เมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๔๗ เวลา ๑๓.๕๕ นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้นล่าง อาคาร
รัฐสภา ๑ นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชัยภูมิ ในฐานะประธานคณะ
กรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร ได้แถลงถึงผลการประชุมคณะกรรมาธิการการพลังงาน
เมื่อวันพุธที่ ๗ เมษายน ๒๕๔๗ ซึ่งได้พิจารณาเรื่อง สถานการณ์ปัญหาราคาน้ำมันเชื้อเพลิง โดยเชิญผู้แทน
จากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมประชุม ที่ประชุมเห็นว่าที่ผ่านมารัฐบาลได้แก้ปัญหาโดยกำหนด
เพดานราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งใช้เงินยืมจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและจากสถาบันการเงินมาชดเชย
เพื่อไม่ให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงมากจนเกิดผลกระทบต่อราคาสินค้าอุปโภค บริโภคและค่าขนส่งต่าง ๆ
ปัจจุบันใช้เงินชดเชยไปแล้วประมาณ ๔,๐๐๐ ล้านบาท คณะกรรมาธิการจึงได้มีมติให้เสนอแนะต่อรัฐบาล
เพื่อรับไปพิจารณา ดังนี้
๑. รัฐบาลควรปรับปรุงเพดานราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของเบนซิน ๙๕ และ ๙๑
ให้เหมาะสม เนื่องจากน้ำมันทั้งสองชนิดนี้ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะใช้ยานพาหนะส่วนบุคคล มีผลกระทบต่อราคาสินค้า
ค่าขนส่งสาธารณะ ค่อนข้างน้อย การปรับราคาให้สะท้อนกับความเป็นจริงจะทำให้มีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
อย่างประหยัด และจะมีผลต่อการใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงน้อยลง
๒. ขอให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบราคา
น้ำมันเชื้อเพลิงที่แท้จริงควบคู่กับราคาควบคุม แจ้งภาระเงินกองทุนที่ใช้ชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
ในช่วงที่น้ำมันเชื้อเพลิงมีราคาสูง อันจะทำให้ประชาชนใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างประหยัด
๓. รัฐบาลควรใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส โดยเร่งรัดการประหยัดพลังงานอย่างจริงจัง
รวมทั้งเร่งรัดสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาด้านพลังงานทดแทน เช่น การใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์น้ำมันไบโอดีเซล
ซึ่งมีความพร้อมอยู่แล้ว นอกจากนี้ควรเร่งศึกษาหามาตรการส่งเสริมการผลิตและใช้รถยนต์ประหยัด
พลังงานและการใช้แก๊สธรรมชาติในภาคขนส่งและอุตสาหกรรม
๔. รัฐบาลควรมีคณะทำงานศึกษาโครงสร้างและต้นทุนการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิง
ในปัจจุบันและในอนาคต เช่น ค่าการกลั่นที่เหมาะสม ค่าการตลาด ค่าขนส่ง ภาษีและเงินที่เรียกเก็บเข้า
กองทุนต่าง ๆ เพราะในอนาคตราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกมีแนวโน้มที่จะอยู่ในเกณฑ์สูง
-----------------------------------------
ธนิยา กิตติเจริญพงษ์ / สรุป
กรรณิการ์ ผ่านไกร / พิมพ์
รัฐสภา ๑ นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชัยภูมิ ในฐานะประธานคณะ
กรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร ได้แถลงถึงผลการประชุมคณะกรรมาธิการการพลังงาน
เมื่อวันพุธที่ ๗ เมษายน ๒๕๔๗ ซึ่งได้พิจารณาเรื่อง สถานการณ์ปัญหาราคาน้ำมันเชื้อเพลิง โดยเชิญผู้แทน
จากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมประชุม ที่ประชุมเห็นว่าที่ผ่านมารัฐบาลได้แก้ปัญหาโดยกำหนด
เพดานราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งใช้เงินยืมจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและจากสถาบันการเงินมาชดเชย
เพื่อไม่ให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงมากจนเกิดผลกระทบต่อราคาสินค้าอุปโภค บริโภคและค่าขนส่งต่าง ๆ
ปัจจุบันใช้เงินชดเชยไปแล้วประมาณ ๔,๐๐๐ ล้านบาท คณะกรรมาธิการจึงได้มีมติให้เสนอแนะต่อรัฐบาล
เพื่อรับไปพิจารณา ดังนี้
๑. รัฐบาลควรปรับปรุงเพดานราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของเบนซิน ๙๕ และ ๙๑
ให้เหมาะสม เนื่องจากน้ำมันทั้งสองชนิดนี้ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะใช้ยานพาหนะส่วนบุคคล มีผลกระทบต่อราคาสินค้า
ค่าขนส่งสาธารณะ ค่อนข้างน้อย การปรับราคาให้สะท้อนกับความเป็นจริงจะทำให้มีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
อย่างประหยัด และจะมีผลต่อการใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงน้อยลง
๒. ขอให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบราคา
น้ำมันเชื้อเพลิงที่แท้จริงควบคู่กับราคาควบคุม แจ้งภาระเงินกองทุนที่ใช้ชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
ในช่วงที่น้ำมันเชื้อเพลิงมีราคาสูง อันจะทำให้ประชาชนใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างประหยัด
๓. รัฐบาลควรใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส โดยเร่งรัดการประหยัดพลังงานอย่างจริงจัง
รวมทั้งเร่งรัดสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาด้านพลังงานทดแทน เช่น การใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์น้ำมันไบโอดีเซล
ซึ่งมีความพร้อมอยู่แล้ว นอกจากนี้ควรเร่งศึกษาหามาตรการส่งเสริมการผลิตและใช้รถยนต์ประหยัด
พลังงานและการใช้แก๊สธรรมชาติในภาคขนส่งและอุตสาหกรรม
๔. รัฐบาลควรมีคณะทำงานศึกษาโครงสร้างและต้นทุนการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิง
ในปัจจุบันและในอนาคต เช่น ค่าการกลั่นที่เหมาะสม ค่าการตลาด ค่าขนส่ง ภาษีและเงินที่เรียกเก็บเข้า
กองทุนต่าง ๆ เพราะในอนาคตราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกมีแนวโน้มที่จะอยู่ในเกณฑ์สูง
-----------------------------------------
ธนิยา กิตติเจริญพงษ์ / สรุป
กรรณิการ์ ผ่านไกร / พิมพ์