้ว่าในความเป็นจริงแล้ว นายเอกยุทธเองก็ในอยู่เมืองไทยมาหลายปีแล้ว
และสิ่งที่คนในสังคมนี้ตั้งคำถามกับรัฐบาลชุดนี้ก็คือ ถ้านายเอกยุทธ ไม่ออกมาเปิดโปงเรื่องการปั่นหุ้น ของคนในรัฐบาลในชุดนี้ นายเอกยุทธจะถูกดำเนินการตามกฎหมายในหลายๆกรณีหรือไม่ ซึ่งในทางตรงกันข้ามคนในรัฐบาลจะดำเนินการตามข้อกล่าวหาของนายเอกยุทธ คือ ดำเนินการเรื่องของการปั่นหุ้นอย่างจริงจัง มากกว่าที่ออกมาปกป้องและปฎิเสธข้อกล่าวหาของคุณเอกยุทธ และมองว่าในการดำเนินการครั้งนี้ ถือว่าเป็นการชี้นำของนายกฯ ที่ออกมาบอกว่า ไม่มีคนในรัฐบาลชุดนี้ไม่ว่าอักษรย่อชื่ออะไรก็ตาม ไปมีส่วนในกระบวนการปั่นหุ้น การออกมาปฎิเสธเช่นนี้ก็ถือว่า เป็นการชี้นำการทำงานของกลต. ซึ่งถือว่า เป็นการชี้นำที่ให้กลต.ไม่สามารถทำงานโดยอิสระ เป็นการชี้นำที่อาจทำให้เกิดความบิดเบือนต่อข้อเท็จจริงเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของนายกฯ ที่ออกมาชี้นำตั้งแต่ต้น
‘ไม่มีคนในรัฐบาลชุดนี้ไม่ว่าอักษรย่อชื่ออะไรก็ตาม ไปมีส่วนในกระบวนการปั่นหุ้น การออกมาปฎิเสธเช่นนี้ก็คือ การชี้นำการทำงานของกลต. ซึ่งถือว่า เป็นการชี้นำที่ให้กลต.ไม่สามารถทำงานโดยอิสระ เป็นการชี้นำที่ทำให้กลต.อาจมีความจำเป็นที่ต้องบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของนายกฯ ซึ่งได้ออกมาชี้นำตั้งแต่ต้นแล้วว่า ไม่มีคนในรัฐบาลชุดนี้เข้าไปมีส่วนในการปั่นหุ้น’ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
‘ชี้’คำพูดนายกฯ “ปากประชาธิปไตย แต่หัวใจเผด็จการ” ปชป.พบความผิดปกติการบริหารประเทศ 5 ประการ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแถลงต่อไปว่า อีกส่วนหนึ่งที่ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า รัฐบาลมีความพยายามที่จะชี้นำที่จะใช้อำนาจในการขมขู่ คุกคามผู้ที่ออกมาเปิดโปงการปั่นหุ้นในครั้งนี้ก็ คือ การที่นายกฯออกมา บอกว่า “ถ้าคุณเอกยุทธล้ม ! ท่านนายกฯ ไม่ได้นั้น ก็ให้ระวังว่า จะถูกกระทืบ “ การออกมากล่าวเช่นนี้เป็นการแสดงถึง เป็นพวกชอบใช้อำนาจเถื่อน ชอบใช้กำลังในการเข้าไปแก้ไขปัญหา และเห็นว่าคำพูดเช่นนี้ไม่น่าจะออกมาจากปากของบุคคลที่เป็นถึงผู้นำประเทศ ซึ่งในทางตรงกันข้ามแล้วนายกฯควรจะออกมาแสดงความขอบคุณ นายเอกยุทธเสียมากกว่า ที่กล้าออกมาเปิดโปงเรื่องนี้ และนายกฯเองควรจะใช้โอกาสนี้ทำความจริงให้กระจ่างแก่สังคม
“ผมคิดว่า ท่านนายกฯ ไม่ควรใช้อารมณ์ดิบของท่านมาใช้ในการบริหารและจัดการแก้ไขปัญหาของประเทศ คำพูดเช่นนั้น ไม่ควรเป็นคำพูดที่อกมาจากปากท่านนายกฯ ชี้ให้เห็นว่าท่านนายกฯ เป็นพวกชอบใช้อำนาจเถื่อน ชอบใช้กำลังในการเข้าไปแก้ไขปัญหาทั้งๆที่ปากมักจะพล่ำบ่นถึง คำว่าประชาธิปไตย บ่นถึงเรื่องของกฎหมาย คำพูดของท่านนายกฯก็ถือว่าเป็นคำพูดที่อยู่ในคุณลักษณะของบุคคลประเภทที่เรียกว่า ปากประชาธิปไตย แต่หัวใจเผด็จการ ในทางตรงกันข้ามท่านนายกฯ ควรจะออกมาขอบคุณ คุณเอกยุทธที่ออกมาเปิดโปง ที่ออกมากล้าพูดถึงความจริงในเรื่องของการปั่นหุ้นที่ไม่มีใครกล้าพูดอย่างลึกซึ้งเช่นนี้มาก่อน และควรใช้โอกาสนี้ทำความจริงให้กระจ่าง เพราะเป็นที่รู้กันทั่วไปในวงสังคมว่า คนในรัฐบาลนี้มีส่วนในการปั่นหุ้นอยู่บ่อยครั้ง” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวและว่า เมื่อประเมินดูความเคลื่อนไหวของรัฐบาลในความพยายามที่จะจัดการกับคนที่ออกมาเปิดโปงความจริงในครั้งนี้แล้ว ทางพรรคประชาธิปัตย์ พบความผิดปกติในการบริหารจัดการประเทศของรัฐบาลชุดนี้จากกรณีคุณเอกยุทธมาเปิดโปงการปั่นหุ้นนี้ 5 ประการ คือ
1.มีความพยายามที่จะบิดบังอำพลางซ้อนเร้นความจริงในเรื่องของการปั่นหุ้น ของคนในคณะรัฐบาลชุดนี้
2.มีการใช้อำนาจรัฐเข้าไปจัดการกับคนที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล
3.มีการใช้องค์กรอิสระเพื่อประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าที่จะให้องค์กรอิสระได้ทำหน้าที่อย่างอิสระอย่างแท้จริง
4.มีการใช้อำนาจมืดออกมาข่มขู่คุกคาม คนที่ออกมาพูดความจริงจากกรณีนี้
5.มีการใช้วิธีการที่เรียกว่า ดับเบิ้ลสแตนดาร์ด เข้ามาในการบริหารประเทศ
ในกรณีที่ 5 นี้จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า มีเรื่องราวที่บ้านเมืองนี้ที่ต้องใช้กฎหมายเข้าไปจัดการหลายกรณี รวมทั้งกรณีที่ มีบุคคลเคยกระทำผิดเช่นเดียวกับกรณีของนายเอกยุทธ แล้วก็หมดอายุความไปแล้ว แต่ปรากฎว่า รัฐบาลชุดนี้ ก็ไม่เคยไปจัดการใดๆกับบุคคลที่ไปเกี่ยวข้องกับความผิดในลักษณะเดียวกับนายเอกยุทธที่หมดอายุความไปแล้ว แต่กลับใช้กฎหมายกับกรณีของคุณเอกยุทธแต่เพียงผู้เดียว กรณีนี้ก็คือการใช้วิธีการ ดับเบิ้ลสแตนดาร์ด ในการบริหารจัดการประเทศนี้ และคิดว่าวันนี้รัฐบาลจะต้องมีท่าทีที่ชัดเจน ที่จะมีส่วนในการทำให้เรื่องของการปั้นหุ้นที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ยุคนี้ ให้เกิดความกระจ่างมากที่สุด มากกว่าที่จะปล่อยให้เป็นเรื่องเลยตามเลยแต่เพียงอย่างเดียว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-